Pajero Sport-Thailand ปาเจโร่สปอร์ตไทยแลนด์

อยากจะรบกวนเพื่อนสมาชิกทุกท่าน 2 เรื่องด้วยกันคือ
1. เวลาเข้าโค้ง ขอความกรุณารักษาช่องทางสัญจรของตนเองไว้ (อย่าเลี้ยวตัดโค้ง)
2. เวลากลางคืน อย่าเปิดไฟสปอร์ตไลท์เลยครับ ใช้ไปหน้าอย่างเดียวก็เพียงพอครับ เราะองศาไฟสปอร์ตไลท์มันไปแยงตารถคันที่วิ่งสวนมา (ไฟตัดหมอก ทำไมไม่เปิดเวลามีหมอก หรือทัศนวิสัยจำกัด)
 ทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมา  เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรกระทำครับ (น่ารังเกียจ)

อยากวิงวอนท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่ใช้ ปาเจโร่สปอร์ต (ผมก็ใช้) ศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องที่กล่าวมาทั้ง 2 เรื่อง อย่างถ่องแท้อีกทีครับ  ขอบคุณครับ Satu Satu Satu
 
             สาธุ ม้าทางหลวง สาธุ

http://www.club4g.com/index.php?topic=122.0

http://www.maehongson4u.com/information/tip_drive.htm

ฝากไว้เป็นข้อมูลเล็กน้อยครับ

ข้อมูลดีมากครับ  สาธุ

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ เรื่องตัดโค้งเนี๊ยะไม่รู้ทำไมกัน มักง่ายหรือเข้าโค้งไม่เป็นไม่ยอมมองเส้นแบ่งเลนตัวเองก็ไม่รู้ ส่วนเรื่องไฟตัดหมอกนี้เห็นจนขี้เกียจจะบ่นแล้วครับ

มารยาทของคนแต่ละคนมันต่างกันครับ...
เอาตัวเองสบาย คนอื่นช่างหัวมัน...


ผมเกลียดสุดคือพวกอยู่ผิดเลน แล้วยึกๆ ยักๆ เลี้ยวออก... กับอีกพวกที่ขับช้า ชิดขวา หันไปมอง มันคุยโทรศัำพท์ สบายใจ... ไม่สนใจชาวบ้าน ชาวช่องเลย...


 ^-^

ขับช้า แล้ว   วิ่งขวา scorn

 like like like

มันบ้าครับไอพวกนี้อย่าไปอารมณ์กับพวกมันเลย คิดเสียว่ามันคือไอพวกควายๆครับ เสียอารมณ์เปล่า ผมเจอผมก็แซงแล้วปาดหน้าครับ ชิวๆ....... 8) 8) 8) 8) 8)

รู้สึกสบายใจครับ  ที่เพื่อนสมาชิกหลาย ๆ ท่านเข้าใจ
 ขอจุ๊บทีให้ชื่นใจ :-* :-* heart heart joob joob  อิอิ

 like like like

เห็นด้วยครับ  like

เห็นดว้ย 100% ครับ   O0

ผมคิดว่าเราส่วนใหญ่คงรู้กฏกันดี โดยเฉพาะป๋าๆในนี้ คงขับกันแบบรักษากฏและมารยาทกันทุกคน
แต่คนไม่ได้อยู่ในคลับ คนที่ไม่ค่อยเรียนรู้กฏเกณฑ์ มารยาทยังมีอีกเยอะ เราต้องช่วยกันรณรงค์
แต่หน่วยงานที่ขับเคลื่อนได้ดีที่สุดคือ หน่วยงานราชการ ทำให้สาธารณะรับรู้กันให้ทั่ว และช่วยกันรณรงค์

ส่วนผม ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ครับ ขับช้าอยู่ซ้ายหรือกลาง แซงแล้วไม่แช่ไว้ขวา และจะพยายามไม่โทรศัพท์ขณะขับรถ
ถ้าจำเป็น(จริงๆ) จะใช้แฮนด์ฟรี และขับช้าชิดซ้าย หรือว่าจอดไปเลยดีที่สุด

