หัวข้อ: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ มกราคม 10, 2012, 02:07:52 am
ใน Nano Meeting ที่ผ่านมา ผมได้นำเอาเจ้าปาอ้วน 2.5 VG Turbo 4WD ไปติดกล่องข้าวน้อย IFRIT Step2 มาเป็นที่เรียบร้อย นับจากตอนนั้นมาก็ประมาณ 2 อาทิตย์ที่ได้ทำการทดสอบ เก็บข้อมูลต่างๆ ขออนุญาตินำมา share เพื่อเป็นข้อมูลนะครับ
อันดับแรก เรื่องความแรง อันนี้ต้องยอมรับจริงๆครับว่าของเขาแรงจริงๆ ตอนติดเสร็จ ผมเอารถออกจากร้านเพื่อไปลองวิ่งดู ตอนออกจากร้านนั้น Mode ที่ตั้งไว้คือ Race2 ตอนออกตัวนี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเหยียบแรง แต่ด้วยความเคยชินก็กดคันเร่งลงไปพอสมควร ผลก็คือ...ออกเอี๊ยดครับ....ไม่นึกว่าเจ้าอ้วนที่หนัก 2 ตันจะออกเอี๊ยดเป็นกับเขาด้วย......ในระหว่างการขับ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ทดสอบทั้ง Mode Race1 และ Race2 แม้แต่ Mode Race1 ก็ให้ความรู้สึกว่ารถเร่งได้ดีขึ้น ต้นมาเร็วขึ้นไม่ต้องรอรอบนานเหมือน STD ยิ่งถ้าเป็น Mode Race2 นี่เวลาขับนี่รู้สึกว่าต้องยั้งๆเท้าไว้หน่อยด้วยครับ เพราะกดคันเร่งนิดเดียวมันก็กระชากแล้วครับ ผมชอบมากกับการเรียกต้นมาได้เร็วขึ้นของกล่องข้าวน้อย แก้ปัญหาเรื่องของเวลาแซงได้ดีเยี่ยมเลยครับ good good good สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นผมไม่ได้ test นะครับ เพราะเจ้าปาอ้วนของผมยังใช้ช่วงล่าง และ brake เดิมๆอยู่ครับ ด้วยชุดช่วงล่างและ brake แบบนี้ผมขับเต็มที่ก็ประมาณ 150 ก็ยกแล้วครับ เกรงว่าจะเอาไม่อยู่เวลาเกิดอะไรขึ้นแบบกระทันหัน สรุปในเรื่องของความแรงโดยเฉพาะตีนต้นนี่ถูกใจมากครับ ขับต่างจังหวัดเวลาเร่งแซงได้ทันใจ ไม่ต้องรอรอบนาน แถมไม่ต้องกดคันเร่งมากก็มาแล้วครับ
อันดับแรก เรื่องความแรง อันนี้ต้องยอมรับจริงๆครับว่าของเขาแรงจริงๆ ตอนติดเสร็จ ผมเอารถออกจากร้านเพื่อไปลองวิ่งดู ตอนออกจากร้านนั้น Mode ที่ตั้งไว้คือ Race2 ตอนออกตัวนี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเหยียบแรง แต่ด้วยความเคยชินก็กดคันเร่งลงไปพอสมควร ผลก็คือ...ออกเอี๊ยดครับ....ไม่นึกว่าเจ้าอ้วนที่หนัก 2 ตันจะออกเอี๊ยดเป็นกับเขาด้วย......ในระหว่างการขับ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ทดสอบทั้ง Mode Race1 และ Race2 แม้แต่ Mode Race1 ก็ให้ความรู้สึกว่ารถเร่งได้ดีขึ้น ต้นมาเร็วขึ้นไม่ต้องรอรอบนานเหมือน STD ยิ่งถ้าเป็น Mode Race2 นี่เวลาขับนี่รู้สึกว่าต้องยั้งๆเท้าไว้หน่อยด้วยครับ เพราะกดคันเร่งนิดเดียวมันก็กระชากแล้วครับ ผมชอบมากกับการเรียกต้นมาได้เร็วขึ้นของกล่องข้าวน้อย แก้ปัญหาเรื่องของเวลาแซงได้ดีเยี่ยมเลยครับ good good good สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นผมไม่ได้ test นะครับ เพราะเจ้าปาอ้วนของผมยังใช้ช่วงล่าง และ brake เดิมๆอยู่ครับ ด้วยชุดช่วงล่างและ brake แบบนี้ผมขับเต็มที่ก็ประมาณ 150 ก็ยกแล้วครับ เกรงว่าจะเอาไม่อยู่เวลาเกิดอะไรขึ้นแบบกระทันหัน สรุปในเรื่องของความแรงโดยเฉพาะตีนต้นนี่ถูกใจมากครับ ขับต่างจังหวัดเวลาเร่งแซงได้ทันใจ ไม่ต้องรอรอบนาน แถมไม่ต้องกดคันเร่งมากก็มาแล้วครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ มกราคม 10, 2012, 02:23:02 am
อันดับต่อมา เรื่องอัตราการบริโภคน้ำมัน......ต้องให้เป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนนะครับ เจ้าปาอ้วนของผมเป็น 4WD และเปลี่ยนยางเป็นยาง AT ของมิชลินรุ่น Latitude Cross ขนาดเท่ายางมาตรฐาน และใช้แม็กเดิมครับ ตั้งแต่รับเจ้าปาอ้วนเข้ามาอยู่ในบ้าน ผมวัดอัตราการกินน้ำมันตลอดครับ การขับรถของผมปกติจะอยู่แถวชานเมืองครับ รถไม่ติดมากมายนัก ช่วงแรกที่ออกรถมาและยังไม่ได้เปลี่ยนยาง เจ้าปาผมจะบริโภคน้ำมันอยู่ประมาณ 9-9.5 กิโลเมตร/ลิตร หลังจากเปลี่ยนยางแล้ว เจ้าปาผมกินน้ำมันมากขึ้น อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 8.4-8.7 กิโลเมตรต่อลิตร ครั้งแรกที่เปลี่ยนยางนี่รู้สึกได้เลยครับว่าต้องกดคันเร่งลึกมากขึ้นกว่าธรรมดาในตอนออกตัว ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการใช้ยาง AT ที่มีดอกยางใหญ่ขึ้น หน้าสัมผัสของยางกับถนนมากขึ้น หลังจากติดเจ้ากล่องข้าวน้อยแล้วผลปรากฏว่าอัตราการกินน้ำมันกลับมาอยู่ที่ 9.3-9.4 กิโลเมตร/ลิตร.......ประหยัดขึ้นอีกครับ......ไม่น่าเชื่อ......ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยครับ.......ทั้งนี้น่าจะมีผลมาจากเมื่อติดกล่องแล้ว เวลาเร่งออกตัว หรือเร่งแซง ไม่ต้องกดคันเร่งลงไปมากนัก ขับแบบค่อยๆเติมคันเร่งก็วิ่งได้สบายแล้วครับ นอกจากนี้หลังจากติดกล่องข้าวน้อยแล้ว ผมต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีและนิสัยในการขับบ้างเพื่อให้เข้ากับรถที่มีนิสัยแตกต่างจากเดิม ซึ่งการเปลี่ยนวิธีการขับนั้นเป็นผลมาจากปัญหาเรื่องของความร้อนครับ (จะกล่าวถึงในรายละเอียดในประเด็นต่อไป) ซึ่งผมต้องปรับเปลี่ยนมาขับแบบ "กดแล้วยก" เพื่อเลี้ยงระดับความร้อนไม่ให้สูงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอน "ยก" นี่แหละครับ เป็นจังหวะที่ความร้อนจะลดลง ยิ่งยกนาน ความร้อนก็ลงมาก ผมเลยกลายเป็นคนขับรถแบบว่าทิ้งระยะจากคันหน้าห่างๆ และปล่อยรถไหล (ถอนคันเร่งออก) ให้ยาวขึ้นก่อนกดเบรก เพื่อช่วยลดความร้อนของเครื่อง กลายเป็นว่าเปลี่ยนวิธีขับเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความร้อน แต่ได้ประโยชน์ในการประหยัดน้ำมันมากขึ้นมาด้วยครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ มกราคม 10, 2012, 03:07:49 am
ประเด็นต่อมา เรื่องความร้อน.....จริงๆแล้วก่อน Nano Meeting ผมได้ทราบข้อมูลว่า ป๋ากล้วย ใช้ปา 4wd 2.5 VG เหมือนผม ติดกล่องข้าวน้อยไปแล้วมีปัญหาเรื่องความร้อน แต่ด้วยความอยาก เลยคิดว่าลองดู อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีปัญหามากน้อยแค่ไหน ในงาน meeting ก็เลยจัดกล่องข้าวน้อย step 2 มาซะ ใน meeting ผมได้คุยกับป๋าๆ ทั้งที่มาติดใหม่ และป๋าๆสมาชิกแก๊งค์กระเป๋าแหกอยู่แล้ว เกี่ยวกับระดับความร้อนของเครื่องเมื่อติดกล่องข้าวน้อย แต่ปรากฏว่าวันนั้นไม่มีปารุ่นเดียวกับผมมาเลย มีแต่เครื่อง3.2 หรือไม่ก็ 2.5 2WD ซึ่งเท่าที่สอบถามดู ทั้ง 2 รุ่นไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน สำหรับเจ้าปาอ้วนของผม เมื่อติดกล่องข้าวน้อยเข้าไปก็มีปัญหาเรื่องความร้อนตั้งแต่การวิ่ง test run รอบแรกเลย คือหลังจากติดเสร็จผมก็เอาเจ้าปาออกไปลองที่ถนนอักษะ ระหว่างทางที่วิ่งออกจากร้าน ไปถนนอักษะ ผมก็สังเกตุอยู่แล้วว่าความร้อนขึ้นค่อนข้างเร็วจาก 64 เพียงไม่กี่นาทีความร้อนก็ขึ้นไปอยู่ที่ 80 แล้ว พอถึงถนนอักษะ ผม test run รอบแรกด้วย Mode Race2 ออกตัวแบบเนิบๆ เสร็จแล้วก็ลองกดเต็มที่ไม่มียกครับ เจ้าปาพุ่งทะยานไปอย่างเร็ว และผลปรากฏว่า......ความร้อนทะลุ 100 ที่ความเร็วแค่ 120 ครับ Smart Guage ร้องลั่นครับ พอยกคันเร่ง ความร้อนก็ค่อยๆกลับลงมาเหลือประมาณ 96 test run รอบแรกเลยวิ่งไม่ครบรอบครับ heat ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งรอบเลย กลับมาจุดเริ่มต้นใหม่ จอดนิ่งๆให้ความร้อนลงมาที่ 91 แล้วค่อยออกตัว ลองใหม่ครับ คราวนี้เปลี่ยนใหม่ลองแบบค่อยๆเติมคันเร่งไม่ต้องรุนแรงครับ ความร้อนก็ขึ้นครับแต่ช้ากว่ารอบแรก ลากไปได้จนถึงความเร็วประมาณ 145.....ความร้อนก็ทะลุ 100 อีกครั้ง....ก็ ok นะครับ อย่างน้อยก็ดีกว่าเดิม........กลับมาใหม่ เหมือนเดิมครับ รอจนความร้อนลงมาที่ 91 แล้วค่อยออกตัว ลองอีกครั้ง คราวนี้ลองแบบ "กดแล้วยก" คือกดแรงขึ้นกว่าที่ลองในรอบที่ 2 พอความร้อนขึ้นถึงระดับ95 ยกคันเร่ง และรอให้ความร้อนลงมากซัก 1-2 องศา แล้วค่อยเร่งต่อ ปรากฏว่าลากไปได้ถึง 170 ครับ ยังไม่ heat.....แต่สุดถนนเสียก่อน ผมลองแบบ test run รอบ 3 อยู่ 2-3 ครั้ง ความร้อนก็ยังไม่เกิน 100 นะครับที่ความเร็วประมาณ 160-170 แต่ความร้อนก็ถือว่าสูงมากครับ อยู่ที่ประมาณ 97-99 องศาเลยทีเดียว
หลังจากวันงาน meeting ผมก็ลองปรับ mode ทั้ง STD Race1 และ Race2 เพื่อดูความระดับความร้อน สรุปเป็นข้อมูลในรูปด้านล่างนะครับ ข้อมูลในตารางเป็นระดับความร้อนใน status ต่างๆในการขับ เป็นระดับความร้อนโดยส่วนใหญ่ในแต่ละ Status นะครับ มีเพียง mode race3 ที่ผมยังไม่ได้ test นะครับ เพราะ แค่ race2 นี่ก็คุมความร้อนค่อนข้างยากแล้วครับ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/My%20new%20buddy/ECT1.jpg)
จากตารางข้างบนจะเห็นได้ว่า แม้แต่ใน Mode Standard ระดับความร้อนก็วนเวียนอยู่แถวๆ 80 ปลายๆ 90 ต้นๆ แล้วครับ ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่อง 3.2 หรือ 2.5 2WD ทีนี้พอติดกล่องข้าวน้อย + ทำท้ายราง แรงดันในรางก็เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่อุณหภูมิต้องเพิ่มขึ้นด้วย ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ความร้อนของเครื่อง 2.5VG สำหรับ 4WD นั้นมันสูงกว่าปกติอยู่แล้ว เลยทำให้ Heat ง่ายเมื่อติดกล่องเข้าไป ซึ่งก็ขึ้นกับวิธีการขับด้วยครับ อย่างที่ผม test run รอบที่ 1 กับรอบที่2 คือรอบที่1 กดเต็มที่ไม่มียก รอบที่2 คือค่อยๆเติมแต่ไม่ยกเช่นกัน ทั้ง 2 วิธี เมื่อรถอยู่ในความเร็วกลาง-สูง ความร้อนจะขึ้นไป 100 อยู่ดี ดังนั้น ถ้าเป็นเครื่อง 2.5VG 4WD ถ้าจะติดกล่องต้องขับเหมือนกับขับรถวางเครื่อง 1J + Turbo คือ กดแล้วต้องยก ห้ามแช่ครับ เวลาขับต้องพยายามเลี้ยงทั้งความเร็วและความร้อนไปในเวลาเดียวกันด้วย ;) ;) ;) ;) ;) ยากนะจะบอกให้........
