Pajero Sport-Thailand ปาเจโร่สปอร์ตไทยแลนด์

Pajerosport Room => พูดคุยทั่วไปเกี่ยวกับน้องปา => ข้อความที่เริ่มโดย: winai7777 ที่ มกราคม 25, 2012, 09:23:43 pm



Languages

หัวข้อ: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: winai7777 ที่ มกราคม 25, 2012, 09:23:43 pm
ขอผู้รู้แนะนำรายละเอียดและร้านด้วย(สุโขทัยหาที่ติดยากมากเลย)


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: niniiwz ที่ มกราคม 25, 2012, 10:03:42 pm
ทำไมไม่ติด LPG ละครับ


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TheGetter ที่ มกราคม 25, 2012, 10:06:55 pm
ถ้าไม่เดินทางช่วงเทศกาล ก็ติดได้เลยครับ


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: winai7777 ที่ มกราคม 25, 2012, 10:14:42 pm
ปั๊ม CNG ที่สุโขทัยกำลังจะเปิด 1กค55 สโขทัยไม่ใช่ทางผ่าน ปัญหารอคิวคงไม่มาก CNG เฉลี่ยแล้วน่าจะถูกกว่า LPG เกือบครึ่ง(อ้อมีLPG อยู่คันแล้ว) อยากได้ข้อมูลติดถังข้างล่างนอกตัวเก๋งมากๆ


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Maverick (มีโม่) ที่ มกราคม 26, 2012, 01:45:04 am
ไม่ได้ตามข่าวสารเลย ไม่ทราบเดี๋ยวนี้ CNG มีถังโดนัทแล้วหรือครับ?


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KengEVO5 (No.521) ที่ มกราคม 26, 2012, 02:01:20 am
คิดดีแล้วหรือครับ   ถ้าคิดดีแล้ว ก็โอเคครับ....


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KunK ที่ มกราคม 26, 2012, 06:20:05 am
ลองดูครับ จะได้เป็นแหล่งข้อมูลใหม่ให้กับคนที่จะติดแก๊สด้วย
เพื่อนผมซื้อไตรตันNGVไปใช้ที่อุบล ยังต้องถอดทิ้งเปลี่ยนเป็นLPG
ปัญหาของNGVในต่างจังหวัดคือมีเติมน้อยต้องรอนาน เติมแต่ละครั้งก็นาน
เพื่อนบอกบางครั้งรีบๆก็ต้องใช้น้ำมัน-แล้วรีบบ่อยๆซะด้วยสรุปคือเปลืองอยู่ดีครับ
 crying


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chai .RY No. 495 ที่ มกราคม 26, 2012, 06:21:18 am
ลองดูครับ จะได้เป็นแหล่งข้อมูลใหม่ให้กับคนที่จะติดแก๊สด้วย
เพื่อนผมซื้อไตรตันNGVไปใช้ที่อุบล ยังต้องถอดทิ้งเปลี่ยนเป็นLPG
ปัญหาของNGVในต่างจังหวัดคือมีเติมน้อยต้องรอนาน เติมแต่ละครั้งก็นาน
เพื่อนบอกบางครั้งรีบๆก็ต้องใช้น้ำมัน-แล้วรีบบ่อยๆซะด้วยสรุปคือเปลืองอยู่ดีครับ
 crying
   :) ลองดูข้อมูลตาม LINK ครับ  :D
http://www.pajerosport-thailand.com/forum/index.php?topic=3237.0

http://www.pajerosport-thailand.com/forum/index.php?topic=3353.msg121898;topicseen#msg121898


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Suparoek ที่ มกราคม 27, 2012, 11:22:49 pm
ข้อมุลน้องปา ติด ngv หรือ CNG ตามนี้เลยครับ
http://www.osu.co.th/


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sathapat ที่ มกราคม 28, 2012, 08:17:37 am
 Satu ลองศึกษาดูก่อนครับ


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kp3358(ปาการัง) No.184 ที่ มกราคม 28, 2012, 11:47:25 am
 :) :) :) :)

คิดให้ดีๆๆนะครับ แก๊ซ ก็มีแนวโน้มว่าจะขึ้นราคาอีก แล้วมันจะคุ้มไหมครับ 


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Nakavabi ที่ มกราคม 28, 2012, 04:47:10 pm
:) :) :) :)