เห็นด้วยอย่างมากเรื่องไฟตัดหมอกครับ   เพราะรถบางรุ่นจะมีไฟตัดหมอกท้ายมาด้วย  เวลาที่ผมต้องขับรถตามคันหน้า แสบตาไปหมดเลยครับ  เพราะไฟตัดหมอกหลัง มันจะสวางมากว่าปรกติ แล้วยิ่งสีแดงอีก  ปวดตาสุดๆๆ   

เยี่ยมครับ.......น่าเอาเป็นแบบอย่างอย่างยิ่ง

จริง ๆ ด้วยครับ......  แล้วมีใครพอจะเสนอแนะวิธีแก้ได้บ้างไหมครับ

  ส่วนตัวเวลามีหมอกหรือฝน เรียกว่าไฟตัดหมอกปกติ  แต่ถ้าสภาพอากาศปกติ ไม่มีหมอกหรือฝน ผมจะเรียกไฟแบบนี้ว่า ไฟตัดมิติไปสู่นรก ครับ

ถาผมเจอแบบนี้ ผมจะตามตูด เปิดไฟสูงใส่ทันที  >:(

 like

เห็นด้วยทุกความเห็นคร้าบ ทำสติกเกอร์รณรงค์การใช้ไฟตัดหมอกกันดีไหมครับ เช่น ไม่มีหมอก เปิดหาหอกอะไร  55 (อันนี้จำมาจากกระทู้หนึ่งในบ้านกลังเก่าครับ)...อนึ่ง อุ่นใจครับพักนี้ป๋าอ๊อด เข้ามาตอบกลายๆกระทู้  O0 O0

like เข้าท่าแฮะ แต่เกาๆคำพูดที่จะใช้หน่อยก็ดี เดี๋ยวจะมาชวนทะเลอะตอนจอดติดไฟแดง  :D
ผมขับเองไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นผบ เดี๋ยวได้ต้องไปเครียร์ถึงโรงพัก  ext

  ขอความกรุณา  ปิดไฟตัดหมอก ถ้าไม่เจอหมอก อย่าเปิดหาหอก ชิมิชิมิ       (กลอนบทนี้พอไหวไหมครับ  ) ;) ;) ;)


ปล. ผมขอส่งบทกลอนนี้ประกวดครับ :D

ใช้รูปหอกแทนคำว่าหอกก็น่าจะดีนะ แบบว่ากว่าจะนึกออกก็ถึงบ้านแล้ว คนพวกนี้ฉลาดน้อยงะ  ;) ;) ;)

 like

 hi

บทกลอนส่งประกวดอันแรกก็ ฮาแล้วครับ มีอีกมั๊ยเนี่ย คลายเครียดน้ำท่วมไปในตัว

โห ป๋ากิตติ ขับรถกลับบ้านยังคิดเลย สาธุ ใช้รูปหอกตอนแทงไฟตัดหมอก ก็ดีนะ  :D


ผมเลยได้ ไอเดียใหม่เลย


         heartขอความกรุณา ปิดไฟตัดหมอก ถ้าไม่เจอหมอก  อย่าเปิดหาหอก เดี๋ยวจะโดนหอกแทงไฟตัดหมอก ชิมิชิมิ  heart

 ;) ;) ;)
ยิ่งมายิ่งยาวนะ พื้นที่ติด sticker จะพอมั๊ยนั่น ว่าแล้วเดี๋ยวขอไปเหลาหอกก่อน
 ;) ;) ;)

ไฟตัดหมอก แฟชั่น...อันตราย !!

เสียงบ่นจากผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแสงไฟสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน

เสียงบ่นจากผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแสงไฟสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน

ไฟตัดหมอก อุปกรณ์แต่งรถที่กำลังเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่วทั้งรถเก๋ง และรถปิกอัพ คือ ที่มาของแสงสว่างจ้าบนท้องถนนยามค่ำคืน

การเปิดไฟตัดหมอกอาจดูเท่ในสายตาเจ้าของรถ แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่โดนแสงไฟตัดหมอกที่เปิดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม สาดใส่แล้วละก็กลับกลายเป็นความทุกข์ที่ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็น และต้องจำทนกับสภาพนี้โดยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากขับหนี หรือปล่อยให้แซงหน้าไป