หลังจากวันงาน meeting ผมก็ลองปรับ mode ทั้ง STD Race1 และ Race2 เพื่อดูความระดับความร้อน สรุปเป็นข้อมูลในรูปด้านล่างนะครับ ข้อมูลในตารางเป็นระดับความร้อนใน status ต่างๆในการขับ เป็นระดับความร้อนโดยส่วนใหญ่ในแต่ละ Status นะครับ มีเพียง mode race3 ที่ผมยังไม่ได้ test นะครับ เพราะ แค่ race2 นี่ก็คุมความร้อนค่อนข้างยากแล้วครับ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/My%20new%20buddy/ECT1.jpg)
จากตารางข้างบนจะเห็นได้ว่า แม้แต่ใน Mode Standard ระดับความร้อนก็วนเวียนอยู่แถวๆ 80 ปลายๆ 90 ต้นๆ แล้วครับ ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่อง 3.2 หรือ 2.5 2WD ทีนี้พอติดกล่องข้าวน้อย + ทำท้ายราง แรงดันในรางก็เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่อุณหภูมิต้องเพิ่มขึ้นด้วย ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ความร้อนของเครื่อง 2.5VG สำหรับ 4WD นั้นมันสูงกว่าปกติอยู่แล้ว เลยทำให้ Heat ง่ายเมื่อติดกล่องเข้าไป ซึ่งก็ขึ้นกับวิธีการขับด้วยครับ อย่างที่ผม test run รอบที่ 1 กับรอบที่2 คือรอบที่1 กดเต็มที่ไม่มียก รอบที่2 คือค่อยๆเติมแต่ไม่ยกเช่นกัน ทั้ง 2 วิธี เมื่อรถอยู่ในความเร็วกลาง-สูง ความร้อนจะขึ้นไป 100 อยู่ดี ดังนั้น ถ้าเป็นเครื่อง 2.5VG 4WD ถ้าจะติดกล่องต้องขับเหมือนกับขับรถวางเครื่อง 1J + Turbo คือ กดแล้วต้องยก ห้ามแช่ครับ เวลาขับต้องพยายามเลี้ยงทั้งความเร็วและความร้อนไปในเวลาเดียวกันด้วย ;) ;) ;) ;) ;) ยากนะจะบอกให้........
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ มกราคม 10, 2012, 03:24:26 am
โดยรวมแล้ว ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องความร้อน แต่ผมก็ยังพอใจในกล่องข้าวน้อยครับ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนนิสัยในการขับ เรื่องความร้อนก็เป็นสิ่งที่พอจะควบคุมได้ครับ โดยทั่วๆไป ผมจะใช้ Mode Race1 ในการขับ (เพราะส่วนใหญ่ขับอยู่แถวชานเมือง รถไม่ค่อยติดครับ) แต่ถ้าขับในเมืองที่รถติด ผมจะปรับมาใช้ Mode STD เพราะการขับแบบ "เร่งแล้วเบรก" ในช่วงรถติดนั้น Mode STD จะควบคุมความร้อนได้ง่ายกว่า ส่วน Mode Race2 ผมจะใช้เมื่อขับต่างจังหวัดในช่วงที่เป็นเลนสวนกัน เพื่อใช้ในการเร่งแซงครับ
หวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยชน์กัป๋าที่ใช้ 2.5VG Turbo 4WD เหมือนผมที่กำลังคิดจะติดกล่องข้าวน้อยนะครับ เป็นข้อมูลเพื่อให้ป๋าไว้พิจารณากันครับ
ขอขอบคุณป๋าอ๊อด ป๋านะ ที่นำกล่องข้าวน้อยมาแนะนำให้ผมได้ใช้ รวมถึงคำแนะนำต่างๆในการใช้กล่องข้าวน้อยด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
สำหรับปัญหาเรื่องความร้อน หวังว่าป๋าอ๊อด ป๋านะ และพี่ๆที่ IFRIT จะพบวิธีแก้ปัญหานะครับ ถึงผมพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเลยจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ
หวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยชน์กัป๋าที่ใช้ 2.5VG Turbo 4WD เหมือนผมที่กำลังคิดจะติดกล่องข้าวน้อยนะครับ เป็นข้อมูลเพื่อให้ป๋าไว้พิจารณากันครับ
ขอขอบคุณป๋าอ๊อด ป๋านะ ที่นำกล่องข้าวน้อยมาแนะนำให้ผมได้ใช้ รวมถึงคำแนะนำต่างๆในการใช้กล่องข้าวน้อยด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
สำหรับปัญหาเรื่องความร้อน หวังว่าป๋าอ๊อด ป๋านะ และพี่ๆที่ IFRIT จะพบวิธีแก้ปัญหานะครับ ถึงผมพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเลยจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: seto16(เอก) ที่ มกราคม 10, 2012, 08:21:33 am
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
กล่องนี้เสียบได้เลยหรือว่าต้องตัดต่อสายไฟครับ
กล่องนี้เสียบได้เลยหรือว่าต้องตัดต่อสายไฟครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Pig (No.031) ที่ มกราคม 10, 2012, 08:28:43 am
like
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: thekop07 ที่ มกราคม 10, 2012, 09:04:42 am
เป็นที่มาของคำว่า ร้อน...แรง victory 5555
ขอบคุณสำหรับการรีวิวครับ hi
ขอบคุณสำหรับการรีวิวครับ hi
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: chan ที่ มกราคม 10, 2012, 10:47:46 am
ปัญหาความร้อนนั้น จากที่ได้ถามพวกในกลุ่มรถแรง ไทรตันติดกล่อง
เนื่องจากฟรีปั้มทำงานไม่ทันในรอบที่สูงขึ้น
คือเวลาออกตัวแรงฟรีปั้มที่อยู่กับพัดลมหม้อน้ำมันจะฟรีทำให้ใบพัดลมหมุนไม่เติมที่ เป็นการป้องกันใบพัดลมแตก
วิธีแก้จากที่เคยคุยกับกลุ่มที่ชอบความแรง เค้าบอกว่าให้ใส่พัดลมไฟฟ้าที่หน้าหมอนำมีรอบสูงๆ จะช่วยได้
บางคันที่เจอถอนฟรีปั้มกับพัดลมเครื่องออก ใส่พัดลมไฟฟ้า 2 สเตปเลย ของรถยุโรป (แต่งเต็มสูตร)
ปล.ผิดถูกรอผู้รู้มาตอบอีกที่นะคร้าบ...... สาธุ
เนื่องจากฟรีปั้มทำงานไม่ทันในรอบที่สูงขึ้น
คือเวลาออกตัวแรงฟรีปั้มที่อยู่กับพัดลมหม้อน้ำมันจะฟรีทำให้ใบพัดลมหมุนไม่เติมที่ เป็นการป้องกันใบพัดลมแตก
วิธีแก้จากที่เคยคุยกับกลุ่มที่ชอบความแรง เค้าบอกว่าให้ใส่พัดลมไฟฟ้าที่หน้าหมอนำมีรอบสูงๆ จะช่วยได้
บางคันที่เจอถอนฟรีปั้มกับพัดลมเครื่องออก ใส่พัดลมไฟฟ้า 2 สเตปเลย ของรถยุโรป (แต่งเต็มสูตร)
ปล.ผิดถูกรอผู้รู้มาตอบอีกที่นะคร้าบ...... สาธุ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: kobv5 ที่ มกราคม 10, 2012, 04:34:17 pm
ooo
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ มกราคม 10, 2012, 06:13:15 pm
สำหรับปัญหาเรื่องความร้อน หวังว่าป๋าอ๊อด ป๋านะ และพี่ๆที่ IFRIT จะพบวิธีแก้ปัญหานะครับ ถึงผมพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเลยจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ
รับทราบปัญหา ครับป๋า เดี๋ยวว่างๆมาตอบและอธิบายสาเหตุให้นะครับ ตอนนี้ผมอยู่ในสนามบินตรงจุดซ่อมเครื่องบิน โดนเครื่องยิงสัญญานมือถือตลอด on line ได้ไม่นานครับ
.....ร้อน แรง ดีไหม 55555 ถ้าปรี๊ดแล้วยก ก้ไม่ค่อยพัง แต่ถ้าปรี๊ดแล้วกด อาจจะพังเป็นแถบๆครับ >:D ยอดเยี่ยม ooo
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ มกราคม 11, 2012, 01:02:04 pm
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
กล่องนี้เสียบได้เลยหรือว่าต้องตัดต่อสายไฟครับ
กล่องนี้เสียบได้เลยหรือว่าต้องตัดต่อสายไฟครับ
กล่องสามารถเสียบได้เลยครับ แต่smart gauge ต้องมีการเดินสายเล็กน้อยครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: KAG No.97 ที่ มกราคม 11, 2012, 01:07:24 pm
ออกเอี๊ยดๆ ชอบๆ ยอดเยี่ยม
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ มกราคม 11, 2012, 01:14:29 pm
สำหรับปัญหาเรื่องความร้อน หวังว่าป๋าอ๊อด ป๋านะ และพี่ๆที่ IFRIT จะพบวิธีแก้ปัญหานะครับ ถึงผมพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเลยจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ
รับทราบปัญหา ครับป๋า เดี๋ยวว่างๆมาตอบและอธิบายสาเหตุให้นะครับ ตอนนี้ผมอยู่ในสนามบินตรงจุดซ่อมเครื่องบิน โดนเครื่องยิงสัญญานมือถือตลอด on line ได้ไม่นานครับ
.....ร้อน แรง ดีไหม 55555 ถ้าปรี๊ดแล้วยก ก้ไม่ค่อยพัง แต่ถ้าปรี๊ดแล้วกด อาจจะพังเป็นแถบๆครับ >:D ยอดเยี่ยม ooo
ขอบคุณครับป๋านะ ได้รับคำแนะนำและทราบข้อมูลจากป๋าอ๊อดแล้วครับ ผมกำลังทดสอบขับใน mode Eco ตามคำแนะนำของป๋าอ๊อดครับ ทดสอบเสร็จแล้วจะส่งข้อมูลให้นะครับ ขอบคุณครับ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ มกราคม 11, 2012, 11:56:02 pm
หวัดดีป๋า TAZZ
ไปแชร์ไว้ในกระทู้กล่องข้าวนะครับ ยาวหน่อย เพื่อความสบายใจ
ไปแชร์ไว้ในกระทู้กล่องข้าวนะครับ ยาวหน่อย เพื่อความสบายใจ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ มกราคม 11, 2012, 11:56:39 pm
หวัดดีป๋า TAZZ
ไปแชร์ไว้ในกระทู้กล่องข้าวนะครับ ยาวหน่อย เพื่อความสบายใจ
ไปแชร์ไว้ในกระทู้กล่องข้าวนะครับ ยาวหน่อย เพื่อความสบายใจ
อย่าตกใจเรื่องความร้อน แต่ให้เข้าใจเรื่องความร้อน
เรื่องของเรื่องเกิดจากน้องน้ำอีกเช่นเคย ทั้งที่ความจริงความร้อนถูกสร้างขึ้นเพราะการเสียดสีของโลหะ , ความร้อนจากการสันดาปของระบบเครื่องยนต์ดีเซล แต่ทั้งหมดไม่ว่าอะไรก็ตามจะส่งถ่ายความร้อนไปให้น้องน้ำ เช่นกัน เพราะคุณสมบัติที่ดีของน้ำคือการนำความร้อน (Heat conduction) คือการถ่ายเทความร้อนโดยตรงระหว่างสารซึ่งต้องการการสัมผัสโดยตรง ความสามารถในการนำความร้อนของวัตถุต่างๆมีไม่เท่ากัน โลหะนำความร้อนได้ดีที่สุด น้ำสามารถนำความร้อนได้ใกล้เคียงกับโลหะ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการพาความร้อน (Heat convection) หรือการถ่ายเทความร้อนจากการเคลื่อนไหวของโมเลกุลสารจำนวนมากๆ ส่งถ่ายกันไป ได้ดีกว่า
เท่าที่เคยฟังและเข้าใจกันมาเรื่องความร้อนนั้น เริ่มจากเมื่อเราเริ่มstart engine เครื่องยนต์เริ่มมีการเสียดสีกันจากการระเบิดของการสันดาปในห้องเผาไหม้ ทำให้เกิดความร้อนสูงถึง 500-700 องศาC ความร้อนที่เกิดขึ้นจะถ่ายเทแทรกตัวเข้าไปในเนื้อโลหะบริเวณใกล้เคียงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นน้ำก็เริ่มเกิดการแลกเปลี่ยนความร้อนกับโลหะโดยการเริ่มนำพาความร้อนและส่งถ่ายความร้อน ไปตามช่องทางเดินของน้ำในระบบ ตามหลักการออกแบบเครื่องยนต์ วิ่งไปทุกซอกทุกมุม ทั้งเสื้อสูบ ห้องเครื่อง ห้องเกียร์ ท่อทางเดินของระบบต่างๆ เพื่อทำการแลกเปลี่ยนความร้อนและขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่อุ่นโลหะและชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ เพื่อ warm หรือปลุกให้โลหะมีอุณหภูมิสูงขึ้นพร้อมที่จะรองรับการทำงานของเครื่องยนต์ ให้ถึงอุณหภูมิใช้งานได้เร็วที่สุด ( การออกแบบเครื่องยนต์แต่ละรุ่น มีค่าอุณหภูมิใช้งานต่างกันแค่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 87-92 คือพร้อมใช้ และ 90-95 คือเหมาะสม และใบบางรุ่นที่เครื่องยนต์รอบจัดจ้านอาจสูงถึง 92-97 องศาC ) ฉะนั้นน้ำก็ทำหน้าที่ของมันไป ตามที่เคยบอกกันไปแล้วว่าน้ำมีหน้าที่รักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ และมันก็วิ่งของมันไปเรื่อยๆตามระบบ พอมันผ่านเข้าไปในหม้อน้ำมันก็ทำหน้าที่อุ่นหม้อน้ำโดยการแลกเปลี่ยนความร้อนอีก แต่บังเอิญหม้อน้ำนั้นมีครีบอลูมิเนียมในการรับการระบายความร้อนจากอากาศที่เย็นกว่าอีก จึงทำให้การแลกเปลี่ยนความร้อนของน้ำเสียเปรียบเยอะกว่า ทำให้ตัวมันมีอุณหภูมิลดลงไปด้วย พอมันวิ่งกลับไปวนถึงระบบห้องเผาไหม้เมื่อไหร่ มันก็นำพาความร้อนออกมาอีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ วนเวียนอยู่แบบนั้น
