Pajero Sport-Thailand ปาเจโร่สปอร์ตไทยแลนด์

ไปรับรถมาแล้วครับ เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 56) น้ำตาลทอง 2.5 GT จากรัตนาธิเบศร์ ขับถึงบ้าน รวมระยะทาง 801 ก.ม. แวะเติมน้ำมันเต็มถัง จากฝั่งตรงข้ามโชว์รูม 1680 บาท ใหม่ ๆ ยังไม่กล้าเหยียบ พอทางโล่ง ๆ ลองเหยียบดูบ้าง ชักมัน พอดีมาเจอเพื่อนร่วมทาง ปาเจโร่ ป้ายแดงเหมือนกัน ขับฉิวเลย เราก็เลยไล่ตามบ้าง ขับตามกันมาติด ๆ  ร้อยสาม ร้อยสี่ เกือบตลอด ของเค้าน่าจะพ้นรันอินแล้ว แต่เราสิ เพิ่งออกจากโชว์รูม เล่นแรง ซะแล้ว ไม่รู้เครื่องยนต์จะเป็นไรหรือเปล่า ตอนออกโชว์รูมใหม่ ๆ พยายามฟังเสียงหอน ของเฟืองท้าย ไม่ได้ยินเลย วันนี้ชักไม่แน่ใจแฮะ  ขนาดขับไปล้างและไม่ได้ลากยาวเหมือนวานนี้ รู้สึกจะมีสุนัขวิ่งตามแฮะ กลับถึงบ้าน คำนวณค่าน้ำมัน น่าจะประมาณ 1800 บาท แวะเติมระหว่างทางอีก 1580 บาท พอถึงบ้าน ลงไปอีก 1 ขีด น่าจะอยู่ที่ ประมาณ 9 ก.ม. กว่า ๆ ต่อลิตร ด้วยความไม่เคยชินกับการขับเกียร์ออโต้ ระหว่างขับกลับ ขณะรถติดไฟแดง ก็เลยนึกว่า เราจะออกตัวอย่างไง ให้มันนิ่มและเร็ว เพราะถ้าขับเกียร์ D อย่างเดียว มันจะออกตัวเนิ่ม ๆ และมีกระตุกเป็นจังหวะ ก็เลยลองออกด้วยโหมดเกียร์สปอร์ต โดยดึงก้านเปลี่ยนเกียร์ด้านบวกเข้าหาตัว ซึ่งมันจะเป็นเกียร์ 2 รู้สึกออกตัวได้ดีขึ้นและเร็วกว่า นิ่มกว่า ไม่กระตุก จากนั้นก็ ดึงก้านเกียร์ไปเรื่อย ๆ ซึ่งจังหวะรอบ อาจไม่ถูกต้อง ไปจนถึงเกียร์ 5 ก็เลยอยากจะถามว่า ผมขับถูกวิธีหรือไม่อย่างไรครับ  อ้อ ส่วนการลงเขาซึ่งมีโค้งบ้าง รู้สึกว่าน้องปา จะมีโคลงบ้างนิดหน่อย แต่ก็มั่น ต้องใช้เบรคช่วยตลอด และค่อนข้างจะเหยียบเบรคลึกด้วย ก็เลยทดลองใช้เกียร์สปอร์ตดูบ้าง เป็นเกียร์ 4 รู้สึกว่าการลงเขาค่อนข้างมั่นใจขึ้นมาบ้าง จากประสบการณ์แรกของการขับน้องปา อาจทำให้กระทู้ยาวไปนิด ต้องขออภ้ยด้วยครับ อย่างไงขอคำชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ

ถ้าออกตัวปกติก็ใช้โหมด d แต่ถ้าอยากให้ปรู๊ดปร๊าดออกไปเลยก็ใช้โหมด +- ส่วนการขึ้นเขาลงเขาปกติโหมด d เอาอยู่ ถ้าทางชันมากหรือโค้งเยอะๆค่อยใช่้โหมด +- ช่วยครับ