จากการใช้งานในช่วงเวลาที่ผิดนี้เอง อาจทำให้คุณประโยชน์ที่มีมหาศาลของไฟตัดหมอก กลายเป็นแค่สินค้าแฟชั่น ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุแก่รถยนต์คันอื่นบนท้องถนนได้

ความจริงไฟตัดหมอกมีมานานแล้ว แต่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมเพราะราคาแพงและไม่มีความจำเป็น จึงมีให้เห็นเฉพาะกับรถนำเข้าจากเขตเมืองหนาวหรือเขตเมืองที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ เท่านั้น ต่อมาค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป เพราะการติดไฟตัดหมอกถือว่าเท่และทันสมัย ประกอบกับราคาที่ถูกลงจึงมีการหาซื้อมาดัดแปลงติดตั้งเพิ่มเติมกัน แม้แต่รถที่ผลิตในเมืองไทยก็ยังนิยมติดไฟตัดหมอก

?ไฟตัดหมอก? ถือกำเนิดขึ้นมาในแถบประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง อากาศหนาว หรือประเทศที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำทำให้มีฝนตกบ่อยตลอดทั้งปี มีบรรยากาศที่ขมุกขมัวหรือมีหมอกเป็นส่วนมาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยานพาหนะจึงมีการคิดค้นไฟตัดหมอกขึ้นมา

ไฟตัดหมอกจะใช้ไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ ส่องในระนาบขนานกับพื้นถนนหรือตกพื้นในระยะไกล ดังนั้นความสว่างจึงมีมากและส่องได้ไกลกว่า โดยเฉพาะในยามที่ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด
หลอดไฟหน้าปกติถ้าเปิดส่องในขณะที่หมอกจัด มุมที่เอียงลงต่ำทำให้เกิดมุมสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ จึงทำให้แสงที่ส่องผ่านไปมีน้อย หรือมองเห็นแค่ในระยะไม่เกิน 10 - 15 เมตร แถมแสบตากับแสงที่สะท้อนกลับ แต่ไฟตัดหมอกที่ส่องแบบขนานพื้นจะไม่สะท้อนมาที่ห้องโดยสาร เพราะสามารถทะลุทะลวงได้มาก และสะท้อนกลับมาในมุมที่ไม่กระทบผู้ขับขี่ ทำให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30 - 80 เมตร

ในทำนองเดียวกัน เมื่อพื้นถนนเปียกหรือฝนหยุดตกใหม่ๆ ในตอนกลางคืน ไฟหน้าปกติที่ส่องลงผิวถนนจะถูกพื้นน้ำสะท้อนออกไปอีกมุมหนึ่ง ซึ่งบางครั้งแทบจะมองไม่เห็นผิวถนนด้วยซ้ำ แต่ไฟตัดหมอกที่แทบจะไม่ส่องลงพื้นถนนยังสามารถมองเห็นผิวถนนในระยะสายตาได้อย่างชัดเจน ซึ่งในแถบประเทศเขตเมืองหนาวได้ออกกฎบังคับให้รถทุกคัน ต้องมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ เพราะ ไฟตัดหมอกเป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แสงจากหลอดไฟตัดหมอกจะไปแยงและรบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมาทำให้ตาพร่ามัว จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ

การใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี จึงมีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่องจากทั้งทางภาครัฐ และเอกชน โดยกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอก ประกอบด้วย

1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัดหมอกอย่างชัดเจน

2. เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะที่สูงๆ นั้น หมอกจะมีมากกว่าปกติ

3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว

4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจน แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอก คงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญาณจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม

การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้ดีขึ้น

ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่างพร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย



"ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ"


Credit Web :
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=grizzlybear&month=10-10-2009&group=60&gblog=3   
 

 
เตือนใช้ไฟตัดหมอก ตำรวจจับ ปรับได้

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลงานด้านการจราจร เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เรื่องการใช้ไฟตัดหมอกของรถต่างๆ ที่วิ่งอยู่บนท้องถนน ซึ่งปัจจุบันรถที่ผลิตขึ้นจะมีไฟตัดหมอกติดมากับตัวรถในตำแหน่งและลักษณะที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย แต่พบว่าการเปิดไฟดังกล่าวรบกวนทัศนวิสัยการขับรถของผู้อื่นและอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ตั้งใจติดไฟโดยใช้สีสันให้สะดุดตาและผู้ขับขี่บางคนที่เผลอไปเปิดไฟดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากตำแหน่งสวิตช์อยู่ใกล้จุดเปิดปิดไฟหน้า