ในการรักษาอุณหภมิของเครื่องยนต์นั้นมันจะถูกส่งถ่ายความร้อนออกมาจากโลหะ จนบางทีความร้อนของตัวมันสูงมากจนถึงจุดที่กำหนดตามหลักการออกแบบของเครื่องยนต์ที่ต้องการอุณหภูมิใช้งานแค่ในช่วงนั้นๆ หากมากกว่าก็จะมีวาล์น้ำอีกตัวที่จะคอยเปิดปิดทางเดินของน้ำ เช่น เมื่อน้ำร้อนถึง 92 องศาเมื่อไหร่ วาวล์จะเปิดระบบให้น้ำร้อนออกไปน้ำใหม่เข้ามาเพื่อให้คงอุณหภมิอยู่แบบนั้นเพื่อรองรับการเสียดสีที่รวดเร็วและการเผาไหม้ที่รุนแรง เพราะที่อุณหภูมิใช้งานนั้นเหล็กจะมีการขยายตัวเต็มที่พร้อมสำหรับการรองรับการทำงานตามระบบ และเมื่อมีความร้อนในระบบสูง น้ำก็มีอุณหภมิสูงและเมื่อน้ำมีอุณหภมิสูงก็ต้องมีแรงดันของการขยายตัวของน้ำด้วย มันก็จะนำพาความร้อนและความดันของตัวมันนั้น หาทางระบายตัวเองโดยการวิ่งแลกเปลี่ยนความร้อนไปเรื่อย หากแต่ส่วนอื่นๆร้อนกันหมดแล้ว ก็เหลือแต่ชุดหม้อน้ำเท่านั้นที่จะดึงความร้อนจากตัวมันออกไปได้ บังเอิญหากรถเราไม่ได้วิ่งเร็วอีก อากาศที่มาปะครีบอลูมิเนียมก็มีน้อย การดึงความร้อนออกจากน้ำจึงไม่ดีเท่าที่ควร จึงจำเป็นต้องออกแบบพัดลมไฟฟ้าช่วยในรอบเครื่องยนต์ต่ำๆอีก หรือความร้อนสูงมากแต่การระบายยังไม่ดีพอ พัดลมจะเริ่มทำงานหากแต่การระบายนะจุดนั้นยังไม่พอใจเท่าที่ควร ฝาหม้อน้ำก็จะเริ่มทำงานโดยการที่น้ำมีอุณหภมิสูงมากและมีแรงดันจากการขยายตัวของน้ำมาก แต่ยังไม่ถึงกับเดือดที่100 องศานะครับ เพราะในน้ำนั้นเรามีการผสมน้ำยาหล่อเย็นเข้าไปทำให้เพิ่มจุดเดือดของน้ำ ให้เดือนสูงกว่านี้ อาจจะมีจุดเดือดที่ 120-135 องศาก็ได้ แต่เมื่อความร้อนสูงมากแล้วแรงดันก็สูงมากแล้ว พัดลมไฟฟ้าก็ทำงานแล้ว แรงดันนั้นจะดันวาวล์ที่ฝาหม้อน้ำนั้นเปิดออกยอมให้น้ำในระบบดันออกไปที่ถังพักน้ำสำรองในห้องเครื่อง เมื่อน้ำร้อนในหม้อน้ำมาเจอน้ำเย็นในถังสำรองนั้นด้วยที่การถ่ายเทความร้อนที่เร็วก็เริ่มถ่านเทความร้อนให้กัน และการที่แรงดันถูกระบายออกมาที่ถังสำรองนี้ก็ทำให้แรงดันลดลง ขณะนั้นก็ยังมีพัดลมไฟฟ้าช่วยอีก พออุณหภูมิน้ำลดลง แรงดันก็ลดลง วาว์ลฝาหม้อน้ำก็ปิดตัวลง ขณะที่แรงดันลดลงนั้นในเมื่อระบบหม้อน้ำเป็นสูญยากาศก็จะมีรูเล็กๆที่ฝาหม้อน้ำดูดน้ำจากถังสำรองกลับมาเพื่อทำงานตามระบบต่อไป ฉะนั้นจะสังเกตุได้ว่า จะมีคำแนะนำให้เติมน้ำนังสำรองไม่ให้เกิน max และเวลาหม้อน้ำร้อนอย่าเปิดฝาหม้อน้ำเพราะแรงดันมันสูงมากๆ และอีกอย่างตรงนี้เองผมก็เพิ่งเข้าใจว่าถังพักน้ำสำรองหม้อน้ำมีหน้าที่ทำอะไร นึกว่าเอาไว้สำรองให้เผื่อน้ำในหม้อน้ำยุบ หารู้ไม่ว่ามันช่วยเรื่องการระบายแรงดันนี่เอง ฉะนั้นการที่จะลดความร้อนโดยการเปลี่ยนฝาหม้อน้ำให้ทนแรงดันสูงขึ้นนั้น อาจดีในความเร็ว แต่อาจมีปัญหาในการจราจรแออัดเช่นในเมืองหลวง เพราะแทนที่ฝาวาวล์จะเปิดก่อน ก็ต้องรอให้แรงดันในระบบสูงกว่าเดิมอีก วาวล์จึงจะยอมเปิดออก หรือเปลี่ยนวาล์วน้ำเพื่อให้เปิดก่อนอุณหภูมิใช้งาน เพื่อลดความร้อนลง ก็อาจจะเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาจากประสบการณ์ หรือหากแต่เพื่อสมาชิกพอใจที่จะเปลี่ยน หรือมีเทคนิคในการปรับแต่ง ก็แชร์กันได้นะครับ ผมก็ฟังมาแต่ทฤษฎีจากที่ปรึกษา ก็เลยมาแชร์กัน
คราวนี้ก็มาถึงเรื่องการแต่งกล่องข้าวน้อยแล้วความร้อนขึ้นสูง รถผมติด autometer water temp โดยใช้ Sensor จับอุณหภูมิน้ำขาออกจากเครื่อง(จะวัด temp ของน้ำ) และติด Smartguage เพื่อจับความร้อนจากระบบที่ ecm นำไปใช้งาน(ซึ่งจะเป็นความร้อนจากเครื่องยนต์+น้ำ) ฉะนั้นที่ว่า ค่าที่วัดแบบไหนเชื่อถือได้ ผมขอบอกว่า Smart guage จับค่าสูงกว่าประมาณ 2-3 องศา หรือจะเรียกว่าเร็วกว่าก็ได้ อย่างน้อยก็จะได้เตือนให้ยกคันเร่งกันก่อนได้
ในการติดกล่องข้าวน้อย 2 นี้ จะมีความร้อนตอบสนองเร็วกว่าเดิมประมาณ 3-5 องศา ถ้าเราเร่งเหยีบบคันเร่ง ฉะนั้นแต่เดิมเราเคยขับกัยแบบเดิมๆ อืดๆ เราก็กดโดยการค่อยๆเติมค้นเร่ง พอกดเร็วก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก มันก็ไปตามการตองสนองเครื่องยนต์ของมัน แต่พอเราแต่งกล่องกันแล้ว การตองสนองเครื่องยนต์เร็วกว่า ยิ่งพอเหียยบเร็วยิ่งตอบสนองเท้าดี เราก็เลยเพลินตะบี้ตะบัน มันส์กับการเหยียบคันเร่ง แต่พอความร้อนขึ้นจนร้องเตือนก็เลยแอบตกใจ ทั้งที่เข็มหน้าปัดในเรือนไมล์ก็ไม่ได้กระดิกสูงกว่าเดิมเท่าไหร่ หรือเป็นเพราะ Smart Guage มันหลอนเราหรือป่าว 55555
สำหรับเครื่อง VG นั้นเป็นระบบ Turbo แปรผัน มีการบูสตัวเองที่ความเร็วรอบจองเครื่องยนต์ที่กำหนด พอได้เวลากล่องสั่งเปิดระบบ VG ก็จะสร้างบูส กวาดบูสให้เกิดขึ้นเสมือนแต่งโบใหญ่กว่าเดิม จุดนี้คือจุดที่เครื่องยนต์ต้องการประสิทธิภาพของเครื่องฉะนั้นอุณหภูมิใช้งานของเครื่องยนต์ตรงนี้จะอยู่ที่จุดสูงเพื่อรองรับการทำงานแบบเร่งประสิทธิภาพของตัวมันเอง และในรอบสูงก็เช่นนั้น จุดนี้เองจะเห็นได้ว่า เพียงแค่เดิมๆเครื่อง VG ก็มีอุณหภูมิเครื่องยนต์สูงกว่าอยู่แล้ว เครื่อง VG นี่ตรงลงมันมีอะไรมากกว่าเครื่องเดิมเยอะน่ะ อุณหภูมิก็สูงกว่าเดิม น้ำมันก็อร่อยกว่าเดิม สะดีดสะดิ้งสะพัดกระพืบก็มีมากกว่าตัวเดิม แถมยังมีน้ำมาฉีดเลอะเทอะที่ไฟหน้าเข้าไปอีก 555555 นี่แหละ VG = Very Good ?.. (กำไรของ MMTH )
สำหรับเครื่อง VG ทางเราได้สูตรจากที่ปรึกษา ที่ทำ Montero มาลองใช้ และเป็นแนวทางเดียวกับทีมที่ปรึกษาในนี้ และวันนี้มีการทดสอบกับ 2.5 VG 4WD เรียบร้อยได้ผลเป็นที่น่าพอใจและสนใจ
แนะนำ : กล่องที่เราเอามาแนะนำกันนี้ ไม่ใช่กล่องที่ดีที่สุด เพียงแต่การตอบสนองของการใช้งานตรงกับที่เราต้องการที่สุด ทั้งเรื่องสินค้า การบริการหลังการขาย ข้อมูลเชิงเทคนิค ปัญหาการใช้งาน แนวทางการแก้ไขและทดสอบและทดลองอย่างจริงจัง กับ Pajero Sport เกียร์ Auto เท่านั้น เป้าหมายคือการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้ดีที่สุด และไม่ต้องคอยดูแล ปรับแต่งอะไร ไม่เน้นความเร็วปลายนะครับ อยากรู้ไปลองกดกันดูครับ พอวิ่งได้แต่ไม่ถึงขั้นไปแข่งกับใครเขา ปล่อยแรงไปเดี๋ยวโดนข้อหาขับจี้ตูดชาวบ้านเขา
อร่อยที่ปลายลิ้น : สำหรับ Smart Guage ตามหลักการที่อธิบายไปนั้น ให้ตั้งเตือนที่ 98 องศาครับ และพอปรี๊ด ก็ยกกันบ้างนะครับ ส่วนใหญ่ผมกดหลายรอบล่ะ จะปรี๊ดช่วง 180-190 ในขณะกำลังกดเติมเค้น หากช่วง 180 ไปแล้วลองหยุดการกด รอไหลแล้วค่อยๆเติมตามไปเลย 190+ ก็ยังไม่ร้องน่ะครับ ฉะนั้นอย่าตกใจเรื่องความร้อน แต่ให้เข้าใจเรื่องความร้อน ครับ
เรื่องของเรื่องเกิดจากน้องน้ำอีกเช่นเคย ทั้งที่ความจริงความร้อนถูกสร้างขึ้นเพราะการเสียดสีของโลหะ , ความร้อนจากการสันดาปของระบบเครื่องยนต์ดีเซล แต่ทั้งหมดไม่ว่าอะไรก็ตามจะส่งถ่ายความร้อนไปให้น้องน้ำ เช่นกัน เพราะคุณสมบัติที่ดีของน้ำคือการนำความร้อน (Heat conduction) คือการถ่ายเทความร้อนโดยตรงระหว่างสารซึ่งต้องการการสัมผัสโดยตรง ความสามารถในการนำความร้อนของวัตถุต่างๆมีไม่เท่ากัน โลหะนำความร้อนได้ดีที่สุด น้ำสามารถนำความร้อนได้ใกล้เคียงกับโลหะ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการพาความร้อน (Heat convection) หรือการถ่ายเทความร้อนจากการเคลื่อนไหวของโมเลกุลสารจำนวนมากๆ ส่งถ่ายกันไป ได้ดีกว่า
เท่าที่เคยฟังและเข้าใจกันมาเรื่องความร้อนนั้น เริ่มจากเมื่อเราเริ่มstart engine เครื่องยนต์เริ่มมีการเสียดสีกันจากการระเบิดของการสันดาปในห้องเผาไหม้ ทำให้เกิดความร้อนสูงถึง 500-700 องศาC ความร้อนที่เกิดขึ้นจะถ่ายเทแทรกตัวเข้าไปในเนื้อโลหะบริเวณใกล้เคียงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นน้ำก็เริ่มเกิดการแลกเปลี่ยนความร้อนกับโลหะโดยการเริ่มนำพาความร้อนและส่งถ่ายความร้อน ไปตามช่องทางเดินของน้ำในระบบ ตามหลักการออกแบบเครื่องยนต์ วิ่งไปทุกซอกทุกมุม ทั้งเสื้อสูบ ห้องเครื่อง ห้องเกียร์ ท่อทางเดินของระบบต่างๆ เพื่อทำการแลกเปลี่ยนความร้อนและขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่อุ่นโลหะและชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ เพื่อ warm หรือปลุกให้โลหะมีอุณหภูมิสูงขึ้นพร้อมที่จะรองรับการทำงานของเครื่องยนต์ ให้ถึงอุณหภูมิใช้งานได้เร็วที่สุด ( การออกแบบเครื่องยนต์แต่ละรุ่น มีค่าอุณหภูมิใช้งานต่างกันแค่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 87-92 คือพร้อมใช้ และ 90-95 คือเหมาะสม และใบบางรุ่นที่เครื่องยนต์รอบจัดจ้านอาจสูงถึง 92-97 องศาC ) ฉะนั้นน้ำก็ทำหน้าที่ของมันไป ตามที่เคยบอกกันไปแล้วว่าน้ำมีหน้าที่รักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ และมันก็วิ่งของมันไปเรื่อยๆตามระบบ พอมันผ่านเข้าไปในหม้อน้ำมันก็ทำหน้าที่อุ่นหม้อน้ำโดยการแลกเปลี่ยนความร้อนอีก แต่บังเอิญหม้อน้ำนั้นมีครีบอลูมิเนียมในการรับการระบายความร้อนจากอากาศที่เย็นกว่าอีก จึงทำให้การแลกเปลี่ยนความร้อนของน้ำเสียเปรียบเยอะกว่า ทำให้ตัวมันมีอุณหภูมิลดลงไปด้วย พอมันวิ่งกลับไปวนถึงระบบห้องเผาไหม้เมื่อไหร่ มันก็นำพาความร้อนออกมาอีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ วนเวียนอยู่แบบนั้น