คิดให้ดีๆๆนะครับ แก๊ซ ก็มีแนวโน้มว่าจะขึ้นราคาอีก แล้วมันจะคุ้มไหมครับ 

ผมว่ายังไงคงถูกกว่าน้ำมันนะครับ


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: A_NURU ที่ มกราคม 28, 2012, 05:26:18 pm
LPG ดีกว่าไหม แต่ถ้าเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้ว คิดว่าคุ้มก็ทำเลยครับ แต่ถ้าเป็นผม คิดยังไงก็ LPG หรือไม่ก็ใช้น้ำมันเลย

ขอให้มีความสุขกับการตัดสินใจครับ


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gibzy ที่ มกราคม 28, 2012, 05:45:28 pm
ปั๊ม CNG ที่สุโขทัยกำลังจะเปิด 1กค55 สโขทัยไม่ใช่ทางผ่าน ปัญหารอคิวคงไม่มาก CNG เฉลี่ยแล้วน่าจะถูกกว่า LPG เกือบครึ่ง(อ้อมีLPG อยู่คันแล้ว) อยากได้ข้อมูลติดถังข้างล่างนอกตัวเก๋งมากๆ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ปั๊มพึ่งจะเปิด แล้วมีกี่ที่ครับ คนใช้แก๊ส CNG ก็อาจคิดเหมือนกันและในอนาคตอาจมีรถติดแก๊ส CNG มากขึ้น เอาง่ายๆนะครับ รถเข้าปั๊ม 10 คัน หัวจ่ายมี 4 หัว ยังใช้เวลาเป็น 10-15 นาที  แล้วมีที่เดียว ไปเจอ รถบรรทุก รู้ว่ามี CNG ที่นี่ ก็จะเปลี่ยนเส้นทางเดินรถมาเติมสุโขทัย งานนี้นานม๊ากก... เคยติดแล้วต้องโทรเช็กปั๊มตอนตี 5 เสมอว่า ว่างรึยัง จนต้องถอนออกครับ crying


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: winai7777 ที่ มกราคม 29, 2012, 05:26:56 pm
ปั๊ม CNG ที่สุโขทัยกำลังจะเปิด 1กค55 สโขทัยไม่ใช่ทางผ่าน ปัญหารอคิวคงไม่มาก CNG เฉลี่ยแล้วน่าจะถูกกว่า LPG เกือบครึ่ง(อ้อมีLPG อยู่คันแล้ว) อยากได้ข้อมูลติดถังข้างล่างนอกตัวเก๋งมากๆ

ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ปั๊มพึ่งจะเปิด แล้วมีกี่ที่ครับ คนใช้แก๊ส CNG ก็อาจคิดเหมือนกันและในอนาคตอาจมีรถติดแก๊ส CNG มากขึ้น เอาง่ายๆนะครับ รถเข้าปั๊ม 10 คัน หัวจ่ายมี 4 หัว ยังใช้เวลาเป็น 10-15 นาที  แล้วมีที่เดียว ไปเจอ รถบรรทุก รู้ว่ามี CNG ที่นี่ ก็จะเปลี่ยนเส้นทางเดินรถมาเติมสุโขทัย งานนี้นานม๊ากก... เคยติดแล้วต้องโทรเช็กปั๊มตอนตี 5 เสมอว่า ว่างรึยัง จนต้องถอนออกครับ crying
รถที่ขึ้นเหนือ ลงใต้ จะไม่ผ่าน สุโขทัย แต่จะผ่านพิดโลกกะตาก ยิ่งรถบรรทุกยิ่งไม่ค่อยผ่านใหญ่เลย รถที่โขทัย ก้อโละติดแอลกันหมด เหลือแต่รถผมคันเดียวที่กำลังจะติด
 :D


หัวข้อ: Re: น้องปา 2.4 ตัดสินใจจะติด CNG แล้วหล่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chai .RY No. 495 ที่ มกราคม 29, 2012, 05:35:08 pm
ขอผู้รู้แนะนำรายละเอียดและร้านด้วย(สุโขทัยหาที่ติดยากมากเลย)
  :Dขออนุญาติส่งข้อมูลนะครับ ระหวาง L และ N    ป๋าwinai7777 l  ตัดสินใจ เลือกตามที่ป๋าwinai7777 l ต้องการเลยครับ ป๋าเลือกเอง   ไมว่า L หรือ N ก็เป็นพลังงานทางเลือกทั้งคู่ครับ ประหยัดดีครับ   O0 O0