ในเรื่องนี้การใช้ไฟตัดหมอกที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมปี 2536 ได้มีการระบุการใช้ไฟตัดหมอก สามารถใช้ได้ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรค อันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถและต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้าหรือ สวนมาในระยะของแสงไฟ หรือในระยะ 150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาวหรือแสงเหลือง ที่มีกำลังไฟไม่เกินดวงละ 55 วัตต์ เท่านั้น หากมีการใช้ไฟตัดหมอกไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

เกิดอะไรกันขึ้นหรือเปล่าครับ..

เหมือนช่วงนี้ จะคุยกันเรื่อง การขับขึ่มาก

สงสัยว่าโดนอะไรกันมาหรือเปล่าครับ....

ขับขึ่ด้วยความปลอดภัยครับทุกท่าน....

 :D :D

เหตุการณ์ปกติดีครับผ้ม..  คงพบเจอเหตุการณ์กันมาทุกท่าน แต่ไม่มีที่ พร่องอารมณ์ พอมีการตั้งกระทู้ลักษณะแบบนี้ ก็เลยมีเรื่องระบายความในใจกันนิดหน่อย ตามประสาคนวัยมันส์ ครับ  :D

 
 hi hi ;) ;) :D :D

สรุป จน ได้ นึกว่าจะจบไม่ลงซะแล้ว  :D  heart ;)

สรุปว่าต่อไปนี้จะเรียกว่า ไฟหาหอก ครับ

มีท่านสมาชิก มาสรุปใหม่อีกครับ   กรุณาปิด ไฟหาหอก  เมื่อไม่มีหมอก   เริ่มกระชับ พื้นที่ ในการนำไปติดท้ายรถมากขึ้น  good good good good



และ    เมื่อมีหมอก อย่าลืมเปิดไฟหาหอก  ชิมิชิมิ


ปล. ผมว่าเราต่อท้ายชื่อ   กระทู้มมารยาทในการใช้ ไฟหาหมอก   และให้ท่านสมาชิกเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้เป็นวาระแห่งชาติในการรณณรงค์ การเปิดไฟหาหอก

ไม่มีหมอก  จะเปิดทำหอก........................อะไร

พอมีหมอก   แมร่งเปิดไฟฉุกเฉิน...................กันทำไม

ยามรถเสีย   เปิดกระโปรง.........................เพื่ออะไร

ผ่านแยก จตุรัสเทพ   เปิดผ่าหมาก....................จะบอกอะไร

แต่จะเข้า   ม่านรูด   มืดก็มืด ......................ปิดแมร่งหมด  กระทั้ง ไฟในเก๋ง  :D

ตบไฟหน้า 2 ที   แล้วพุ่งแซง..........................หมายความว่าไง  (มันคือการให้ทาง  ไม่ใช่ขอทาง)

ไฟเลี้ยวเสีย  ไฟเลี้ยวขาด ...........................สัญญานมือขวา  โค้งข้ามหัว  หายไปไหน   (ไม่ได้มีไว้ใช้ ถ่ายรูปคู่ หัวใจ)

ใต้ไฟท้าย  วิ่งไป  กระพริบ ซ้ายที  ขวาที ......................จะให้สัญญาน  อะไร กับกรู

ไฟถอย  มาพ่วงไฟเบรค  ...................................... เพื่อขอแสงจาก spot light หน้ารถตูร หรอ

โคมไฟ  รมดำ  ทั้งโคม ไฟเลี้ยว  ริบหรี่ สีแดงอีก ..................... จะให้ตรู เรียนรู้และระวัง  มรึงหรอ  ( ถ้ากันชน ARB จะช่วนเซยให้  จะได้ชัดจากดวงไฟ )


ขำ ขำ  ยาม สาย...... ;) ;) ;) ;) ;)
 