ในการรักษาอุณหภมิของเครื่องยนต์นั้นมันจะถูกส่งถ่ายความร้อนออกมาจากโลหะ จนบางทีความร้อนของตัวมันสูงมากจนถึงจุดที่กำหนดตามหลักการออกแบบของเครื่องยนต์ที่ต้องการอุณหภูมิใช้งานแค่ในช่วงนั้นๆ หากมากกว่าก็จะมีวาล์น้ำอีกตัวที่จะคอยเปิดปิดทางเดินของน้ำ เช่น เมื่อน้ำร้อนถึง 92 องศาเมื่อไหร่ วาวล์จะเปิดระบบให้น้ำร้อนออกไปน้ำใหม่เข้ามาเพื่อให้คงอุณหภมิอยู่แบบนั้นเพื่อรองรับการเสียดสีที่รวดเร็วและการเผาไหม้ที่รุนแรง เพราะที่อุณหภูมิใช้งานนั้นเหล็กจะมีการขยายตัวเต็มที่พร้อมสำหรับการรองรับการทำงานตามระบบ และเมื่อมีความร้อนในระบบสูง น้ำก็มีอุณหภมิสูงและเมื่อน้ำมีอุณหภมิสูงก็ต้องมีแรงดันของการขยายตัวของน้ำด้วย มันก็จะนำพาความร้อนและความดันของตัวมันนั้น หาทางระบายตัวเองโดยการวิ่งแลกเปลี่ยนความร้อนไปเรื่อย หากแต่ส่วนอื่นๆร้อนกันหมดแล้ว ก็เหลือแต่ชุดหม้อน้ำเท่านั้นที่จะดึงความร้อนจากตัวมันออกไปได้ บังเอิญหากรถเราไม่ได้วิ่งเร็วอีก อากาศที่มาปะครีบอลูมิเนียมก็มีน้อย การดึงความร้อนออกจากน้ำจึงไม่ดีเท่าที่ควร จึงจำเป็นต้องออกแบบพัดลมไฟฟ้าช่วยในรอบเครื่องยนต์ต่ำๆอีก หรือความร้อนสูงมากแต่การระบายยังไม่ดีพอ พัดลมจะเริ่มทำงานหากแต่การระบายนะจุดนั้นยังไม่พอใจเท่าที่ควร ฝาหม้อน้ำก็จะเริ่มทำงานโดยการที่น้ำมีอุณหภมิสูงมากและมีแรงดันจากการขยายตัวของน้ำมาก แต่ยังไม่ถึงกับเดือดที่100 องศานะครับ เพราะในน้ำนั้นเรามีการผสมน้ำยาหล่อเย็นเข้าไปทำให้เพิ่มจุดเดือดของน้ำ ให้เดือนสูงกว่านี้ อาจจะมีจุดเดือดที่ 120-135 องศาก็ได้ แต่เมื่อความร้อนสูงมากแล้วแรงดันก็สูงมากแล้ว พัดลมไฟฟ้าก็ทำงานแล้ว แรงดันนั้นจะดันวาวล์ที่ฝาหม้อน้ำนั้นเปิดออกยอมให้น้ำในระบบดันออกไปที่ถังพักน้ำสำรองในห้องเครื่อง เมื่อน้ำร้อนในหม้อน้ำมาเจอน้ำเย็นในถังสำรองนั้นด้วยที่การถ่ายเทความร้อนที่เร็วก็เริ่มถ่านเทความร้อนให้กัน และการที่แรงดันถูกระบายออกมาที่ถังสำรองนี้ก็ทำให้แรงดันลดลง ขณะนั้นก็ยังมีพัดลมไฟฟ้าช่วยอีก พออุณหภูมิน้ำลดลง แรงดันก็ลดลง วาว์ลฝาหม้อน้ำก็ปิดตัวลง ขณะที่แรงดันลดลงนั้นในเมื่อระบบหม้อน้ำเป็นสูญยากาศก็จะมีรูเล็กๆที่ฝาหม้อน้ำดูดน้ำจากถังสำรองกลับมาเพื่อทำงานตามระบบต่อไป ฉะนั้นจะสังเกตุได้ว่า จะมีคำแนะนำให้เติมน้ำนังสำรองไม่ให้เกิน max และเวลาหม้อน้ำร้อนอย่าเปิดฝาหม้อน้ำเพราะแรงดันมันสูงมากๆ และอีกอย่างตรงนี้เองผมก็เพิ่งเข้าใจว่าถังพักน้ำสำรองหม้อน้ำมีหน้าที่ทำอะไร นึกว่าเอาไว้สำรองให้เผื่อน้ำในหม้อน้ำยุบ หารู้ไม่ว่ามันช่วยเรื่องการระบายแรงดันนี่เอง ฉะนั้นการที่จะลดความร้อนโดยการเปลี่ยนฝาหม้อน้ำให้ทนแรงดันสูงขึ้นนั้น อาจดีในความเร็ว แต่อาจมีปัญหาในการจราจรแออัดเช่นในเมืองหลวง เพราะแทนที่ฝาวาวล์จะเปิดก่อน ก็ต้องรอให้แรงดันในระบบสูงกว่าเดิมอีก วาวล์จึงจะยอมเปิดออก หรือเปลี่ยนวาล์วน้ำเพื่อให้เปิดก่อนอุณหภูมิใช้งาน เพื่อลดความร้อนลง ก็อาจจะเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาจากประสบการณ์ หรือหากแต่เพื่อสมาชิกพอใจที่จะเปลี่ยน หรือมีเทคนิคในการปรับแต่ง ก็แชร์กันได้นะครับ ผมก็ฟังมาแต่ทฤษฎีจากที่ปรึกษา ก็เลยมาแชร์กัน
คราวนี้ก็มาถึงเรื่องการแต่งกล่องข้าวน้อยแล้วความร้อนขึ้นสูง รถผมติด autometer water temp โดยใช้ Sensor จับอุณหภูมิน้ำขาออกจากเครื่อง(จะวัด temp ของน้ำ) และติด Smartguage เพื่อจับความร้อนจากระบบที่ ecm นำไปใช้งาน(ซึ่งจะเป็นความร้อนจากเครื่องยนต์+น้ำ) ฉะนั้นที่ว่า ค่าที่วัดแบบไหนเชื่อถือได้ ผมขอบอกว่า Smart guage จับค่าสูงกว่าประมาณ 2-3 องศา หรือจะเรียกว่าเร็วกว่าก็ได้ อย่างน้อยก็จะได้เตือนให้ยกคันเร่งกันก่อนได้
ในการติดกล่องข้าวน้อย 2 นี้ จะมีความร้อนตอบสนองเร็วกว่าเดิมประมาณ 3-5 องศา ถ้าเราเร่งเหยีบบคันเร่ง ฉะนั้นแต่เดิมเราเคยขับกัยแบบเดิมๆ อืดๆ เราก็กดโดยการค่อยๆเติมค้นเร่ง พอกดเร็วก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก มันก็ไปตามการตองสนองเครื่องยนต์ของมัน แต่พอเราแต่งกล่องกันแล้ว การตองสนองเครื่องยนต์เร็วกว่า ยิ่งพอเหียยบเร็วยิ่งตอบสนองเท้าดี เราก็เลยเพลินตะบี้ตะบัน มันส์กับการเหยียบคันเร่ง แต่พอความร้อนขึ้นจนร้องเตือนก็เลยแอบตกใจ ทั้งที่เข็มหน้าปัดในเรือนไมล์ก็ไม่ได้กระดิกสูงกว่าเดิมเท่าไหร่ หรือเป็นเพราะ Smart Guage มันหลอนเราหรือป่าว 55555
สำหรับเครื่อง VG นั้นเป็นระบบ Turbo แปรผัน มีการบูสตัวเองที่ความเร็วรอบจองเครื่องยนต์ที่กำหนด พอได้เวลากล่องสั่งเปิดระบบ VG ก็จะสร้างบูส กวาดบูสให้เกิดขึ้นเสมือนแต่งโบใหญ่กว่าเดิม จุดนี้คือจุดที่เครื่องยนต์ต้องการประสิทธิภาพของเครื่องฉะนั้นอุณหภูมิใช้งานของเครื่องยนต์ตรงนี้จะอยู่ที่จุดสูงเพื่อรองรับการทำงานแบบเร่งประสิทธิภาพของตัวมันเอง และในรอบสูงก็เช่นนั้น จุดนี้เองจะเห็นได้ว่า เพียงแค่เดิมๆเครื่อง VG ก็มีอุณหภูมิเครื่องยนต์สูงกว่าอยู่แล้ว เครื่อง VG นี่ตรงลงมันมีอะไรมากกว่าเครื่องเดิมเยอะน่ะ อุณหภูมิก็สูงกว่าเดิม น้ำมันก็อร่อยกว่าเดิม สะดีดสะดิ้งสะพัดกระพืบก็มีมากกว่าตัวเดิม แถมยังมีน้ำมาฉีดเลอะเทอะที่ไฟหน้าเข้าไปอีก 555555 นี่แหละ VG = Very Good ?.. (กำไรของ MMTH )
สำหรับเครื่อง VG ทางเราได้สูตรจากที่ปรึกษา ที่ทำ Montero มาลองใช้ และเป็นแนวทางเดียวกับทีมที่ปรึกษาในนี้ และวันนี้มีการทดสอบกับ 2.5 VG 4WD เรียบร้อยได้ผลเป็นที่น่าพอใจและสนใจ
แนะนำ : กล่องที่เราเอามาแนะนำกันนี้ ไม่ใช่กล่องที่ดีที่สุด เพียงแต่การตอบสนองของการใช้งานตรงกับที่เราต้องการที่สุด ทั้งเรื่องสินค้า การบริการหลังการขาย ข้อมูลเชิงเทคนิค ปัญหาการใช้งาน แนวทางการแก้ไขและทดสอบและทดลองอย่างจริงจัง กับ Pajero Sport เกียร์ Auto เท่านั้น เป้าหมายคือการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้ดีที่สุด และไม่ต้องคอยดูแล ปรับแต่งอะไร ไม่เน้นความเร็วปลายนะครับ อยากรู้ไปลองกดกันดูครับ พอวิ่งได้แต่ไม่ถึงขั้นไปแข่งกับใครเขา ปล่อยแรงไปเดี๋ยวโดนข้อหาขับจี้ตูดชาวบ้านเขา
อร่อยที่ปลายลิ้น : สำหรับ Smart Guage ตามหลักการที่อธิบายไปนั้น ให้ตั้งเตือนที่ 98 องศาครับ และพอปรี๊ด ก็ยกกันบ้างนะครับ ส่วนใหญ่ผมกดหลายรอบล่ะ จะปรี๊ดช่วง 180-190 ในขณะกำลังกดเติมเค้น หากช่วง 180 ไปแล้วลองหยุดการกด รอไหลแล้วค่อยๆเติมตามไปเลย 190+ ก็ยังไม่ร้องน่ะครับ ฉะนั้นอย่าตกใจเรื่องความร้อน แต่ให้เข้าใจเรื่องความร้อน ครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ มกราคม 12, 2012, 12:19:25 am
สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณป๋านะเป็นอย่างยิ่งครับ สาธุ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 12:40:22 pm
หลังจากเก็บข้อมูลเรื่องความร้อนมา 1 เดือน ปรึกษาหารือกับป๋าอ๊อดมาซักระยะ เมื่อวานนี้นัดกับป๋ากล้วยที่น้องปามีอาการตัวร้อนเหมือนกัน เข้าไปปรับจูนกับพี่ปอนด์ที่ IFRIT เท่าที่วิ่งทดสอบดูความร้อนบนความเร็วสูงเหนียวขึ้น ไม่ขึ้นทะลุ 100 ง่ายๆ อาการน่าจะดีขึ้น คุยกันว่าจะลองเก็บข้อมูลเรื่องอาการตัวร้อนหลังจากปรับจูนมาใหม่อีกซักพัก แล้วคงมา update กันอีกที พี่ปอนด์ใจดีปรับจูนตีนต้นขึ้นมาอีกนิด pleasantsuprise pleasantsuprise pleasantsuprise ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม เลยออกตัวแรงขึ้นอีกหน่อย มันเท้าขึ้นอีกนิด ทั้งหมด IFRIT บริการฟรี แถมเลี้ยงข้าวกลางวันด้วย สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ เสียอย่างเดียวตอนลองรถป๋ากล้วย ดันมีด่านคุณ ตร. มาตั้งพอดี ป๋ากล้วยอัดมาที่ความเร็ว 160 กว่า พี่ตร. ทำหน้าแบบนี้เลย :P :P :P :P :P :P :P :P ขอขอบคุณป๋าอ๊อด ป๋านะ สำหรับคำแนะนำ พี่ปอนด์ และพี่ๆทีมงาน IFRIT ที่ช่วยกันวิเคราะห์และแก้ปัญหาครับ good good good สาธุ สาธุ สาธุ เสาร์นี้จะได้ลองวิ่งทางยาว + ทางลุยเล็กน้อย จะพาน้องปาไปเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น คงได้เห็นประสิทธิภาพของกล่องจูนมาใหม่แบบเต็มๆคราวนี้แหละครับ O0 O0 O0 O0 O0
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 02:55:43 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: GluaYz ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 03:35:38 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
ขออนุญาต ตอบแทนป๋าตาล 100-101c เท่าที่ลองกัน เข็มความร้อน ไม่ขยับครับ ยังคงอยู่เท่าเดิม : )))
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 03:45:03 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
ขออนุญาต ตอบแทนป๋าตาล 100-101c เท่าที่ลองกัน เข็มความร้อน ไม่ขยับครับ ยังคงอยู่เท่าเดิม : )))
แล้วอย่างนี้จะถือว่าเครื่อง over heat มั๊ยครับ โอ๊ยมึน
แล้วจริงๆอนุภูมิของเครื่องตอน over heat อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ครับ
แล้วคนที่ติดกล่องแต่ไม่ได้ติด smart guage จะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องมัน heat ครับ :-\
สรุปว่าวัดความร้อนบนหน้าปัดรถเราเชื่อถือได้มั๊ยครับ รบกวนหน่อย สาธุ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 09:45:44 pm
แอบไปแรงกันใหญ่ เลยนะป๋าตาม กับน้องกล้วย..... อย่าแรงมากกันนักนะครับ เดี๋ยวความคงกระพัน จะเอาไม่อยู่ 55555
ป๋ากิตติ ความร้อนเต็มเข็มหน้าปัด อยู่ที่ 120 องศาครับ จุดเดือนของน้ำหล่อเย็นก็เพิ่มสูงอยู่ที่ประมาณ 120+ องศาครับ
ลองดูของผมวิ่ง ชิวๆ 80 KMH ยังแบบนี้เลย
- หน้าปัด ขีด 3
- water temp 185 องศาF ( 85 องศาC)
- Engine temp 88 องศา C
(http://image.ohozaa.com/i/44d/EyBpok.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fskg)
(http://image.ohozaa.com/i/6d0/5SrfoE.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fske)
ป๋ากิตติ ความร้อนเต็มเข็มหน้าปัด อยู่ที่ 120 องศาครับ จุดเดือนของน้ำหล่อเย็นก็เพิ่มสูงอยู่ที่ประมาณ 120+ องศาครับ
ลองดูของผมวิ่ง ชิวๆ 80 KMH ยังแบบนี้เลย
- หน้าปัด ขีด 3
- water temp 185 องศาF ( 85 องศาC)
- Engine temp 88 องศา C
(http://image.ohozaa.com/i/44d/EyBpok.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fskg)
(http://image.ohozaa.com/i/6d0/5SrfoE.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fske)
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:01:01 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
ขออนุญาต ตอบแทนป๋าตาล 100-101c เท่าที่ลองกัน เข็มความร้อน ไม่ขยับครับ ยังคงอยู่เท่าเดิม : )))
แล้วอย่างนี้จะถือว่าเครื่อง over heat มั๊ยครับ โอ๊ยมึน
แล้วจริงๆอนุภูมิของเครื่องตอน over heat อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ครับ
แล้วคนที่ติดกล่องแต่ไม่ได้ติด smart guage จะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องมัน heat ครับ :-\
สรุปว่าวัดความร้อนบนหน้าปัดรถเราเชื่อถือได้มั๊ยครับ รบกวนหน่อย สาธุ
ทีละประเด็นนะครับ
เรื่อง over heat ในระดับความร้อนประมาณ 100 นิดๆ นั้น เท่าที่ถามจากทั้งทางทีม IFRIT ทั้งทางช่างศูนย์ และทางช่างจาก MMTH พูดคล้ายๆกันคือ ยังไม่ heat ครับ คือความร้อนของเครื่อง VG Turbo นั้นถูกตั้งมาให้ทำงานได้ดี เต็มประสิทธิภาพ และสึกหรอต่ำที่อุณหภูมิ ประมาณ 92-96 ซึ่งก็ใกล้กับ 100 อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อ engine load มากๆเข้า ก็มีโอกาสที่อุณหภูมิ จะไปอยู่ที่ 100 หรือมากกว่านิดหน่อยได้ (ไม่จำเป็นต้องติดกล่องนะครับ แค่ขึ้นทางชันยาวๆ หรือบรรทุกหนักมากๆ เครื่องเดิมๆ ความร้อนก็อยู่ใกล้ 100 แล้วครับ) ส่วนเรื่องความร้อนที่เรียกว่าฮีท ทางช่างที่ศูนย์บอกว่าอยู่ที่ 120 ครับ เนื่องจากน้ำในหม้อน้ำเรามีทั้งสารหล่อเย็น ที่อุณหภูมิ 100 นิดๆ น้ำในหม้อน้ำจึงยังไม่เดือด ไม่เหมือนกับที่เราต้มน้ำในหม้อครับนั่นเป็นน้ำธรรมดา ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ถามมานะครับ และผู้ตอบก็ตอบด้วยการ "เล่าให้ฟัง" ไม่ได้มีหลักฐานเป็นเอกสารยืนยัน ดังนั้นอาจต้องรอว่ามีผู้รู้ท่านใดมีความเห็นที่แตกต่างมาเพิ่มเติมหรือไม่นะครับ