 ก๊าซ (LPG) และ (NGV) เป็นพลังงาน ที่ใช้ในรถยนต์ได้อย่างไร
          จริงแล้วน้ำมันเบนซินเป็นของเหลว แต่ในการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ น้ำมันจะต้องมีการเปลี่ยนสถานะจากของ
          เหลวเป็นไอเสียก่อนจึงจะผสมกับอากาศเป็นส่วนผสมที่เรียกว่า ?ไอดี? ส่วนการใช้ (LPG) และก๊าซ (NGV)
          ก๊าซจะถูกดูดเข้าเครื่องยนต์ใสสถานะไอที่ผสมกับอากาศรวมเป็นส่วนผสมที่เรียกว่า ?ไอดี? เช่นกัน ค่าออกเทน
          ของก๊าซ (LPG) มีค่าอยู่ประมาณ 105 RON ก๊าซ (NGV) มีค่าออกเทน 120 RON ก๊าซทั้งสองชนิดมีค่าออกเทน
          ที่ใกลเคียงกับน้ำมันเบนซิน จึงนำมาดัดแปลงใช้กับเครื่องยนต์ที่กำหนดให้ใช้เบนซินออกเทน 91,95 ได้

            ทำไมเครื่องยนต์ที่ถูกดัดแปลงมาใช้ก๊าซ (LPG) ก๊าซ (NGV) มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงดังของวาล์ว
          บ่าวาล์วทรุด และบ่าวาล์วรั่ว
          การเผาไหม้ของก๊าซ (LPG) จะให้ค่าความร้อนสูงประมาณ กว่า 400 ?C การเผาไหม้ของก๊าซ (NGV) จะให้ค่า
          ความร้อนสูงประมาณ กว่า 500 ?C : ซึ่งสูงกว่าการใช้พลังงานน้ำมันเบนซินถึงกว่า 2 เท่า ความร้อนจะทำให้โลหะ
          ชิ้นส่วนของบ่าวาล์วนิ่มและอ่อนตัว ส่งผลให้เกิดการสึกหรอได้อย่างรวดเร็ว น้ำมันเบนซิน จะมีสารปรุงแต่ง (Additive)
          จำพวก สารปกป้องบ่าวาล์ว สารหล่อลื่น สารชะล้างต่างๆ เมื่อเกิดการเผาไหม้ ไอของน้ำมันจะเคลือบอยู่ที่ชิ้นส่วนต่างๆ
          ของบ่าวาล์ว สามารถรับแรงกดแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ส่วนพลังงานก๊าซไม่สามารถปรุงแต่งใดๆ ได้ ไอดีของก๊าซ
          มีลักษณะเป็นไอที่แห้ง ไม่มีสารเคลือบบ่าวาล์ว ทำให้การสึกหรอจากการปิด ? เปิดของวาล์ว เกิดขึ้นอย่างรุนแรง
          ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับค่าความร้อนสูงถึงความร้อนของ ก๊าซ (LPG) และ ก๊าซ
          (NGV) จึงทำให้เครื่องยนต์ที่ถูกดัดแปลงมาใช้พลังงานก๊าซเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว

           เราสามารถใช้น้ำมัน 2T (AUTO LUBE) มาใช้ในการเลี้ยงวาล์วเพื่อป้องกันการสึกหรอของบ่าวาล์ว
          ได้หรือไม่
          ก่อนอื่นต้องขอชมเชยท่านที่คิดค้นและพยายามนำเอาน้ำมัน 2 T ที่ใช้ในการหล่อลื่นในกระบอกสูบของเครื่องยนต์
          2 จังหวะ โดยท่านได้ทรายถึงปัญหาของบ่าวาล์วและได้มีการแก้ไขโดยใช้วิธีเดียวกับมอเตอร์ไซ และถ้าจะถามว่า
          ใช้ได้ผลหรือไม่ ให้พินิจพิจารณาดูจาก

           ก. เครื่องยนต์ที่ใช้ น้ำมัน 2 T เป็นเครื่องยนต์ 2 จังหวะมีรอบกาจจุดระเบิดทุกรอบ แต่เครื่องยนต์ในรถยนต์ เป็น
           เครื่องยนต์ 4 จังหวะ เครื่องยนต์หมุน 2 รอบแต่มีการจุดระเบิด ให้กำลังงาน 1 รอบ

           ข. เครื่องยนต์ 2 จังหวะและ 4 จังหวะ มีการออกแบบวาล์วไอดีและไอเสียที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน รวมไปถึง
           ลักษณะของแหวนลูกสูบ กล่าวคือ วาล์วของเครื่องยนต์ 2 จังหวะมักจะมีการออกแบบเป็นลักษณะของช่องพอร์ด
           โดยใช้ลูกสูบเป็นตัวเปิด-ปิดวาล์วไอดีและไอเสีย

           ส่วนเครื่องยนต์ 4 จังหวะจะมีวาล์วไอดีไอเสียเป็นลักษณะของดอกเห็ด อยู่ส่วนบนของกระบอกสูบ เปิดปิดโดย
           ใช้เพลาลูกเบี้ยวเป็นตัวเปิด-ปิด