ผมก็ใช้รถมาสามคันแล้ว   ปาเจโร่เป็นคันที่สี่  และเป็นรถดีเซลคันแรก เวลาออกตัวรู้ถึงความต่างทันทีว่ามันหนักและหน่วงกว่า เบนซินมากเหมือนกัน ประกอบกับ ปาเจโร่น้ำหนักตัวร่วม สองตัน ทำให้ออกตัวผมว่าอืดนะครับ  แต่พอถึงรอบเครื่องได้ที่  ผมว่าแรงเหมือนกระแสน้ำไหลแรงๆ คือมันไม่หมดง่าย แรงและต่อเนื่อง ขับมันส์ครับ       ส่วนขึนเขา ถ้าไม่ชันมาก ผมว่า D  เอาอยู่ให้กล่องและแรงม้า เครื่องยนต์ ทำงานซะบ้าง  ส่วนลงเขา ผมว่า MANUAL ปลอดภัยที่สุด     ผมว่าใช้ๆไปก็น่าจะชินและจับความรู้สึกของรถได้ และใช้มันอย่างมีความสุข

ถ้าเน้นแรงก็ต้องดูจังหวะรอบเครื่่องครับ จังหวะเร่ง จังหวะแซงถ้ายังไม่แตะๆ 2 พันรอบ แรงไม่ค่อยมาเหมือนเหยียบแล้วไม่ไป แต่ถ้ารอบถึงช่วงแรงบิดก็คุมให้ดีก็แล้วกันครับ แต่ระวังจังหวะกระแทกคันเร่งด้วยน่ะครับ ถนนเปียก พื้นร่วนลื่น ขึ้นทางชัน ขณะกำลังเลี้ยว หรือล้อทั้งสองข้างอยู่บนพื้นผิวที่แตกต่างกัน หมุนกันได้ง่ายๆ ส่วนเล่นเกียร์ Trip tronic หรือ paddle shift ก็ ok ครับ แต่เดี๋ยวเล่นไปซักพักก็อาจจะเบื่อเนื่องจากยังไงมันก็ไม่เหมือนเกียร์ M/T แท้ๆ + มันกินน้ำมันมากขึ้นแบบรู้สึกได้ ส่วนผมไม่เน้นแรง เน้นขับประหยัด ทำยังไงให้ออกตัวด้วยรอบเครื่องน้อยที่สุด เลี้ยงคันเร่งให้เกียร์เปลี่ยนเร็วขึ้น ยกคันเร่งปล่อยไหลให้ยาวใช้เบรคให้น้อย แต่ทั้งหมดก็ไม่ถึงกับช้าจนกีดขวางการจราจรน่ะครับ

รอรอบครับ น้องปาเครื่องถือว่าเล็กสำหรับรถ 2 ตัน
ถ้าจะออกตัวให้เร็ว ปล่อยเบรคให้รถไหลซักนิด แล้วเหยียบให้รอบมันไปถึง
ไม่ค่อยใช้ +/- อะครับ ส่วนตัวคิดว่ามันช้า kick down มาไวกว่า

ที่บอกว่าเครื่องเล็กอย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับ SUV คันก่อนเครื่องผมค่อนข้างใหญ่ VQ35DE 275hp ไม่ต้องรอรอบ

ส่วนการขับขี่ ผมไม่รู้ว่าป๋าลดลมยางหรือยังนะครับ ถ้ายังไม่ได้ลด เวลาเลี้ยวรถมันจะเด้งหน่อยๆ โรงงานมันเติมลมไว้สำหรับจอด

ถ้าติดไฟแดงแล้วออกตัวคันแรก วิธีที่ถูกคือให้รอก่อน 3วินาทีครับ (นับ 1-2-3) เพื่อป้องกันรถหนีไฟเหลืองมาชน ครูสอนขับรถสอนไว้ (แซวเล่นเล่น แต่อยากให้เอาไปใช้จริงครับ)

ได้ความรู้เพิ่มเติม  จะนำไปใช้ให้ถูกต้องตามคำแนะนำ ขอบคุณมากๆครับ

อันนี้เอาไปใช้ในชีวิตจริงไม่เสียหายคับ
ช้าไปสัก 2-3วินาทีปลอดภัยขึ้นคับ