ส่วนเรื่องเกจวัดความร้อนบนหน้าปัดน้องปาเรา กับ smart gauge นั้นการวัดความร้อนต่างกันครับ Smart Gauge เป็นระบบ Digital ที่อ่านค่าจาก ECU ซึ่งจะมีความไวต่อการขึ้นลงของความร้อนมากกว่า gauge ที่อยู่บนหน้าปัดรถครับ เพียงแค่ความร้อนขยับขึ้น Smart gauge ก็จะแสดงผลว่าความร้อนขึ้นทันที แต่ gauge ที่หน้าปัดน้องปานั้นต้องมี "ความร้อนสะสม" อยู่ระยะเวลาหนึ่งเข็มจึงจะเริ่มขยับครับ ดังนั้นถ้าความร้อนสูงขึ้นเพียงชั่วขณะ แล้วกลับลงมา จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (เช่น ลมเข้ากระจังหน้าช่วยระบายความร้อน หรือระบบพัดลมทำงาน) gauge ที่หน้าปัดน้องปาก็จะไม่ค่อยขยับไปไหนครับ เพราะฉนั้น Smart gauge จะทำให้เรารู้ตัวล่วงหน้าว่าอุณหภูมิสูงขึ้นแล้วนะ ก่อนที่มันจะ over heat จริงๆ ส่วน gauge ที่หน้าปัดน้องปา กว่าจะขยับขึ้นมา เครื่องคงใกล้จะ over heat แล้วหละครับ สำหรับความน่าเชื่อถือ ผมว่าเชื่อถือได้ทั้งคู่ แต่อย่างที่บอก smart gauge sensitive กับการเปลี่ยนแปลงของความร้อนมากกว่าเท่านั้นเอง
สำหรับเรื่องการติดกล่อง กับ Smart Gauge นี่เป็นเหตุผลหลักอันหนึ่งที่ทำให้ผมเลือกติด IFRIT ครับ คือเราต้องเข้าใจว่าการติดกล่อง ทำให้รถแรงขึ้น เพิ่มกำลังของรถให้มากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการเพิ่มการจ่ายน้ำมันมากขึ้น การจ่ายน้ำมันให้กระจายมากขึ้น หรือการเพิ่มแรงดันในรางให้มากขึ้น ฯลฯ ทั้งหมดนั้นเราทำให้เครื่องยนต์เราทำงานมากขึ้นกว่าที่ตั้งมาจากโรงงาน เมื่อมีการจุดระเบิดมากขึ้น รุนแรงขึ้น ความร้อนก็เป็นสิ่งที่มีมากขึ้นตามมา มันเป็นธรรมชาติครับ ไม่มีใครไปฝืนมันได้ ทีนี้การติดกล่องโดยไม่มี gauge แน่นอนครับ เราก็ไม่รู้หรอกครับว่าความร้อนมันขึ้นมาหรือไม่ เพราะในสภาวะปกติที่เครื่องยังอยู่ในสภาพดี ยังรองรับการทำงานที่มากขึ้นไหว พอความร้อนขึ้น ระบบระบายความร้อนก็ทำงานตามหน้าที่ของมัน เข็มที่ gauge หน้าปัดน้องปาก็ไม่ค่อยขยับ ทีนี้ถ้าขับธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ธรรมดาคือ ติดกล่องมาแล้ว มันมาก เหยียบกระจาย และเห็นว่าความร้อนที่ gauge หน้าปัดก็ไม่ขึ้น ก็เหยียบกระจายกันเข้าไปอีก เมื่อเครื่องรับภาระมากๆเป็นเวลานานๆ พอมันไม่ไหว ถ้าต้องรอจนเข็มที่ gauge หน้าปัดน้องปาขยับขึ้น ก็คือมันมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์แล้ว หรือบางทีอาจพังไปแล้วก็ได้ครับ ทีนี้กับคำถามที่ว่าติดกล่องแล้ว ไม่มี Smart gauge จะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องมัน heat คำตอบคือรู้ได้ครับ จากเจ้าเข็มของ gauge ที่หน้าปัดน้องปานั่นแหละครับ คือถ้าเครื่อง over heat เข็มก็จะขึ้นไปจนจะถึงขีดแดงนั่นแหละครับ นั่นก็แปลว่า over heat แล้ว ส่วน Smart gauge นั้นการที่ความร้อนที่ Smart gauge ขึ้นมาที่ 100 หรือแม้แต่มันจะร้องเตือน ก็ไม่ได้แปลว่าเครื่อง over heat นะครับ แต่มันหมายความว่า เราควรจะยกเท้าออกจากคันเร่งได้แล้ว ผ่อนเครื่องนิดนึง ให้เครื่องได้ระบายความร้อนไปนิดนึง เดี๋ยวค่อยเหยียบต่อครับ เพราะถ้ากดต่อไปโดยไม่ยก "มันจะ over heat นะจ๊ะ !!!!!" เพราะฉนั้น Smart Gauge ไม่ได้ติดมาเพื่อบอกว่าเครื่อง over heat หรือไม่นะครับ แต่บอกเราว่าเมื่อไหร่เรากดได้ เมื่อไหร่ควรยก ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้เครื่องมันอยู่กับเราให้นานที่สุดครับ
ที่ผมเลือกติด IFRIT เพราะ ผมชอบที่ concept ของเขาคือให้รถมันแรงขึ้น (บ้าง) แต่ต้องไม่ทำลายรถ การมี Smart gauge มาด้วยเป็นตัวช่วยบอกชั้นดีครับ คือ Smart Gauge มัน sensitive กับความร้อนที่เปลี่ยนแปลงมาก ก็จะทำให้เรารู้ว่าเราเหยียบมาขนาดนี้ความร้อนเริ่มขึ้นแล้วนะ จะได้รู้ว่าได้เวลาที่เราจะต้องยกบ้าง เพลาการเหยียบลงนิดนึง ให้ระบบระบายความร้อนได้ทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อนบ้าง ไม่ใช่ตะบี้ตะบันอัดเข้าไป ระบบระบายความร้อนระบายไม่ทันก็ยังไม่ยก เหยียบจนน้ำดันเครื่องพังกันไปก็มากมายครับ ถ้าระดับความร้อนประมาณ 100 นิดๆ เป็นสิ่งที่ทางช่างบอกว่า "ยังปกติ" "ยังไม่ heat" ความร้อนระดับนี้ก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ครับ ตราบเท่าที่ความร้อนขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วหยุด คงที่ และเมื่อเรายกคันเร่งแล้ว มีแนวโน้มที่ลดลง แสดงว่าระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดี เครื่องยังเป็นปกติ แต่ถ้าความร้อนมันขึ้นแล้วไม่หยุด ยกแล้วไม่ลง อันนี้มีเสียวแล้วครับ โดยส่วนตัวนะครับ ผมว่าการติดกล่องแล้ว Smart gauge เป็นสิ่งที่น่าติดครับ ช่วยให้เราขับสนุกกับกล่องในขณะเดียวกันก็ถนอมเครื่องยนต์ให้อยู่กับเรานานๆครับ ในอดีตผมเคยแล้วครับ กล่องที่ไหนเขาบอกว่าแรง เพิ่มแรงม้าเยอะๆ ออกตัวจีดจ๊าดประเภทเอียดกัน 2 เกียร์ ก็ไปจัดมา เวลาขับก็มันครับ เหยียบเข้าไป อัดเข้าไป ไม่ได้สนใจว่าจะต้องมี gauge วัดค่าต่างๆของเครื่องเพื่อถนอนเครื่องไว้บ้าง สุดท้ายก็ "พังคาเท้า" ครับ ทั้งหมดเป็นความเห็นและมุมมองส่วนตัวนะครับ ไม่ได้ตั้งใจ cheer สินค้าของใคร หรือ discredit สินค้าของผู้ใดนะครับ
สำหรับข้อมูลด้านบน ต้องขอบคุณ พี่ปอนด์ IFRIT ป๋านะ ป๋าอ๊อด ช่างของ MMTH ที่ให้ความรู้ผมมาตลอดครับ (ต้องให้ credit ผู้ให้ความรู้ซักหน่อยครับ) สาธุ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:11:48 pm
แอบไปแรงกันใหญ่ เลยนะป๋าตาม กับน้องกล้วย..... อย่าแรงมากกันนักนะครับ เดี๋ยวความคงกระพัน จะเอาไม่อยู่ 55555
ป๋ากิตติ ความร้อนเต็มเข็มหน้าปัด อยู่ที่ 120 องศาครับ จุดเดือนของน้ำหล่อเย็นก็เพิ่มสูงอยู่ที่ประมาณ 120+ องศาครับ
ลองดูของผมวิ่ง ชิวๆ 80 KMH ยังแบบนี้เลย
- หน้าปัด ขีด 3
- water temp 185 องศาF ( 85 องศาC)
- Engine temp 88 องศา C
(http://image.ohozaa.com/i/44d/EyBpok.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fskg)
(http://image.ohozaa.com/i/6d0/5SrfoE.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fske)
ป๋ากิตติ ความร้อนเต็มเข็มหน้าปัด อยู่ที่ 120 องศาครับ จุดเดือนของน้ำหล่อเย็นก็เพิ่มสูงอยู่ที่ประมาณ 120+ องศาครับ
ลองดูของผมวิ่ง ชิวๆ 80 KMH ยังแบบนี้เลย
- หน้าปัด ขีด 3
- water temp 185 องศาF ( 85 องศาC)
- Engine temp 88 องศา C
(http://image.ohozaa.com/i/44d/EyBpok.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fskg)
(http://image.ohozaa.com/i/6d0/5SrfoE.jpg) (http://image.ohozaa.com/view/8fske)
สวัสดีครับป๋านะ ไม่ได้แอบไปแรงนะคร้าาาาาาาาาบ......ผมขับ chill chill ด้วย race 1 ตลอดครับ >:D >:D >:D ไปปรับจูนให้ความร้อนที่รอบสูง+ความเร็วสูงมันเหนียวๆหน่อยหนะครับ ไม่ให้มันขึ้นไปทะลุ 100 ง่ายๆ อะครับ เสาร์-อาทิตย์นี้ได้เอาไปลองที่กาญจนบุรีครับ ทางยาวๆ ขึ้นเขานิดๆ จะได้ลองดูว่าระดับความร้อนจะเหนียวแน่นแค่ไหนครับ กำลังหาสูตรที่ลงตัวในการปรับจูนอยู่อะครับ O0 O0 O0 O0
ความร้อนระดับรถป๋านะที่ 85 ผมเห็นเฉพาะตอน start ตอนเช้าเท่านั้นแหละครับ น้องปา 2.5 VG 4WD ของผมนี่จอดติดไฟแดงเฉยๆความร้อนก็อยู่ที่ 89-90 แล้วครับ เหมาะกับคนร้อนแรงอย่างผมจริงๆคร้าาาาาาาบ ;) ;) ;) ;) ;) ;) :D :D :D :D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:15:48 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
ขออนุญาต ตอบแทนป๋าตาล 100-101c เท่าที่ลองกัน เข็มความร้อน ไม่ขยับครับ ยังคงอยู่เท่าเดิม : )))
เพิ่มเติมอีกซักนิดนึงนะครับ ตอนทดสอบความร้อนสูงสุดที่ขึ้นไปคือ 101c อย่างที่ป๋ากล้วยบอกจริงๆครับ แต่เป็นการเหยียบชนิดที่ขยี้คันเร่งเลยครับ คือตอนนั้นเราอยากจะรู้ว่าถ้า engine load มากๆ ในช่วงถนนแค่ไม่กี่กิโลอย่างถนนอักษะนี่ความร้อนจะขึ้นไปสุดแค่ไหนครับ ตอนนั้นความร้อนสูงสุดขึ้นที่ 101c ตอนใกล้ๆจะสุดถนนแล้วครับ พอยกปุ๊บ ความร้อนก็ลงทันทีครับ น่าจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีอยู่ครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: utopia ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:18:39 pm
ยินดีด้วยนะครับ ทั้งป๋า TAZZ และป๋ากล้วย ในเรื่องความร้อนที่เป็นห่วง ๆ กัน ทีนี้สบายใจหายห่วงได้แล้วล่ะครับ ทีมงาน IFRIT จัดให้
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:21:13 pm
ยินดีด้วยนะครับ ทั้งป๋า TAZZ และป๋ากล้วย ในเรื่องความร้อนที่เป็นห่วง ๆ กัน ทีนี้สบายใจหายห่วงได้แล้วล่ะครับ ทีมงาน IFRIT จัดให้
ขอบคุณครับ สาธุ สาธุ สาธุ เริ่มดีขึ้นครับ คงจะต้องเก็บข้อมูลอีก เพื่อปรับจูนครั้งต่อไปครับ พยายามหาสูตรที่ลงตัว ทั้งขับสนุก และไม่ทรมานเครื่องในทุกสภาพการใช้งานครับ strive strive strive strive
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:23:20 pm
ขอบคุณทั้งสองป๋าที่สละเวลาอธิบายผ่านตัวหนังสือและรูปภาพ ถ้าได้คลิปด้วยท่าจะแจ่ม :D
ชัดเจนมากครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
(ป๋าTAZZพิมพ์ตั้ง30บรรทัด ผมขอแค่3ก็พอ) grimace
ชัดเจนมากครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
(ป๋าTAZZพิมพ์ตั้ง30บรรทัด ผมขอแค่3ก็พอ) grimace
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:27:28 pm
ขอบคุณทั้งสองป๋าที่สละเวลาอธิบายผ่านตัวหนังสือและรูปภาพ ถ้าได้คลิปด้วยท่าจะแจ่ม :D
ชัดเจนมากครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
(ป๋าTAZZพิมพ์ตั้ง30บรรทัด ผมขอแค่3ก็พอ) grimace
ชัดเจนมากครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ สาธุ สาธุ สาธุ
(ป๋าTAZZพิมพ์ตั้ง30บรรทัด ผมขอแค่3ก็พอ) grimace
clip เดี๋ยวรอป๋ากล้วยจัดมาให้นะครับ
ที่เขียนซะยืดยาวนี่ เผื่อให้ป๋าๆท่านอื่นมาอ่านด้วยครับ >:D >:D >:D >:D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:31:05 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
ขออนุญาต ตอบแทนป๋าตาล 100-101c เท่าที่ลองกัน เข็มความร้อน ไม่ขยับครับ ยังคงอยู่เท่าเดิม : )))