           ค. การออกแบบน้ำมัน 2T ก็ได้มีการออกแบบให้มีลักษณะและองค์ประกอบของน้ำมันในเรื่องของการเผาไหม้
           และการหล่อลื่น ลูกสูบกับกระบอกสูบ และให้ใช้กับเครื่องยนต์ 2 จังหวะที่มีรอบการทำงานที่จัดกว่า เครื่องยนต์
           4 จังหวะ

           ง. อย่างไรก็ดีเครื่องยนต์ 2 จังหวะเมื่อมีการใช้ไปสักระยะหนึ่งก็มักจะต้องพบกับปัญหาเรื่องการสะสมเขม่า
           การอุดตัน หัวเทียนบอด และอื่นๆตามมา

           จ. ปัจจุบันมีการพบรถยนต์ที่ดัดแปลงมาใช้ก๊าซพร้อมกับมีการใช้น้ำมัน 2 Tมาเลี้ยงวาล์ว แล้วเกิดความเสียหาย
           ตั้งแต่อาการบ่าวาล์วรั่ว หัวลูกสูบทะลุหนักไปจนถึงจะต้องมีการผ่าเครื่องมาซ่อมบำรุงกันยกใหญ่ แต่ในขณะเดียว
           กันก็ยังมีผู้ที่ใช้ 2T เลี้ยงวาล์วแล้วก็ยังบอกว่าไม่มีปัญหาใดๆ

           ฉ. ในต่างประเทศที่มีการใช้ก๊าซเป็นพลังงานแทนน้ำมันเบนซิน จะไม่มีการใช้ น้ำมัน 2 T มาเลี้ยงวาล์ว เพราะ
           ทราบถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นต่อเครื่องยนต์แล้วไอพิษที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ยังก่อไห้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
           ปัจจุบันในรถมอเตอร์ไซดิ์ได้มีการยกเลิกการใช้เครื่องยนต์ 2 จังหวะเพราะตระหนักถึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อสิ่งแวด
           ล้อมนั้นเอง

                การสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยน้ำมันเบนซินและใช้น้ำมันสักพัก จะสามารถช่วยเลี้ยงวาล์วได้หรือไม่
            การสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยน้ำมันเบนซินจะทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดง่ายการสึกหรอ จะน้อยกว่าการสตาร์ทด้วย
            ก๊าซ ส่วนการใช้น้ำมันเบนซินเลี้ยงวาล์วนั้น ยังไม่เคยมีการทำการทดสอบอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงแต่ข้อ
            สันนิฐาน แต่การใช้น้ำมันเบนซินให้บ่อย และนานขึ้นในช่วงก่อนออกรถและก่อนที่จะทำการดับเครื่องยนต์ ก็จะ
            มีส่วนช่วย ให้ไอน้ำมันเบนซินเข้ามาช่วยชะล้างเขม่าหรือขี้เถ้าที่เกิดจากการสันดาปด้วยก๊าซได้ อย่างไรก็ดีทัน
            ที่มีได้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซแทนน้ำมันเบนซิน ก็มีแนวคิดในเรื่องของ ความร้อนที่เกิดจากการสันดาปด้วย
            ก๊าซที่ให้ความร้อนที่สูงกว่าน้ำมัน ดังนั้นไอน้ำมันเบนซินที่เคลือบไว้ตามส่วนต่างๆของวาล์วก็จะถูกความร้อนของ
            ก๊าซเผาไหม้ไปไนเวลาต่อมานั้นเอง จึงพิจารณาได้ว่าการเลี้ยงวาล์วด้วยน้ำมันเบนซินไม่น่าจะได้ผลดีเท่าที่ควร
            (ในจังหวะอัด ก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนตัวขึ้นสู่จุดศูนย์ตายบนเพียงเล็กน้อย หัวเทียนจะจุดประกายเผาไหม้ส่วนผสม
            ไอดีให้ลุกไหม้ ทำให้เกิดพลังงานแรงดันสูงประมาณ 30 ถึง 60 บาร์ และให้ ความร้อนสูงสุด 2000 ถึง 2500 อง
            ศาเซลเซียส และจะลดลงประมาณ 900 ถึง 800 องศาเซลเซียสเมื่อลูกสูบเคลื่อนตัวลงสู่จุดศูนย์ตายล่าง)

             ไอของน้ำมันเครื่องมีส่วนช่วยเลี้ยงวาล์วได้หรือไม่
             ก่อนอื่นต้องขอถามว่า ไอน้ำมันเครื่องคืออะไร

