Pajero Sport-Thailand ปาเจโร่สปอร์ตไทยแลนด์

 ป๋าของแต่ละท่านตั้งปล่อยแก๊ส LPG กี่ BAR  กันครับ แล้วควรอยู่ที่เท่าไหร่ครับ
ขอบคุณครับ

มันขึ้นอยู่กับว่าเราใช้หม้อต้มของอะไร    หัวฉีดรูจ่ายแค่ไหน  และการปรับจูนแก้ไขและอื่นอื่นด้วยครับป๋า
ผมเอาตัวอย่าง specification ของหม้อลูกนึงมาให้ดู  มันจะบอกถึง Working Pressure ที่เหมาะสมกับการทำงานของหม้อ  แต่ไม่ได้ตายตัวว่าต้องไปตั้งตรงตามนั้นแบบเป๊ะครับ  เพราะโจทย์มันดิ้นได้ไปตามหลายอย่าง เช่นขนาดของรูการจ่ายของหัวฉีด  ., etc..

เด๋วผมว่างผมจะมาช่วยทำโจทย์ของป๋าให้แตกประเด็น  จนเข้าใจเห็นภาพโดยรวมให้ครับ   มันมีมากกว่าแค่ตั้งที่เท่าไร ตามที่ถามมาครับ เอา Spec ตัวอย่างมาดูกันก่อนนะครับ

โดยปรกติเราจะเริ่มตั้งแรงดันหม้อต้มตาม Working Pressure ของ spec. ของหม้อที่เราใช้ก่อน  โดยหัวฉีดที่ใช้ก็จะถูกคำนวณคร่าวคร่าวว่าควรจะใช้เบอร์อะไรดี  หรือหากเป็นหัวฉีดแบบเจาะรูเอง  ก็จะดูจากเสปคจาก Ecu ในเรื่องควรเจาะรูการจ่ายของหัวฉีดเท่าไรที่จะพอเหมาะกับขนาดของกระบอกสูบรถเราทั้งหมด    แล้วส่วนใหญ่ที่มักจะทำกันก็เอาค่าจาก Working Pressure ในเสปคของหม้อ  มาร่วมคำนวณการจ่ายและเจาะรูหรือเลือกเบอร์หัวฉีดร่วมกัน  ยกตัวอย่างใช้หม้อ KMe Gold แรงดันที่เป็นค่าที่เหมาะสมกับการทำงานของมันอยู่ที่ 1.2 bar ตามเสปคมัน   แต่หากเราใช้หัวฉีดที่มีรูการจ่ายเล็กไปใหญ่ไป  เราก็จะทำการปรับตั้งแรงดันที่หม้อต้มให้มันสมมาตรกัน  ทำงานร่วมกันได้ดี   โดยโปรแกรมการจูนใน ECU จะบอกเราได้ว่าเราควรจะใช้หัวฉีดขนาดรูการจ่ายอย่างไร  และควรจะปรับเพิ่มแรงดันแค่ไหนถึงจะสมมาตรกันดี

มันเป็นเรื่องความสัมพันธ์กันของ

--- แรงดัน Working Pressure ที่ตั้งใช้  จากการปรับแบบมือที่หม้อต้ม (Passive Tune)
--- ขนาดรูการจ่ายของหัวฉีด มี 2 แบบดังนี้

------------- 1.1  แบบกำหนดขนาดรูมาจากโรงงานแบบเบอร์เลย  เช่นพวก Keihin, Hana, อื่นอื่น อีกมาก
------------- 1.2  แบบ ECO คือเราจะเลือกเจาะขนาดรูการจ่ายเอง กำหนดเอง โดยดูว่าเราใช้หม้อต้มที่มี Working Pressure แนะนำจากผู้ผลิต  และดูขนาด CC ของรถเราโดยแต่ละสูบกี่ CC. มีกี่สูบ ดูรูปตัวอย่างที่ 3

เด๋วมาต่อเรื่อยเรื่อยครับ...

Pajero ของแต่ละท่านตั้งปล่อยแก๊ส LPG กี่ BAR  กันครับ แล้วควรอยู่ที่เท่าไหร่ครับ ?