เพิ่มเติมอีกซักนิดนึงนะครับ ตอนทดสอบความร้อนสูงสุดที่ขึ้นไปคือ 101c อย่างที่ป๋ากล้วยบอกจริงๆครับ แต่เป็นการเหยียบชนิดที่ขยี้คันเร่งเลยครับ คือตอนนั้นเราอยากจะรู้ว่าถ้า engine load มากๆ ในช่วงถนนแค่ไม่กี่กิโลอย่างถนนอักษะนี่ความร้อนจะขึ้นไปสุดแค่ไหนครับ ตอนนั้นความร้อนสูงสุดขึ้นที่ 101c ตอนใกล้ๆจะสุดถนนแล้วครับ พอยกปุ๊บ ความร้อนก็ลงทันทีครับ น่าจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีอยู่ครับ
อธิบายซ่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ อิ อิ ผมสรุปให้ตามนี้นะป๋า ค่าตัวเลขทั้งหมด ที่กระทู้กล่องข้าวน้อย แทบหมดตำราแล้ว
- เครื่องไม่ VG ให้ตั้งเตือนที่ 98
- เครื่อง VG ให้ตั้งเตือนที่ 99
หากต้องการมากกว่านั้น หมอเก็บเครื่องมือ ไปเมืองนอกแล้วครับ เดี๋ยวรับไม่ไหว เพราะจะเอาไม่อยู่ :D :( ext
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:33:20 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
ขออนุญาต ตอบแทนป๋าตาล 100-101c เท่าที่ลองกัน เข็มความร้อน ไม่ขยับครับ ยังคงอยู่เท่าเดิม : )))
เพิ่มเติมอีกซักนิดนึงนะครับ ตอนทดสอบความร้อนสูงสุดที่ขึ้นไปคือ 101c อย่างที่ป๋ากล้วยบอกจริงๆครับ แต่เป็นการเหยียบชนิดที่ขยี้คันเร่งเลยครับ คือตอนนั้นเราอยากจะรู้ว่าถ้า engine load มากๆ ในช่วงถนนแค่ไม่กี่กิโลอย่างถนนอักษะนี่ความร้อนจะขึ้นไปสุดแค่ไหนครับ ตอนนั้นความร้อนสูงสุดขึ้นที่ 101c ตอนใกล้ๆจะสุดถนนแล้วครับ พอยกปุ๊บ ความร้อนก็ลงทันทีครับ น่าจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีอยู่ครับ
อธิบายซ่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ อิ อิ ผมสรุปให้ตามนี้นะป๋า ค่าตัวเลขทั้งหมด ที่กระทู้กล่องข้าวน้อย แทบหมดตำราแล้ว
- เครื่องไม่ VG ให้ตั้งเตือนที่ 98
- เครื่อง VG ให้ตั้งเตือนที่ 99
หากต้องการมากกว่านั้น หมอเก็บเครื่องมือ ไปเมืองนอกแล้วครับ เดี๋ยวรับไม่ไหว เพราะจะเอาไม่อยู่ :D :( ext
ขอบคุณครับป๋านะ จัดไปตามนั้นเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ตั้งไว้ที่ 99 แล้วครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:46:11 pm
ไม่ทราบว่าความร้อนที่หน้าปัดรถชี้ที่ตำแหน่งไหนตอนความร้อนที่smart guageอยู่ที่100ครับ
ขออนุญาต ตอบแทนป๋าตาล 100-101c เท่าที่ลองกัน เข็มความร้อน ไม่ขยับครับ ยังคงอยู่เท่าเดิม : )))
เพิ่มเติมอีกซักนิดนึงนะครับ ตอนทดสอบความร้อนสูงสุดที่ขึ้นไปคือ 101c อย่างที่ป๋ากล้วยบอกจริงๆครับ แต่เป็นการเหยียบชนิดที่ขยี้คันเร่งเลยครับ คือตอนนั้นเราอยากจะรู้ว่าถ้า engine load มากๆ ในช่วงถนนแค่ไม่กี่กิโลอย่างถนนอักษะนี่ความร้อนจะขึ้นไปสุดแค่ไหนครับ ตอนนั้นความร้อนสูงสุดขึ้นที่ 101c ตอนใกล้ๆจะสุดถนนแล้วครับ พอยกปุ๊บ ความร้อนก็ลงทันทีครับ น่าจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย ระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ดีอยู่ครับ
อธิบายซ่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ อิ อิ ผมสรุปให้ตามนี้นะป๋า ค่าตัวเลขทั้งหมด ที่กระทู้กล่องข้าวน้อย แทบหมดตำราแล้ว
- เครื่องไม่ VG ให้ตั้งเตือนที่ 98
- เครื่อง VG ให้ตั้งเตือนที่ 99
หากต้องการมากกว่านั้น หมอเก็บเครื่องมือ ไปเมืองนอกแล้วครับ เดี๋ยวรับไม่ไหว เพราะจะเอาไม่อยู่ :D :( ext
แล้วเครื่อง3.2ถือว่าไม่ VG ใช่ไหมครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:49:53 pm
แล้วเครื่อง3.2ถือว่าไม่ VG ใช่ไหมครับ
[/quote]
อย่าป๋า พูดได้เต็มปากว่า ไม่เวอร์จิ้น (VG) แล้ว 5555
เพราะฉะนั้น 97 ก็พอ เพราะ 3200 วาวล์น้ำเปิดเร็วกว่า 2500 (แต่ถ้าอยากแซดดดด 98 ก็ยังให้อภัย)
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:56:01 pm
แล้วเครื่อง3.2ถือว่าไม่ VG ใช่ไหมครับ
อย่าป๋า พูดได้เต็มปากว่า ไม่เวอร์จิ้น (VG) แล้ว 5555
เพราะฉะนั้น 97 ก็พอ เพราะ 3200 วาวล์น้ำเปิดเร็วกว่า 2500 (แต่ถ้าอยากแซดดดด 98 ก็ยังให้อภัย)
[/quote]
;) 5555 ;) 5555 ;) 5555
คิดได้ไง VG! (VeryGood) good good good
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:59:41 pm
ยินดีด้วยนะครับ ทั้งป๋า TAZZ และป๋ากล้วย ในเรื่องความร้อนที่เป็นห่วง ๆ กัน ทีนี้สบายใจหายห่วงได้แล้วล่ะครับ ทีมงาน IFRIT จัดให้
ป๋า PM ไปหาน่ะ :D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: driller ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 11:21:42 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 11:25:40 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2012, 11:31:36 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ขอตอบว่า การตกแต่ง พ่วงกล่อง เพิ่มกล่อง หรืออะไรก็ตาม ไม่ได้ทำให้ความเร็วปลายเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะเฟืองท้ายและระบบส่งกำลังคือของเดิม และไม่ใช่เป้าหมาย
**แต่จะทำให้ ความเร็วและอัตราเร่งของช่วงทำความเร็ว จากช่วงความเร็วที่ทำได้แบบเดิม เร็วขึ้นและใช้เวลาน้อยกว่าแบบชัดเจน จนรับรู้ได้ว่าการตอบสนองของรถเปลี่ยนไปจากเดิมมากๆ
ตอบแบบนี้เข้าใจง่ายกว่าไหมครับ ?????
:D :D :D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: driller ที่ กุมภาพันธ์ 10, 2012, 02:14:03 am
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ไม่เป็นไรครับ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าปาเจโรเสียบกล่องวิ่งได้ประมาณไหนครับ พอดีจะลองเอามาเทียบกับ triton plus 2.5 140HP ของผมน่ะครับ พึ่งทำสเตปต้นๆ แบบอนุบาล เสียบกล่อง ยกหัวฉีด ดันราง อุด EGR ดันท้ายราง ใส่ท่อแทนแคต + ท่อเลส 2.5" ทั้งเส้น (เสาร์นี้จะไปทำปรับบูสต์ เปลี่ยนกรองอากาศ อะครับ) วิ่ง 0-100 ได้ประมาณ 11 วินาทีครับ ช่วงล่างยังเดิมๆ ทั้งหมด ล้อ 16" เบรคเดิมครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: GluaYz ที่ กุมภาพันธ์ 11, 2012, 11:00:18 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ไม่เป็นไรครับ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าปาเจโรเสียบกล่องวิ่งได้ประมาณไหนครับ พอดีจะลองเอามาเทียบกับ triton plus 2.5 140HP ของผมน่ะครับ พึ่งทำสเตปต้นๆ แบบอนุบาล เสียบกล่อง ยกหัวฉีด ดันราง อุด EGR ดันท้ายราง ใส่ท่อแทนแคต + ท่อเลส 2.5" ทั้งเส้น (เสาร์นี้จะไปทำปรับบูสต์ เปลี่ยนกรองอากาศ อะครับ) วิ่ง 0-100 ได้ประมาณ 11 วินาทีครับ ช่วงล่างยังเดิมๆ ทั้งหมด ล้อ 16" เบรคเดิมครับ
ตะกี้ ขณะกำลังขับกลับบ้าน ถนนโล่งๆ แล้วนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมาได้ เลย วัดเล่นๆ เรื่องอัตราการเร่งมาแชร์
2.5 vg 4wd :: อุด egr
:: กรองอากาศ k&n
:: ดันราง Ifrit+ท้ายราง__ boots เดิมๆ ไม่ได้ปลด
นอกนั้นเดิมๆ หมด ล้อ ยาง ท่อ เดิมโรงงาน , น้ำมัน บางจาก B5 ครึ่งถัง + อุปกรณ์กล้อง อยู่ท้ายรถ อีกสัก 30 โล
ทดสอบโดยใช้นาฬิกา casio จับเวลา โดยเริ่ม start ตั้งแต่เริ่มกดคันเร่งลงไป จนเข็มกวาดไป ถึงความเร็ว 100 km\h
วิ่ง 2 run ได้ 10.3x กับ 10.1x ครับ : ))))
เอาไว้แชร์เป็นข้อมูลนะครับ : ))))))
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: EnGiNeEriNg No.407 ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2012, 09:31:36 am
มีแต่รถแรงๆกันทั้งนั้น............. :D :D :D :D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2012, 09:35:05 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ไม่เป็นไรครับ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าปาเจโรเสียบกล่องวิ่งได้ประมาณไหนครับ พอดีจะลองเอามาเทียบกับ triton plus 2.5 140HP ของผมน่ะครับ พึ่งทำสเตปต้นๆ แบบอนุบาล เสียบกล่อง ยกหัวฉีด ดันราง อุด EGR ดันท้ายราง ใส่ท่อแทนแคต + ท่อเลส 2.5" ทั้งเส้น (เสาร์นี้จะไปทำปรับบูสต์ เปลี่ยนกรองอากาศ อะครับ) วิ่ง 0-100 ได้ประมาณ 11 วินาทีครับ ช่วงล่างยังเดิมๆ ทั้งหมด ล้อ 16" เบรคเดิมครับ
ตะกี้ ขณะกำลังขับกลับบ้าน ถนนโล่งๆ แล้วนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมาได้ เลย วัดเล่นๆ เรื่องอัตราการเร่งมาแชร์
2.5 vg 4wd :: อุด egr
:: กรองอากาศ k&n
:: ดันราง Ifrit+ท้ายราง__ boots เดิมๆ ไม่ได้ปลด
นอกนั้นเดิมๆ หมด ล้อ ยาง ท่อ เดิมโรงงาน , น้ำมัน บางจาก B5 ครึ่งถัง + อุปกรณ์กล้อง อยู่ท้ายรถ อีกสัก 30 โล
ทดสอบโดยใช้นาฬิกา casio จับเวลา โดยเริ่ม start ตั้งแต่เริ่มกดคันเร่งลงไป จนเข็มกวาดไป ถึงความเร็ว 100 km\h
วิ่ง 2 run ได้ 10.3x กับ 10.1x ครับ : ))))
เอาไว้แชร์เป็นข้อมูลนะครับ : ))))))
อันนี้ Mode อะไรครับป๋ากล้วย เป็น Mode Race3 ที่ป๋ากล้วยตั้งไว้เอามันหรือเปล่า หรือว่าเป็น Mode Race1 แบบชิลชิล แบบผมคร้าาาาาาาบ :D :D :D :D :D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Spj_BMW ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2012, 09:53:00 pm
สรุปว่าจบ :) เรื่องความร้อนทีรอการทดสอบมาซักระยะ
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: GluaYz ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2012, 11:21:46 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ไม่เป็นไรครับ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าปาเจโรเสียบกล่องวิ่งได้ประมาณไหนครับ พอดีจะลองเอามาเทียบกับ triton plus 2.5 140HP ของผมน่ะครับ พึ่งทำสเตปต้นๆ แบบอนุบาล เสียบกล่อง ยกหัวฉีด ดันราง อุด EGR ดันท้ายราง ใส่ท่อแทนแคต + ท่อเลส 2.5" ทั้งเส้น (เสาร์นี้จะไปทำปรับบูสต์ เปลี่ยนกรองอากาศ อะครับ) วิ่ง 0-100 ได้ประมาณ 11 วินาทีครับ ช่วงล่างยังเดิมๆ ทั้งหมด ล้อ 16" เบรคเดิมครับ
ตะกี้ ขณะกำลังขับกลับบ้าน ถนนโล่งๆ แล้วนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมาได้ เลย วัดเล่นๆ เรื่องอัตราการเร่งมาแชร์
2.5 vg 4wd :: อุด egr
:: กรองอากาศ k&n
:: ดันราง Ifrit+ท้ายราง__ boots เดิมๆ ไม่ได้ปลด
นอกนั้นเดิมๆ หมด ล้อ ยาง ท่อ เดิมโรงงาน , น้ำมัน บางจาก B5 ครึ่งถัง + อุปกรณ์กล้อง อยู่ท้ายรถ อีกสัก 30 โล
ทดสอบโดยใช้นาฬิกา casio จับเวลา โดยเริ่ม start ตั้งแต่เริ่มกดคันเร่งลงไป จนเข็มกวาดไป ถึงความเร็ว 100 km\h
วิ่ง 2 run ได้ 10.3x กับ 10.1x ครับ : ))))
เอาไว้แชร์เป็นข้อมูลนะครับ : ))))))
อันนี้ Mode อะไรครับป๋ากล้วย เป็น Mode Race3 ที่ป๋ากล้วยตั้งไว้เอามันหรือเปล่า หรือว่าเป็น Mode Race1 แบบชิลชิล แบบผมคร้าาาาาาาบ :D :D :D :D :D
แหะๆ จะบอกว่า 10.1 โหมด 3 และ 10.3 โหมด 1 crying crying ไหงมันไม่ต่างกันหล่ะนี่ ! !!!