             ไอน้ำมันเครื่องที่เราเห็นคือ ไอเสียที่ตกค้างจากการ เผาไหม้ เชื้อเพลิงที่ถูกเผาไหม้ เป็นแก๊สไอเสีย จะถูกระ
             บายออกจากเครื่องยนต์ผ่านลิ้นไอเสีย จะมีประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ตกค้างจากการเผาไหม้ประมาณ
             20-30 เปอร์เซ็นต์จะเป็น คาร์บอน ซัลเฟอร์ และน้ำ ตกค้างอยู่ในกระบอกสูบ และเมื่อรวมตัวกันจะเกิดเป็นกรด
             กำมะถัน ทำปฏิกิริยากับน้ำมันเครื่อง จะเกิดแก๊สพิษและโคลนตรงกัดกร่อนชิ้นส่วนต่าง ๆ ของ เครื่องยนต์ และ
             เป็นเหตุให้น้ำมันเครื่องเสื่อมคุณภาพโดยเร็ว ดังนั้นจึงต้องมีการต่อท่อ ระบายแก๊สให้ออกไปจากเครื่องยนต์
             โดยนำไอเสียนี้กลับเข้ามาเผาไหม้ใหม่อีกครั้ง เพื่อลดมลภาวะอากาศเป็นพิษ (เป็นกฎข้อบังคับในการกำจัด
             ไอเสียที่เป็นพิษ) และช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อีกทางหนึ่ง

             ดังนั้นจึงตอบได้ว่า วิศวกรได้ออกแบบระบบไอน้ำมันเครื่องโดยไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อนำไอน้ำมันเครื่องมาเลี้ยง
             วาล์วโดยตรง แต่ดูจากระบบแล้ว ไอของน้ำมันเครื่องก็หน้า จะมีส่วนช่วยในการป้องกันการสึกหรอของวาล์วได้
             ไม่มากนัก

                    จะมีวิธีป้องกันปัญหาเรื่องเสียงดังของวาล์ว บ่าวาล์วทรุด และบ่าวาล์วรั่วหรือไม่
              เครื่องจักรทุกชนิดที่มีการเคลื่อนที่เกิดการเสียดสี เกิดการกระแทก ก็ย่อมเกิดการสึกหรอเป็นธรรมดา แต่สำ
              หรับเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซจะมีการสึกหรอมากขึ้นกว่าปกติ ก็เนื่องมาจากความร้อนที่เกิดขึ้นมากกว่า
              นั้นเอง ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาให้หมดไปนั้นจึงไม่สามารถทำได้ แต่หากจะทำให้ปัญหาดังกล่าวลดลงไปได้บ้าง
              ก็พอจะมีวิธีแนะนำอยู่บ้างเช่น

              - อัตราการสึกหรอของบ่าวาล์วจะลดลงได้ถ้าหากใช้ความเร็วต่ำ

              - ไม่ขับขี่รถยนต์ในเวลาที่มีอากาศร้อนจัดเป็นระยะทางไกล โดยไม่มีการพัก มีการใช้รถอย่างต่อเนื่องแต่ไม่
              ควรเกิน 1 ? 2 ชั่วโมง

              - ควรสลับมาใช้น้ำมันเบนซินในสัดส่วน 1 ต่อ 10 ของการใช้งานจริง

              - ดูแลเรื่องระบบระบายความร้อน ระบบหล่อเย็นด้วยน้ำ และพัดลมให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่อุดตัน และควรใช้
              ผลิตภัณฑ์จำพวกน้ำยาหม้อน้ำควบคู่ไปด้วย

              - ควรใช้น้ำมันเครื่องที่มีเบอร์ความหนืด (SAE) ที่สูงขึ้น
             
              - ในส่วนของน้ำมันที่ใช้สำหรับเลี้ยงวาล์ว ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีคุณสมบัติในการใช้งานโดยเฉพาะ ซึ่งผู้ผลิต
              ได้มีการศึกษาถึงคุณสมบัติที่ใช้งานโดยเฉพาะ ก็จะแก้ปัญหาของการสึกหรอของบ่าวาล์วได้โดยตรงแล้ว จะ
              ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อเครื่องยนต์ และสิ่งแวดล้อม ไม่ควรใช้น้ำมันอื่นๆมาทดแทนโดยปราศจากความเข้าใจ
              ในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพราะนอกจากจะไม่ก่อให้เกิดผลดีแล้วยังจะส่งผลเสียให้กับเครื่องยนต์ตามมาอีกด้วย