ไม่มีคำตอบที่ฟันธงแบบนั้นได้ครับป๋า   ขึ้นอยู่กับใช้อุปกรณ์ร่วมอะไร  ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดนิดนึงครับ
--------------------------------------------------------------------------
รถ Pajero V6 พัทยาคันนึง  กับอีกคัน  ป๋าที่เพชรบูรณ์ ระบแก็สมีเสปคเหมือนกันหมด  แต่มีหัวฉีดที่ขนาดเบอร์ต่างกัน คันนึง Keihin Yellow 73 cc.  อีกคัน Prins/Kehin จำเบอร์ไม่ได้   คัน Keihin ใช้แรงดัน 1.2 bar   อีกคัน Prins/Kehin  ใช้แรงดันที่ 1.5 bar

รถทั้ง 2 ใช้ ECU 300ISA2  หม้อต้ม KME Gold ติดร้านเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกันต่างกันที่ขนาดรูการจ่าย (หรือการจ่ายปริมาณแก็สในระยะเวลการยกที่เท่ากัน ) รถทั้งสองจึงใช้แรงดันที่ตั้งจากหม้อต้ม (แบบ Static) ที่ ต่างกัน  แต่ตอนจบขั้นตอนการทำงาน จึงมีประสิทธิภาพออกมาใกล้เคียงกัน
--------------------------------------------------------------------------


ส่วนเรื่องการปรับตั้งแรงดันนั้นจึงต้องมีความสัมพันธ์กันแบบสมมาตรของอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน ระหว่างหม้อต้ม กับ หัวฉีด   เราจึงอนุโลมให้ปรับแรงดัน  เพื่อไปแก้อาการของขนาดรูการจ่าย   แต่ตามเสปคของหม้อต้มแต่ละอันก็จะบอก Working Pressure ที่ แนะนำมาให้ว่า  ถ้าเราสามารถเลือก set ให้ลงตัวได้ดีที่ Working Pressure เท่านี้  หม้อต้มจะทำงานได้ดีมากจากการทดสอบของเขา  เราจึงมักเลือกปรับรูการจ่ายให้ลงตัวตามแรงดันที่แนะนำ   แต่เมื่อมันไม่ลงตัวเราก็เลือกที่จะปรับหม้อต้มตามสภาพโดยรวมแทน  แต่ก็ไม่ควรเกิน + - Working Pressure มากเกินไปหากทำได้  โดยการเลือกเบอร์ขนาดหัวฉีด  หรือเจาะรูเล็กหรือใหญ่ปรับตามกันไป

ที่ตอบยาวมาเพราะอยากทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์มากสุดกับสมาชิกไว้ในห้องแก็สเราครับ    มันเป็นคำถามที่สั้น   แต่น่าจะมีการได้ขยายาความแบบจริงจัง  เพราะมันเป็นข้อสงสัยตั้งต้นที่ดีเพื่อมุ่งไปสู่ความเข้าใจเรื่องหม้อต้มและแรงดันครับ   อาจจะเขียนขาดตกไปบ้างแต่ขออภัยนะครับ  เพราะตอบแบบลำตัดเลย  แบบสดสด เพียวเพียว  ไม่ได้เียบเรียงแบบบทความครับ...

 suadyod
สุดยอดส์จริงๆครับอาจารย์ปันปัน  good

เพิ่มเติมครับ..

แรงดันในอุดมคติของระบบแก็สที่มาจากหม้อต้ม  ก็คือแรงดันที่จ่ายมาได้นิ่งดี มีการสวิงน้อย  และเรื่องการปล่อยแรงดันที่เรียบนิ่งได้ดี   ก็จะแสดงประสิทธิภาพของมันก็ตอนที่มีการเรียกใช้แบบ dynamic หรือ น้อยบ้าง  มากบ้าง  อย่างฉับพลันบ้าง  แต่โดยปรกติมันจะมีการสวิงอยู่เสมอ  ECU แก็สจะรับรู้ว่าแรงดันสวิงมากน้อยอย่างไร   มันมีเครื่องมือตัวหนึ่งที่เรียกว่า Map Sensor จะคอยวัดแรงดันที่ผ่านจากหม้อต้มก่อนวิ่งมาสู่หัวฉีดโดยผ่านกรองละอียดมาก่อน   เมื่อแรงดันที่อ่านค่าได้สวิงไปอย่างไร ECU ก็สามารถรับรู้ได้  เพี่อเอาไปคำนวณหาระยะเวลาชดเชยเวลาการยกของหัวฉีด คอยปรับช่วยเหลือแก้อาการให้หม้อที่มีการสวิงมากอยู่ด้วย   เช่นปรกติ ECU รับรู้ว่าแรงดันปรกติสมมุติอยู่ที่ 1.20 bar เพื่อเป็นการคำนวณในพื้นฐานแรก    แต่พอ Gas Pressure มันสวิง แบบ 1.12-1.34 bar หรือมากน้อยกว่านั้น   ECU บางตัวสามารถท่จะเอาค่าสวิงในขณะนั้นมาหักลบหรือเพิ่มเวลาการยกหัวฉีดได้ด้วย