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 07:44:05 am
สรุปว่าจบ :) เรื่องความร้อนทีรอการทดสอบมาซักระยะ
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
ก็พอจะบอกได้ว่าจบครับ ต้องอยู่ที่ว่ารถป๋าเป็นรุ่นไหน ถ้าเป็นขับ 2 จัดได้เลยครับ เรื่องความร้อนไม่มีปัญหา ปกติทุกอย่าง (เท่าที่คุยกับป๋าๆที่ติดรถขับ 2 นะครับ) ส่วนถ้าป๋าเป็นขับ 4 เขาคงจูนให้ในสูตรเดียวกับที่จูนให้ผมมา ต้องมีเทคนิคในการขับเล็กน้อย และเลือกโหมดให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก็ ok เลยครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: driller ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 11:56:27 am
มีอาการเครื่องวืดบ้างมั้ยครับ ที่ความเร็วสูงๆ เกียร์สุดท้าย รอบเครื่องยนต์ 4 พันกว่ารอบขึ้นไปครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: EnGiNeEriNg No.407 ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 12:28:48 pm
อยากติดบ้างจัง ไม่มีเวลาไปซักที.... :o :o :o :o
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: lookton ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 01:31:47 pm
ยินดีด้วยนะครับ ทั้งป๋า TAZZ และป๋ากล้วย ในเรื่องความร้อนที่เป็นห่วง ๆ กัน ทีนี้สบายใจหายห่วงได้แล้วล่ะครับ ทีมงาน IFRIT จัดให้
ป๋าเอก แบบนี้ พึ่งเจ้า A31 ได้มั้ยครับหัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Spj_BMW ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 07:36:32 pm
สรุปว่าจบ :) เรื่องความร้อนทีรอการทดสอบมาซักระยะ
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
ก็พอจะบอกได้ว่าจบครับ ต้องอยู่ที่ว่ารถป๋าเป็นรุ่นไหน ถ้าเป็นขับ 2 จัดได้เลยครับ เรื่องความร้อนไม่มีปัญหา ปกติทุกอย่าง (เท่าที่คุยกับป๋าๆที่ติดรถขับ 2 นะครับ) ส่วนถ้าป๋าเป็นขับ 4 เขาคงจูนให้ในสูตรเดียวกับที่จูนให้ผมมา ต้องมีเทคนิคในการขับเล็กน้อย และเลือกโหมดให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก็ ok เลยครับ
ขอบคุณครับป๋า TAZZ
ของผมเป็นขับ 4 รุ่นเดียวกับป๋าซะด้วย ชอบเทียวขึ้นดอยอะครับ ไปปีระหลายรอบ นึกถึ้งถ้าขึ้นดอยอินทนนท์แล้วเกิด Heat คงแย่แน่ๆ cry1 (ไหนจะโดน ผบ.เอ็ดนู้นี่นั้น ฯลฯ)
ทีแรกกะว่าจะบึ่งไปหาคุณปอนด์ ตั้งแต่สิ้นเดือนที่แล้ว พอเห็นกระทู้ป๋าก็เลยชลอไว้ก่อน รอซักพักดีกว่าให้เสถียรก่อน สิ้นเดือนนี้โดนแน่ๆ :P
ผมรบกวนอีก 1 คำถามครับป๋า
เจ้า Smart Gauge ในรุ่นปัจจุบันที่ป๋าติดมาสามารถวัด " อัตราสิ้นเปลืองโดยประมาณ (KML) " ได้แล้วหรือยังครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 08:24:58 pm
มีอาการเครื่องวืดบ้างมั้ยครับ ที่ความเร็วสูงๆ เกียร์สุดท้าย รอบเครื่องยนต์ 4 พันกว่ารอบขึ้นไปครับ
ป๋ากล้วย ป๋านะ ป๋าอ๊อด มาให้คำตอบหน่อยคร้าาาาาาาบ ผมขับเต็มที่ 140 ก็ยกแล้วครับ เลยไม่เคยได้ใช้เกียร์สุดท้ายที่ 4 พันรอบกะเขาเลย (อาจจะเคยบ้างตอนเร่งแซง แต่ก็แค่แป๊บเดียว)
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 09:23:37 pm
สรุปว่าจบ :) เรื่องความร้อนทีรอการทดสอบมาซักระยะ
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
ยิ่งอ่านมากยิ่งอยาก joobๆๆๆ คงอีกไม่นานแล้วครับ
ได้เวลากระเป๋าแหก 555
ก็พอจะบอกได้ว่าจบครับ ต้องอยู่ที่ว่ารถป๋าเป็นรุ่นไหน ถ้าเป็นขับ 2 จัดได้เลยครับ เรื่องความร้อนไม่มีปัญหา ปกติทุกอย่าง (เท่าที่คุยกับป๋าๆที่ติดรถขับ 2 นะครับ) ส่วนถ้าป๋าเป็นขับ 4 เขาคงจูนให้ในสูตรเดียวกับที่จูนให้ผมมา ต้องมีเทคนิคในการขับเล็กน้อย และเลือกโหมดให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก็ ok เลยครับ
ขอบคุณครับป๋า TAZZ
ของผมเป็นขับ 4 รุ่นเดียวกับป๋าซะด้วย ชอบเทียวขึ้นดอยอะครับ ไปปีระหลายรอบ นึกถึ้งถ้าขึ้นดอยอินทนนท์แล้วเกิด Heat คงแย่แน่ๆ cry1 (ไหนจะโดน ผบ.เอ็ดนู้นี่นั้น ฯลฯ)
ทีแรกกะว่าจะบึ่งไปหาคุณปอนด์ ตั้งแต่สิ้นเดือนที่แล้ว พอเห็นกระทู้ป๋าก็เลยชลอไว้ก่อน รอซักพักดีกว่าให้เสถียรก่อน สิ้นเดือนนี้โดนแน่ๆ :P
ผมรบกวนอีก 1 คำถามครับป๋า
เจ้า Smart Gauge ในรุ่นปัจจุบันที่ป๋าติดมาสามารถวัด " อัตราสิ้นเปลืองโดยประมาณ (KML) " ได้แล้วหรือยังครับ
ถ้าเป็นรุ่นขับ 4WD การจูนกล่องแบบล่าสุดที่ผมกับป๋ากล้วยกำลังลองกันอยู่คือ จูนให้กลางกับปลายลดลงนิดนึง (ลดลงจากที่จูนให้ 3.2 หรือ 2.5 2WD) แล้วพี่ปอนด์มาเพิ่มต้นให้นิดนึงแทนครับ เพื่อลดภาระของเครื่องที่รอบ/ความเร็วปลาย เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาได้เอาไปทดสอบที่กาญจนบุรี แถวเขื่อนศรีนครินทร์ครับ วิ่งดี แซงทันใจครับ ความร้อนในรอบต้นขึ้นเร็วพอควร แต่มาเหนียวขึ้นแถว 96-97 ถ้าผ่อนคันเร่งที่ความร้อนระดับนี้นิดนึง ไม่ต้องถึงกับลดความเร็วครับ แค่ให้ความเร็วคงที่แป๊บนึง ความร้อนก็จะลดลง บางทีลงไปเหลือ 91-92 ก็มีครับ เทคนิคการขับก็ประมาณนี้แหละครับ คือผ่อนคันเร่งช่วงความร้อนประมาณ 96-97 ครับ
ส่วนทางชันก็ได้ทดสอบมาแล้วเช่นกันครับ เมื่อวิ่งทางชันแนะนำให้ปิดกล่องวิ่งครับ ผมลองแล้วทุก mode ความร้อนขึ้นเกิน 99 ทุก mode ครับ เนื่องจากตอนขึ้นเขา เราไม่สามารถใช้เทคนิคการขับที่แนะนำไปข้างบนได้ มันไม่มีจังหวะให้ผ่อนคันเร่งเลยครับ แต่ถ้าปิดกล่องวิ่งก็ ok นะครับ ความร้อนมาเหนียวอยู่ที่ 96-97 เช่นกันครับ มีไหลไป 98-99 บ้าง แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับที่ตั้งเตือนครับ เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับตัดสินใจนะครับ
ส่วนเรื่อง smart gauge ผมเห็น function KML อยู่นะครับ แต่ไม่แน่ใจเรื่องความแม่นยำครับ เดี๋ยวผมลองถามพี่ปอนด์ดูให้แล้วจะมา update ให้อีกครั้งนะครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Spj_BMW ที่ กุมภาพันธ์ 14, 2012, 09:56:35 pm
ขอขอบข้อมูลดีๆ ประกอบการตัดสนใจ ของป๋า TAZZ อีกครั้งครับ good
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 17, 2012, 01:49:35 pm
มีอาการเครื่องวืดบ้างมั้ยครับ ที่ความเร็วสูงๆ เกียร์สุดท้าย รอบเครื่องยนต์ 4 พันกว่ารอบขึ้นไปครับ
ป๋ากล้วย ป๋านะ ป๋าอ๊อด มาให้คำตอบหน่อยคร้าาาาาาาบ ผมขับเต็มที่ 140 ก็ยกแล้วครับ เลยไม่เคยได้ใช้เกียร์สุดท้ายที่ 4 พันรอบกะเขาเลย (อาจจะเคยบ้างตอนเร่งแซง แต่ก็แค่แป๊บเดียว)
สงสัยไปไม่ถึง 3800 - 3900 รอบต่อนาที กล่องตัดหมดแล้วครับ สูงกว่านั้นไม่เป็นที่อนุญาติสำหรับรถแตนๆ
หากเลยจุดนี้ไป คงต้องเล่นพวกครัชทองแดงกับเกียร์ auto กันละครับ ***(ค่าโมเกียร์ Auto เพื่อใส่ก้อนครัชผสมทองแดง ต้องทำแบบโอเวอร์ฮอน์ใหม่ทั้งลูก ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงพอสมควร มีบางคนทำเพราะต้องการการตอบสนองของเกียร์ออโต้ โดยไม่คำนึงเรื่อง ค่าใช้จ่าย เพราะคววามชอบส่วนตัว) การเปลี่ยนเป็นเกียร์ธรรมดา กับครัชทองแดง จึงเข้ามาเป็นทางเลือกสำหรับกรณีแบบนี้ เพื่อรองรับแรงบิดและรอบเครื่องที่สูงมากๆ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: naruto ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 01:33:56 pm
กล่องข้าวน้อยกล่องนี้ร้อนแรงจริงๆ ครับ คงต้องหาโอกาสไปลองสั่งมากทานสักกล่องบ้างแล้ว
ว่าจะจัดจ้านถึงใจขนาดไหน victory
ว่าจะจัดจ้านถึงใจขนาดไหน victory
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 10:31:21 pm
กล่องข้าวน้อยกล่องนี้ร้อนแรงจริงๆ ครับ คงต้องหาโอกาสไปลองสั่งมากทานสักกล่องบ้างแล้ว
ว่าจะจัดจ้านถึงใจขนาดไหน victory
ว่าจะจัดจ้านถึงใจขนาดไหน victory
สูตรตอนนี้ปรุงให้แบบ วัยรุ่นทานได้ ผู้ใหญ่ทานได้ รสจัดเผ็ดร้อนพอประมาณ ไม่เผ็ดมากมาย เพราะเดี๋ยวท้องเสียขึ้นมา จะต้องวิ่งหายาถอนพิษกันอีก :P :D :D :D
แต่ถ้าชอบ รสชาดเผ็ดร้อนแรง style จี๊ดดด จาดดดด ลองพิจารณาตัวอิ่นๆอีกทีก็ได้ครับ มีอยู่หลายตัวครับ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 10:45:43 pm
กล่องข้าวน้อยกล่องนี้ร้อนแรงจริงๆ ครับ คงต้องหาโอกาสไปลองสั่งมากทานสักกล่องบ้างแล้ว
ว่าจะจัดจ้านถึงใจขนาดไหน victory
ว่าจะจัดจ้านถึงใจขนาดไหน victory
สูตรตอนนี้ปรุงให้แบบ วัยรุ่นทานได้ ผู้ใหญ่ทานได้ รสจัดเผ็ดร้อนพอประมาณ ไม่เผ็ดมากมาย เพราะเดี๋ยวท้องเสียขึ้นมา จะต้องวิ่งหายาถอนพิษกันอีก :P :D :D :D
แต่ถ้าชอบ รสชาดเผ็ดร้อนแรง style จี๊ดดด จาดดดด ลองพิจารณาตัวอิ่นๆอีกทีก็ได้ครับ มีอยู่หลายตัวครับ
ตัวไหนเหรอ grimace
แล้วต้องทำครัชกับเตรียมยาถอนพิษมั๊ยอะ ถ้าต้องก็ขอผ่าน ^-^
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 10:47:10 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ไม่เป็นไรครับ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าปาเจโรเสียบกล่องวิ่งได้ประมาณไหนครับ พอดีจะลองเอามาเทียบกับ triton plus 2.5 140HP ของผมน่ะครับ พึ่งทำสเตปต้นๆ แบบอนุบาล เสียบกล่อง ยกหัวฉีด ดันราง อุด EGR ดันท้ายราง ใส่ท่อแทนแคต + ท่อเลส 2.5" ทั้งเส้น (เสาร์นี้จะไปทำปรับบูสต์ เปลี่ยนกรองอากาศ อะครับ) วิ่ง 0-100 ได้ประมาณ 11 วินาทีครับ ช่วงล่างยังเดิมๆ ทั้งหมด ล้อ 16" เบรคเดิมครับ
ลืมตอบคำถาม ทดสอบมาให้แล้วครับ ดังนี้
Mode 3 : ต้น กลางจัด ปลายพอประมาณ
แบบที่ 1 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> กดยัดคันเร่ง >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งแบบเรื่อยๆ เสียจังหวะช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ผลที่ได้ 10.x วิ
แบบที่ 2 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> ค่อยออกตัวไป >>>> เติมคันเร่งตามไปเรื่อย >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งดีกว่า ช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ดึงดี ผลที่ได้ 8.x วิ