เข้าเรื่องต่อ

ไฟที่เรียกว่า  กลุ่มไฟตัดหมอก  มี  3 กลุ่ม

1. ไฟเสริม  ไฟหน้า ( ตัดหมอกแบบที่ติดรถเรามา)
ให้แสงกระจาย  มีสีโทนเดียวกับไฟต่ำ   ระยะส่องประมาณ  2-3 เมตร  จากหน้ารถ   อยู่ตำจากไฟหน้าให้มากที่สุด    เพราะเวลามีหมอกหรือฝน  หรือกลุ่มควัน    มันจะลอยสูงจากพื้นอยู่ในอากาศ   เมื่อเปิดไฟหน้า  แสงจะไปกระทบกับละอองพวกนั้น   และฟุ้งกระจายไม่มีทิศทาง  หรือบางทีส่องสะท้อนกลับมาหาเรา  ทำให้ทัศนะวิสัยการมองเห็นเปลี่ยนไป    จึงจำเป็นต้องใช้ไฟเสริมนี้   ส่องให้ต่ำสุด  และแสงระยะใกล้ๆ  เพื่อส่องมองทางและตกกระทบวัตถุ  หรือช้องทางได้ง่ายกว่า   และการขับขี่จังหวะนี้ต้องใช้ความเร็วต่ำเท่านั้น  จึงจะมองเห็นแสงที่ส่องออกไป..........ไม่กวนตาครับ

2. ไฟ projector หรือ fog lamp ( ตัดหมอกแบบเสริม หรือ ที่่ติดกันชนรถเรานอกมา )
ให้แสงพุ่งเป็นลำ กระจายเป็นแนวนอนในบางรุ่น  มีสีโทนเหลืองเพราะสามารถเห็นเป็นลำแสงผ่าทะลุละออกพวกนี้ได้   ระยะส่องประมาณ  2-3 เมตร  จากหน้ารถ  มักจะส่องไปเสริมด้านข้างถนน และพุ่งกดลำแสงต่ำ  เพื่อลดการสะท้อนกลับเข้าหาผู้ขับขี่  อยู่ตำจากไฟหน้าให้มากที่สุด    และสังเกตุเห็นลำแสงได้ง่าย  จากรถคันอื่นๆ .........   ไม่กวนตาครับ

3. ไฟ Driving light หรือ spot light  ( ไฟช่วยส่องสว่าง แบบเสริม หรือ ที่่ติดกันชนหรือฝากระโปรงพวกรถแข่ง rally )
ให้แสงพุ่งเป็นลำไกล  หรือกระจายเป็นแนวนอนในบางรุ่น  มีสีโทนเหลืองเพราะสามารถเห็นเป็นลำแสงผ่าทะลุละออกพวกนี้ได้   ระยะส่องไกลมาก  บางรุ่นไกลกว่าไฟหน้า   มี watt ที่สูง    มักจะส่องช่วยกับไฟสูง   ในการขับขี่ที่ต้องการแสงมากๆ    ในการเดินทางด้วยความเร็วหรือที่มืดมากๆ   ใช้ได้ทั้งตัดหมอก  ส่องทาง  ส่องนก  ส่องฝูงกบ  ส่องช้าง  ได้หมด  เป็นอัตรายต่อรถที่ขับสวนมาแน่นอน     ใช้เพื่อประโยชน์เฉพาะทางครับ  .........   ไม่กวนตาอย่างเดียว    หากใช่ผิดที่ผิดทาง  จะโดนข้อหา  กวนตรีนได้อีก ครับ

ที่ติดๆกันนั้น  น่าจะเป็นการติดส่องเสริม  ก็เข้าประเด็น 3    ผลก็ตาม ท้ายประเด็น ครับ

ถาม : หลายคำถาม  ว่า   ถ้าผิดกฎหมาย   มีไว้ไม่ให้เปิดใช้   จะติดมาทำไม ????????

