Pajero Sport-Thailand ปาเจโร่สปอร์ตไทยแลนด์

Small Room => ประชาสัมพันธ์/ข่าวสาร/บทความ/ข้อมูล/ความรู้ต่างๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: charles ที่ กรกฎาคม 01, 2013, 03:30:22 pm



Languages

หัวข้อ: บอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์-ทำอย่างไรได้บ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: charles ที่ กรกฎาคม 01, 2013, 03:30:22 pm
  หากบริษัทประกันภัยและผู้เอาประกันภัยต้องการยกเลิกการทำประกันภัยรถยนต์ (http://www.tqmbroker.com/ประกันภัยรถยนต์) ทั้งกรมธรรม์ประกันภัยภาคสมัครใจและภาคบังคับ (พรบ.) สามารถทำการบอกเลิกกรมธรรม์ทั้งสองแบบได้ 2 วิธีการ คือ
          วิธีที่หนึ่ง บริษัทประกันภัยบอกเลิก ซึ่งบริษัทประกันภัยจะต้องบอกเลิกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยการบอกเลิกเป็นหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนส่งถึงผู้เอาประกันภัยตามที่อยู่ครั้งสุดท้ายที่แจ้งกับบริษัทประกันภัย และบริษัทประกันภัยจะต้องคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามส่วนของระยะเวลาประกันภัยที่เหลือพร้อมกับคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรด้วย
          การที่บริษัทประกันภัยบอกเลิก นี้เป็นวิธีการบอกเลิกตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ บริษัทจะยกเอาเหตุแห่งความไม่สมบูรณ์หรือการฝ่าฝืนเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยระหว่างบริษัทประกันภัยกับผู้เอาประกันภัยหรือการได้บอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยกับเจ้าของรถเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อผู้ประสบภัยในการชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นไม่ได้ ยกเว้นบริษัทประกันภัยได้มีหนังสือแจ้งการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยให้เจ้าของรถและนายทะเบียนทราบล่วงหน้า” ฉะนั้น วิธีการบอกเลิกตามข้อกำหนดในกรมธรรม์ข้อนี้ ไม่เป็นเหตุในการปฏิเสธการชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นได้ เว้นแต่ได้มีการแจ้งการบอกเลิกให้นายทะเบียนทราบล่วงหน้าด้วย
          อย่างเช่น กรมธรรม์จะสิ้นผลบังคับ ณ วันพ้นกำหนด 30 วันไปแล้ว เช่น บริษัทมีหนังสือบอกเลิกกรมธรรม์ลงวันที่ 10 มกราคม 2554 แต่ผู้เอาประกันภัยได้รับหนังสือบอกเลิกดังกล่าวในวันที่ 15 มกราคม 2554 กรมธรรม์จึงสิ้นผล ณ วันพ้นกำหนด 30 วัน คือ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไป ดังนั้นเบี้ยประกันภัยที่บริษัทจะต้องคืนสำหรับระยะเวลาที่เหลือจึงต้องนับจากวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไปจนถึงวันสิ้นระยะเวลาประกันภัยที่กำหนดไว้เดิม
            วิธีที่สอง ผู้เอาประกันภัยบอกเลิก เมื่อผู้เอาประกันภัยประสงค์จะบอกเลิกกรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะมีผลให้กรมธรรม์สิ้นผลบังคับเมื่อใด ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ประกันภัยเป็นหลัก กล่าวคือ หากมีการแจ้งบอกเลิก โดยไม่มีการระบุวันที่มีผลให้กรมธรรม์สิ้นผลบังคับไว้แล้ว ให้กรมธรรม์สิ้นผลบังคับ ณ วันที่บริษัทรับทราบการแสดงเจตนาของผู้เอาประกันภัย แต่หากผู้เอาประกันภัยระบุวันที่ให้กรมธรรม์สิ้นผลบังคับไว้อย่างชัดเจน ก็ให้เป็นไปตามที่ที่ผู้เอาประกันภัยกำหนด แต่อย่างไรก็ตามวันสิ้นผลบังคับของกรมธรรม์จะเป็นก่อนวันที่ทราบการแสดงเจตนาของผู้เอาประกันภัยไม่ได้ หรือบอกเลิกย้อนหลังไม่ได้ ซึ่งบริษัทประกันภัยจะต้องคืนเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามอัตราคืนเบี้ยประกันภัยที่กำหนดไว้ และคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากรด้วย
          ผู้เอาประกันภัยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร คือ การที่ผู้เอาประกันภัยเขียนข้อความเป็นตัวหนังสือ จะเขียนลงในกระดาษอย่างไรก็ได้ ซึ่งใช้เป็นหลักฐานยืนยันนั้นเอง

เกร็ดความรู้ดีๆจาก  ประกันภัยรถยนต์ (http://www.tqm.co.th) โปรโมชั่น ประกันรถยนต์ (http://www.tqm.co.th) ดีๆ
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ  Q4CAR (http://www.q4car.com) ตลาดรถ (http://www.q4car.com) รับฝากขาย (http://www.q4car.com)  รถมือสอง (http://www.q4car.com) เปรียบเทียบรถยนต์ (http://www.q4car.com) ฟรี!!