Mode 4 : ต้นพอได้ กลาง-ปลายพอดีเลย กดเป็นมา
แบบที่ 1 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> กดยัดคันเร่ง >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งเป็นช่วงๆ เสียจังหวะช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ผลที่ได้ 12.x วิ
แบบที่ 2 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> ค่อยออกตัวไป >>>> เติมคันเร่งตามไปเรื่อย >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งดีกว่า ช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ มีเสียจังหวะบ้าง ผลที่ได้ 11.x วิ
**ขอขอบคุณที่จุดประกายให้ทดสอบ พอดีได้มีโอกาสมีลานของสุวรรณภมิให้เล่น ผมพึ่งจับอาการรถออกเนี่ยว่า การกดยัดคันเร่ง เสียจังหวะน่าดูเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 10:50:21 pm
ตัวไหนเหรอ grimace
แล้วต้องทำครัชกับเตรียมยาถอนพิษมั๊ยอะ ถ้าต้องก็ขอผ่าน ^-^
แล้วต้องทำครัชกับเตรียมยาถอนพิษมั๊ยอะ ถ้าต้องก็ขอผ่าน ^-^
หวัดดีป๋า project เริ่มเดินได้ ผมก็พอจะมีเวลามานั่งเล่น board ต่อแล้วครับ
ของป๋ายังไม่ได้ติดปรอทวัดไข้เลยนะ หรือเรียกว่าเครื่องเช็คความดันดีล่ะ 55555 (นอนกลิ้งอยู่ในรถ นานแล้วน่ะ) :D :D :D :D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 10:57:25 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ไม่เป็นไรครับ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าปาเจโรเสียบกล่องวิ่งได้ประมาณไหนครับ พอดีจะลองเอามาเทียบกับ triton plus 2.5 140HP ของผมน่ะครับ พึ่งทำสเตปต้นๆ แบบอนุบาล เสียบกล่อง ยกหัวฉีด ดันราง อุด EGR ดันท้ายราง ใส่ท่อแทนแคต + ท่อเลส 2.5" ทั้งเส้น (เสาร์นี้จะไปทำปรับบูสต์ เปลี่ยนกรองอากาศ อะครับ) วิ่ง 0-100 ได้ประมาณ 11 วินาทีครับ ช่วงล่างยังเดิมๆ ทั้งหมด ล้อ 16" เบรคเดิมครับ
ลืมตอบคำถาม ทดสอบมาให้แล้วครับ ดังนี้
Mode 3 : ต้น กลางจัด ปลายพอประมาณ
แบบที่ 1 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> กดยัดคันเร่ง >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งแบบเรื่อยๆ เสียจังหวะช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ผลที่ได้ 10.x วิ
แบบที่ 2 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> ค่อยออกตัวไป >>>> เติมคันเร่งตามไปเรื่อย >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งดีกว่า ช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ดึงดี ผลที่ได้ 8.x วิ
Mode 4 : ต้นพอได้ กลาง-ปลายพอดีเลย กดเป็นมา
แบบที่ 1 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> กดยัดคันเร่ง >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งเป็นช่วงๆ เสียจังหวะช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ผลที่ได้ 12.x วิ
แบบที่ 2 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> ค่อยออกตัวไป >>>> เติมคันเร่งตามไปเรื่อย >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งดีกว่า ช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ มีเสียจังหวะบ้าง ผลที่ได้ 11.x วิ
**ขอขอบคุณที่จุดประกายให้ทดสอบ พอดีได้มีโอกาสมีลานของสุวรรณภมิให้เล่น ผมพึ่งจับอาการรถออกเนี่ยว่า การกดยัดคันเร่ง เสียจังหวะน่าดูเหมือนกันนะ
มิน่าละ ผมถึงได้รู้สึกว่า mode 3 ออกตัวดีกว่า (3.2 กับ 2.5 จูนเหมือนกันหรือเปล่า)
แล้วบอกเขาหรือเปล่าว่าล้อ20 ยาง275/55 ext
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 11:24:54 pm
ถาม จขกท หน่อยครับ วิ่ง 0-100 ใช่้วลาเท่าไหร่ครับ ความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ จะได้เก็บเป็นข้อมูลครับ
ต้องให้ป๋านะมาช่วยหละคร้าาาาาาบงานนี้ 0-100 ผมยังไม่เคยวัด แต่ปกติผมไม่เคยกดมากๆอยู่แล้ว ส่วนความเร็วสูงสุดนี่ผมเคยได้ 180 แต่ยกซะก่อนครับ เพราะใจไม่ถึง เลยไม่รู้ว่าสุดๆจริงๆมันจะแค่ไหนครับ
ป๋านะน่าจะให้ข้อมูลได้ดีกว่าผมเยอะเลยครับ
ไม่เป็นไรครับ ที่ถามเพราะอยากรู้ว่าปาเจโรเสียบกล่องวิ่งได้ประมาณไหนครับ พอดีจะลองเอามาเทียบกับ triton plus 2.5 140HP ของผมน่ะครับ พึ่งทำสเตปต้นๆ แบบอนุบาล เสียบกล่อง ยกหัวฉีด ดันราง อุด EGR ดันท้ายราง ใส่ท่อแทนแคต + ท่อเลส 2.5" ทั้งเส้น (เสาร์นี้จะไปทำปรับบูสต์ เปลี่ยนกรองอากาศ อะครับ) วิ่ง 0-100 ได้ประมาณ 11 วินาทีครับ ช่วงล่างยังเดิมๆ ทั้งหมด ล้อ 16" เบรคเดิมครับ
ลืมตอบคำถาม ทดสอบมาให้แล้วครับ ดังนี้
Mode 3 : ต้น กลางจัด ปลายพอประมาณ
แบบที่ 1 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> กดยัดคันเร่ง >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งแบบเรื่อยๆ เสียจังหวะช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ผลที่ได้ 10.x วิ
แบบที่ 2 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> ค่อยออกตัวไป >>>> เติมคันเร่งตามไปเรื่อย >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งดีกว่า ช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ดึงดี ผลที่ได้ 8.x วิ
Mode 4 : ต้นพอได้ กลาง-ปลายพอดีเลย กดเป็นมา
แบบที่ 1 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> กดยัดคันเร่ง >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งเป็นช่วงๆ เสียจังหวะช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ ผลที่ได้ 12.x วิ
แบบที่ 2 - จอดนิ่ง >>> เดินเบา >>>> ค่อยออกตัวไป >>>> เติมคันเร่งตามไปเรื่อย >>>>>ตอบสนองแบบ พุ่งดีกว่า ช่วงต่อเกียร์ของระบบออโต้ มีเสียจังหวะบ้าง ผลที่ได้ 11.x วิ
**ขอขอบคุณที่จุดประกายให้ทดสอบ พอดีได้มีโอกาสมีลานของสุวรรณภมิให้เล่น ผมพึ่งจับอาการรถออกเนี่ยว่า การกดยัดคันเร่ง เสียจังหวะน่าดูเหมือนกันนะ
มิน่าละ ผมถึงได้รู้สึกว่า mode 3 ออกตัวดีกว่า (3.2 กับ 2.5 จูนเหมือนกันหรือเปล่า)
แล้วบอกเขาหรือเปล่าว่าล้อ20 ยาง275/55 ext
รถป๋าอ๊อด ก็ไม่หนีกันเท่าไหร่ ดีกว่าผมอีกในบาง mode เพราะเขาล้อเดิม ปรี๊ดๆ เลย :D :D :D
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2012, 11:36:19 pm
ตัวไหนเหรอ grimace
แล้วต้องทำครัชกับเตรียมยาถอนพิษมั๊ยอะ ถ้าต้องก็ขอผ่าน ^-^
แล้วต้องทำครัชกับเตรียมยาถอนพิษมั๊ยอะ ถ้าต้องก็ขอผ่าน ^-^
หวัดดีป๋า project เริ่มเดินได้ ผมก็พอจะมีเวลามานั่งเล่น board ต่อแล้วครับ
ของป๋ายังไม่ได้ติดปรอทวัดไข้เลยนะ หรือเรียกว่าเครื่องเช็คความดันดีล่ะ 55555 (นอนกลิ้งอยู่ในรถ นานแล้วน่ะ) :D :D :D :D
ก็รอป๋าว่างจนลงแดงไปหลายรอบแล้ว ::) :P :-\
รีบๆนัดเลย เรื่องกระเป๋าแหกคิวเริ่มยาวแล้ว เดี๋ยวเครียร์ไม่ทันจะอด :( :'(
แต่สงสัยคงต้องเป็นเดือนหน้าแล้วนะ พอดีอาทิตย์หน้าต้องเดินทาง ทนไม่ได้
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: EnGiNeEriNg No.407 ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2012, 10:04:09 am
ตัวไหนเหรอ grimace
แล้วต้องทำครัชกับเตรียมยาถอนพิษมั๊ยอะ ถ้าต้องก็ขอผ่าน ^-^
แล้วต้องทำครัชกับเตรียมยาถอนพิษมั๊ยอะ ถ้าต้องก็ขอผ่าน ^-^
หวัดดีป๋า project เริ่มเดินได้ ผมก็พอจะมีเวลามานั่งเล่น board ต่อแล้วครับ
ของป๋ายังไม่ได้ติดปรอทวัดไข้เลยนะ หรือเรียกว่าเครื่องเช็คความดันดีล่ะ 55555 (นอนกลิ้งอยู่ในรถ นานแล้วน่ะ) :D :D :D :D
ก็รอป๋าว่างจนลงแดงไปหลายรอบแล้ว ::) :P :-\
รีบๆนัดเลย เรื่องกระเป๋าแหกคิวเริ่มยาวแล้ว เดี๋ยวเครียร์ไม่ทันจะอด :( :'(
แต่สงสัยคงต้องเป็นเดือนหน้าแล้วนะ พอดีอาทิตย์หน้าต้องเดินทาง ทนไม่ได้
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2012, 03:25:25 pm
กะว่าประมาณ 28 หรือ 29 นี้จะเข้าไปที่ IFRIT อีกที จะลองเอาข้อมูลที่เก็บมา ไป update ให้พี่ปอน์ดลองฟังดู เผื่อมีการปรับจูนอีกนิดหน่อย ป๋าท่านใดสนใจเข้าไปเจอกันได้นะครับ ป๋าท่านใดอยากลองชิมกล่องข้าวน้อย แบบรสไม่จัดจ้านมากมาย แบบทานเรื่อยๆอร่อยนานๆ ท้องไม่เสียตัวไม่ร้อนมาก ก็มาลองดูกันได้นะคร้าาาาาาาาาาบ oop oop oop oop oop oop
หัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: EnGiNeEriNg No.407 ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2012, 03:42:08 pm
กะว่าประมาณ 28 หรือ 29 นี้จะเข้าไปที่ IFRIT อีกที จะลองเอาข้อมูลที่เก็บมา ไป update ให้พี่ปอน์ดลองฟังดู เผื่อมีการปรับจูนอีกนิดหน่อย ป๋าท่านใดสนใจเข้าไปเจอกันได้นะครับ ป๋าท่านใดอยากลองชิมกล่องข้าวน้อย แบบรสไม่จัดจ้านมากมาย แบบทานเรื่อยๆอร่อยนานๆ ท้องไม่เสียตัวไม่ร้อนมาก ก็มาลองดูกันได้นะคร้าาาาาาาาาาบ oop oop oop oop oop oop
อยากไปอยู่นะป๋ากลัวตัวร้อนนี่ละครับ อิอิ แต่ก็นะเอาก็เอา คิดว่าถ้าไม่ติดอะไรจะไปด้วยครับ.....สเต็ป1พอ กล่อง+สมาร์ทเกจ....กลัวตัวร้อนครับ :D :D :D :D :D :Dหัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: TON_2335 ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2012, 03:44:50 pm
กะว่าประมาณ 28 หรือ 29 นี้จะเข้าไปที่ IFRIT อีกที จะลองเอาข้อมูลที่เก็บมา ไป update ให้พี่ปอน์ดลองฟังดู เผื่อมีการปรับจูนอีกนิดหน่อย ป๋าท่านใดสนใจเข้าไปเจอกันได้นะครับ ป๋าท่านใดอยากลองชิมกล่องข้าวน้อย แบบรสไม่จัดจ้านมากมาย แบบทานเรื่อยๆอร่อยนานๆ ท้องไม่เสียตัวไม่ร้อนมาก ก็มาลองดูกันได้นะคร้าาาาาาาาาาบ oop oop oop oop oop oop
ป๋าตามระวังได้ของดีนะ อยากไปด้วยอะแต่กลัวไม่ว่างเดียวดูก่อนนะหัวข้อ: Re: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT
เริ่มหัวข้อโดย: EnGiNeEriNg No.407 ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2012, 04:29:15 pm
อิอิ ไปดีกว่า อยากลอง.... :D :D :D :D :D :D