ยกตัวอย่าง.. หม้อปล่อยแรงดันแก็สมา 1.20 bar ที่รอบ 640 rpm. หัวฉีดแก็สได้เวลาการยกที่ 2.7 ms.  แต่พอแรงดันสวิงด้วยเหตุผลกรองตันกระพร่องกระแพร่ง ในขณะที่กำลังถึงรอบการจ่ายเวลาให้หัวฉีดยก  แต่แรงดันสวิงลดลงไปที่ 1.10  bar   ดังนั้น ECU ที่ฉลาดบางตัวก็สั่งชดเชยเพิ่มระยะเวลการยกหัวฉีดมากขึ้นช่วยอีก สมมุติเป็น 3.1 ms.  การที่ ECU บางตัวที่ทำเช่นนี้ได้  ก็เท่ากับว่า ecu ได้มีส่วนช่วยในเรื่องแรงดันสวิงได้บ้าง  จะเห็นว่า เมื่อแรงดันต่ำลงกว่าที่ทำการ คาริเบทไว้ในตอน set ระบบ  หากไม่มีการปรับแรงดันชดเชยด้วยวิธีนี้   การจ่ายปริมาณแก็สของแต่ละรอบการจ่ายจะทำให้ output พลังงานหลังเผาไหม้ออกมาไม่เท่ากัน  แต่หากขดเชยข่วยได้บ้างก็จะดูได้ที่ Output ตอนเผาไหม้ออกมาได้พอเท่ากัน  ไม่บางไปหรือหนาไปตามแรงดันที่สวิง   แต่อย่างไรก็แล้วแต่  การเลือกที่จะให้หม้อต้มและกรองแก็สที่ไม่ตันปล่อยแรงดันมาแบบค่อนข้างวสม่ำเสมอก็เป็นการแก้ไขที่กายภาพ  ที่จะลดภาระกับ ECU ที่ทำการชดเชยด้วยระบบ Active และช่วยได้มากกับ ECU ที่ไม่มี Option การชดเชยแบบนี้

หลุดมานอกเรื่องนิดครับ... แต่มันไหลมาเองก็หยวนหยวนนิดครับ  พยายามจะเลี้ยวเข้าจุดและเดาใจว่า  ทำอย่างไรถึงจะแจงให้เห็นภาพว่ามันทำงานอย่างไร  แต่ขอเดาคำถามแรกนิดนะครับ  ที่ตั้งถามมานี้ผมเดาว่า  กำลังจะเข้าถึงว่า  กลัวว่าแรงดันที่เราใช้หากมากไปกว่าคนอื่นนี่  จะมีผลทำให้กินแก็สหรือไม่ ?  ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะช่วยอธิบายให้เห็นภาพชัดอีกนะครับ

การที่รถเราถูกตั้ง set ระบบมาครั้งแรกนั้น  ช่างเขาจะต้องผ่านขั้นตอนที่เรียกว่า คาริเบท หรือ Autotune ก่อน  แล้ว ECU ก็จะจำค่าแรงดันที่เริ่มต้นนั้น  เป็นฐานในการคำนวณทั้งหมด  เช่น ECU อาจจะจำไว้ว่าการคำนวณเริ่มต้นจะถูกเอาเป็นฐานแรก สมมุติ

--- แรงดันที่ 1.26 bar
--- อุณหภูมิเนื้อแก็สที่ 60 c.

เวลา ECU มันเริ่มคำนวณ  มันก็เอาตัวเลขเหล่านี้มาคำนวณร่วมเป็นฐานไว้ก่อน  แต่พอ Map Sensor ได้ผลตัวเลขปัจจุบันมาใหม่  มันก็เอาไป บวกเพิ่ม หรือลดลง ออกจากฐานนั่นเอง 

เพราะฉนั้นหากรถเราถูกตั้งแรงดันที่เหมาะสมไว้ที่ 1.40 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกินมากกว่ารถที่เหมือนกัน  อีกคันที่ตั้งแรงดันไว้ที่  1.10

หรือหากเป็นอีกประเด็นนึง ก็คืออยากให้รถเรามีค่าแรงดันที่ถูกต้อง  ?