ตอบ :  หากคุณมีปืนในบ้านเพื่อป้องกันตัว...ไม่ผิด      หากคุณเอามายิงคน....ทำไมผิด , หรือมีไม้คมแฝกในรถไว้ใช้ค้ำฝาท้าย....ไม่ผิด      หากเอามาตีหัวคนแตก.....ทำไมผิด

ชอบตรง คำว่า " ถ้ากันชน ARB จะช่วนเซยให้... "  ครับป๋า
คิดว่าจะหากันชน ARB มาติดเหมือนกันครับ จะได้ไล่เซยให้มันเลย เหมือนรถบั้มในสวนสนุก :D :D
พวกที่ไม่รู้มารยาทในการใช้ถนน :D :D :D

ฝากพวก  เขียว-เหลือง  ชมพู-ขาว  ด้วยน่ะ  ไม่ค่อยถูกกัน 

 like like like like like like like like like like
โค-ตะ-ระ ฮาครับป๋า  ;) ;) ;) ;) ;)

อันนี้หรอ  หรือทำอยู่ 5555

THANK YOU FOR YOUR INFORMATION!!!!!   สาธุ สาธุ สาธุ

ขับตัดโค้งเป็นประจำ บนเส้นขุนตาล  แต่ทำอย่างปลอดภัย ถนนต้องไม่มีเพื่อนร่วมทาง วิ่งมาคนเดียว  ถ้ามีคนใช้ถนนด้วย ก็ขับปกติ  

คนมีสติปัญญาต้องคิดเองได้  ไม่ใช่มีคนตามหลังอยู่ แล้วยังหน้าด้านขับตัดไปตัดมา  ไม่มองกระจกหลังเลย  คนหลังจะแซง ก็แซงไม่ได้   หรือขับแกล้งคันหลัง ไม่ยอมให้แซง ทั้งที่รถตัวเองกำลังไม่ถึง



เซ็งพวกท้าแข่งมากกว่า   กระพริบไฟไล่ท้าย  พอเราหลบซ้ายให้แซง มันก็ไม่แซง  ป้วนเปี้ยนอยู่กับเรา   พอเราชะลอ มันก็ชะลอ  เราเร่ง มันก็เร่ง  แล้วเบิ้ลเครื่อง หรือถอนเท้าโชว์โบวออฟ....เจออย่างนี้ แวะเข้าปั๊มจิบกาแฟดีกว่า    ให้มันไปไกลๆก่อน เดี๋ยวซวยไปกับมัน

ดีครับ สรุปว่าไม่มีหมอก อย่าเปิดหอก เอ้ยหมอก เอ้ยไฟตัดหมอก โอ๊ยมึน รับทราบ

 good good good good good

ผมว่าคนพวกนี้มันก็ไม่เข้าใจอยุ่ดี.....อาจจะกลับมาว่าเราไม่ดีก็ได้อ่ะ....ทำไงดีครับ

เยี่ยมครับ......ผมเอาด้วยคน.......

แน่นอนทีเดียวครับ

ผมเจอพวกไฟสูงตามหลัง (เปิดแช่) แยงตา... ผมจะปิดไฟหน้่า เพื่อไม่ให้ไฟท้ายติด... แต่ต้องขับระวังๆ หน่อย...
ให้มันรู้ว่าเปิดไฟสูง... ถ้ามันยังไม่รู้ตัว ก็ขับกวนตีนมัน... ไม่ให้แซง... ตีคู่... ไม่ก็เบียด... พอมันแซงได้ ก็เปิดไฟสูงไล่...

ตอนนี้ไม่ค่อยทำละ... กลัวโดนยิง... ฮ่า...


แต่พวกขับช้าชิดขวา... ผมชอบจ่อตูด... ทำลายโสตประสาท... ยิ่งพวกมีเซ็นเซอร์ท้ายด้วย... หลอนเลย...



สงสัยผมเป็นโรคจิต
 โอ๊ยมึน

จริงๆถูกใจอันนี้มากที่สุด เพราะตัวเองก็หลงผิดตามชาวบ้านไปจนลืมไปแล้วว่าความหมายจริงๆของมันคืออะไร  :-\
ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่  :D