ตรงนี้แหละที่เราไม่สามารถเอาเรื่องแรงดันแก็ส  มาเทียบกันได้   ยกเว้นเสียแต่ว่า อุปกรณ์ เช่นหม้อต้ม  ขนาดท่อ  ขนาดหัวฉีด ทุกอย่าง ต้องเหมือนกันเลย  ก็อาจจะพอเทียบได้ 

ท้ายสุดก็ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้มากครับ.. ที่ตั้งประเด็นดีดีที่ผมเคยผ่านมาตอนเล่นแก็สใหม่ใหม่แล้วขบคิดอยู่นาน   ก็เลยอยากออกมาช่วยแจงให้ตรงประเด็น  เป็นคำถามที่ผมก็เคยถามตัวเองในตอนเริ่มเล่นเหมือนกัน   ก็เลยไปค้นไปหาจนเข้าใจเลยเอามาแชร์กันครับ   ถ้าผู้อ่านชอบหรือติดใจสงสัยอีก Factor นึงที่น่าสนใจก็คือเรื่อง Gas Temperature ละก็ สะกิดมาได้ครับ  จะช่วยแจงประเด็นตามที่พอทราบครับ  มันก็คล้ายกับแรงดันนี่แหละคับ  มาทางเดียวกันเลย  Map Sensor นี่อีกนั้นแหละที่เป็นตัวรับรู้และทำงานรูปแบเดียวกัน  หากชอบอ่านสะกิดมานะครับ   เอา 5 หน้ากระดาษเลยก็ยังไหวครับ.... จะได้เป็นห้องแก็สที่มีคุณภาพคับแก้วครับ

 ขอบคุณมากครับกับเกล็ดความรู้ พอดีของผมวันแรกที่ติดตั้งมาตั้งไว้ที่ 1.3 bar  พอนำไปเปลี่ยนกรองแก๊สแล้วมีการบันทึกในสมุดคู่รถเปลี่ยนเป็น 1.45 bar ก็เลยเกิดความสงสัยว่าสามารถปรับลดเพิ่ม เพื่อให้ประหยัด หรือจ่ายให้มากๆ รถก็จะแรงมากยิ่ง ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกหรือผิดครับ

เดานะครับว่า 1.3 ตอนแรก  พอเปลี่ยนกรองแล้ว  มีการปรับตั้งคาริเบทใหม่ หรือ Autotune ใหม่หรือไม่ครับ  หากทำใหม่ทางร้านก็บันทึกตามโปรแกรมที่ทำการจูนละครับ   ก็ไม่ผิดอะไร  แต่เราก็ไม่ควรปรับเองโดยไปปรับที่หม้อต้มเองครับ เพราะเราไม่รู้ว่ามีการทำ คาริเบทใหม่หรือไม่

แต่หากไม่มีการทำเช่นนั้น  ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเท่าไร  เพราะโปรแกรมทำการใช้ฐานที่ 1.3 อยู่ แล้วพอเปลี่ยนกรอง  แรงดันไหลดี  หรือสปริงตัวปรับหม้อเคลื่อนไปบ้างไปอยู่ที่ 1.45 ก็เท่ากับว่า ไม่ได้ดูค่าเก่าเลย (จากโปรแกรมที่บันทึกไว้) และไม่ยอมปรับกลับมาให้คืนที่ 1.3 bar   หากไม่นับเรื่องแรงดันที่สวิงลงขึ้นบ้างในบางเวลา   การปล่อยแรงดันมากกว่าที่โปรแกรมบันทึกก็เท่ากับว่า  จะมีการจ่ายเชื้อเพลิงออกไป ค่อนข้างหนานิดจากเดิม  แต่อาจจะพอดีหากบางอยู่แล้ว  หรือถ้าหนาอยู่ก็จะหนาไปอีก

เอางี้ป๋าหากตอนเปลี่ยนกรองแล้วร้านไม่ได้ทำการปรับจูนด้วยคอม  ก็ควรจะปรับหม้อมาที่ 1.3

----หมายเหตุ  .. เรื่องแรงดันที่มากกว่านิดนิด น้อยกว่านิดนิด  ในสายตาร้านแก็สอาจจะเห็นว่าเล็กน้อย แต่จริงแล้วมันเป็นแบบนี้เลยดูรูป
จะเห็นว่าผลต่างมันอยู่ถึง 11.5 %  + -   แต่ก็อีกนั่นแหละ  แรงดันที่ใช้งานจริงมันสวิงไปมาบ้างอยู่แล้ว ตัวเลขมันก็นัวเนียกันไปพอได้  เพราะบางเวลาก็อาจได้ค่า 1.30-1.45
ยังไงฏ้ลองแวะร้านแก็สเดิมคุยกันครับ   ถ้าป๋าสามารถเปิดโปรแกรมดูเองได้ก็จะเห็นค่าที่ ECU บันทึกไว้แล้วก็ปรับตามนั้นครับ
 

 strive

มีทุกคำตอบจริงๆ ผู้ชายคนนี้