ผมจะกล่าวให้ฟังครับ เรื่องบุคคลที่ชอบขับช้า และชิดขวา จะมีคุณลักษณะอย่างงี้(จากการสังเกตนะ)
- ต้องเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 50 ขึ้นไป ทำทรงผมแบบมีกระบังหน้าสูง ๆ  แต่งหน้าจัดหนา ๆ ใส่แว่นขอบทอง ๆ (แนวคุณหญิงป้า)
-ต้องนั่งใกล้พวงมาลัย หลังพิงเบาะไม่ได้ ไม่รู้ทำไม
-ใบหน้าจะมองตรงไปข้างหน้า สายตาไม่เหลือบมองกระจกข้างและกระจกหลังทั้งสิ้น
-ถ้าเจอตอนกลางคืน อาจจะไม่ได้เปิดไฟหน้าในขณะขับขี่
-ต้องขับความเร็วประมาณ 60 km/hr ในช่องทางด้านขวาสุด
-เมื่อคันหลังบีบแตร ก็จะยังคงนิ่งเฉยอยู่ในเลนส์ขวา เสมือนหมามาเห่าข้างหลัง
-รถจะต้องไม่ใหม่มาก....ค่อนไปทางเก่า
-เวลาเปลี่ยนช่องทางเดินรถจะไม่เปิดไฟเลี้ยว  ถ้าเป็นก็อาจเปิดตอนเปลี่ยนเลนส์มาแล้วเกือบเต็มเลนส์

นี่คือเท่าที่ได้เจอมากับตัวเองนะครับ (แบบฮา ๆ นะ แค่หยอกเล่นกันนะครับ)

 ;) ;) ;) ;) ;)

 heart heart heart heart heart :D

เคยขับรถไปกับเพื่อนกะเทย...แล้วเจอรถที่ขับแบบนี้  คุณสมบัติเป๊ะแบบข้างบน.....เพื่อนนู่บอกว่า....นั่นไงชั้นว่าแล้ว  ชะนีแก่ขับรถ!!!
 โอ๊ยมึน โอ๊ยมึน โอ๊ยมึน(ตั้งแต่นั้นมานู๋ก้อไม่กล้าขับเลนขวาอีกเลย  กลัวมันด่า) ทนไม่ได้ ทนไม่ได้ ทนไม่ได้

 :D :D :D :D :D :D :D :D :D

เพิ่มเติมอีกนิดครับ
1/ เรื่องไฟเลี้ยว ทำไมมันต้องเป็นสีแดงด้วยผมไม่เข้าใจมากๆ และรถส่วนมากที่เหตุคือ มิตซู ซีเดีย จนผมต้องโทรไปถามเพื่อนที่โรงงานประกอบที่แหลมฉบังว่า รุ่นนี้ไฟเลี้ยวแดงหรือเปล่า คำตอบก็คือ........ไม่...ปัญหาคือเวลาขับตามๆไปไกลๆพวกจะเลี้ยว นี่ซิเราเกือบเสยมาหลายคันแล้ว มันแยกไม่ออก บางครั้งเราก็นึกว่ามันเป็นไฟเบรก เราก็ไม่ได้เบียดหลบซ้ายออก รอเข้าไปเถอะ
2/ เรื่องเปิดไฟผ่าหมาก เวลาวิ่งผ่านสีแยกวัดใจ หรือแยกไม่มีสัญญาณไฟ พวกที่เปิดไฟผ่าหมาก(ไฟฉุกเฉิน) ไม่รู้มันจะเปิดหาพระแสงอะไร บางครั้งเราจะวิ่งไปทางตรง พวกเปิดผ่าหมากมา เราก็มองเห็นแต่ไฟมันกระพิบด้านซ้ายก็นึกว่าจะเลี้ยวซ้าย  หลายต่อหลายครั้งเบรกซะจนคนนั่งเบาะหลังตกเบาะ  เพราะมันไม่ได้เลี้ยวซ้ายมันขับตรง  ตามหลักแล้วไม่ต้องเปิดนะครับ แค่ชลอๆแล้วให้ทางเอกไปก่อน หรือให้คนที่เขารอก่อนไปก่อน
อุบัตเหตุแรงๆหนักๆก็จะไม่เกิดครับ :D :D

มีมารยาทกันหน่อยครับ พวกรถแรงๆแซงเปิดไฟเลี้ยวกันด้วย ผมละเกลียดนักไอพวกแซงแล้วไม่เปิดไฟเลี้ยว... ;) ;) ;) ;)

ใช่เลย บางครั้งก็เป็นชาย ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่รึกัน แซงซ้ายยิ้มให้แล้วกันเนอะ

 :) :) :) :) :) :)

ขับรถมีน้ำใจ ภัยไม่มีครับ
ปฏิบัตตามกฎ ลดอุบัตติเหตุครับ

ปลอดภัยไว้ก่อนครับ