Pajero Sport-Thailand ปาเจโร่สปอร์ตไทยแลนด์

Small Room => ประชาสัมพันธ์/ข่าวสาร/บทความ/ข้อมูล/ความรู้ต่างๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: TAZZ ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 04:28:44 pm



Languages

หัวข้อ: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 04:28:44 pm
ท่ามกลางกระแสที่หลายๆคนเรียกว่า “ความขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นจาก “เหตุการณ์จูนเนอร์คนหนึ่ง” ผมซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ในฐานะของผู้สังเกตุการณ์ ที่ติดตามเรื่องราวมาโดยตลอด จนในช่วงหลังก็มีกระแสเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง เรียกร้องให้ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” กลับมาในสังคมแห่งนี้ ตัวผมเองกลับมีมุมมอง มีความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนใครที่อยากมาแชร์ในสังคมแห่งนี้ ให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

หลายๆคนมองเหตุการณ์ “จูนเนอร์คนหนึ่ง” ว่าเป็นความขัดแย้ง ความไม่จริงใจ ความไม่รักกัน แต่ผมกลับมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นไปตาม “ธรรมชาติ” ของสังคมที่เติบโตขึ้นตามขนาดและระยะเวลาของมัน

สังคมทัวๆไปโดยมากจะมีจุดเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้ๆกัน แต่สังคม online มักจะเกิดจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีความสนใจหรือความต้องการที่คล้ายๆกันมารวมตัวกัน ในขั้นนี้ความสัมพันธ์ของสมาชิกจะเป็นไปในลักษณะของเพื่อน พี่ น้อง ด้วยการที่มีจำนวนสมาชิกน้อย การอยู่ร่วมกันจึงเป็นไปในแบบการแชร์ความรู้ แชร์ข้อมูล รวมไปถึงการมีชีวิตร่วมกันในบางกิจกรรม โดยมากมักจะยังไม่มีเรื่องของการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้องของสมาชิกแต่ละคนก็เริ่มเบาบางลง ยกเว้นเพียงในกลุ่มย่อยเล็กๆในสังคมเท่านั้นที่ยังมีความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ดังกล่าว ในขณะที่ความสัมพันธ์ลดลง การค้าขายกลับมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนคนมากขึ้น ความต้องการมากขึ้น ในขณะที่สังคมยังไม่ใหญ่โตมาก จำนวนสมาชิกยังไม่มากนัก การค้าขายอาจมาในรูปแบบของสมาชิกนำเข้ามาขาย หรือให้คำแนะนำแหล่งที่สามารถไปซื้อได้ พ่อค้ามืออาชีพอาจมีเข้ามาร่วมในสังคมระดับนี้บ้างแต่ไม่มากนักเพราะจำนวนสมาชิกขนาดของความต้องการยังมีไม่มากพอที่จะดึงดูดให้พ่อค้าเข้ามา (Non Attractive Stage) และเมื่อเวลาผ่านไปอีก จำนวนสมาชิกที่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกจนถึงระดับหนึ่ง ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ของสมาชิกก็ลดลงไปอีกจนบางครั้งในสมาชิกด้วยกันเอง “ยังไม่รู้จักกัน” ซะด้วยซ้ำ ความเป็น “กลุ่มย่อย” ในระบบสังคมเริ่มเด่นชัดขึ้น สมาชิกจะเริ่มรู้จักกันในกลุ่มย่อยๆ มากกว่าจะรู้จักกับสมาชิกทุกคนในวงกว้าง และในเวลาเดียวกันนี้เองที่จำนวนสมาชิก ขนาดของความต้องการสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่สนใจของ “พ่อค้าอาชีพ” ที่เข้ามานำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก เมื่อมี “พ่อค้าอาชีพ” เข้ามามากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ “การแข่งขัน” “การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน” รวมไปถึง “การสร้างกลุ่มย่อยขึ้นมาสนับสนุนตนเอง” (หรือที่เรียกว่าการสร้างสาวก) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะธรรมชาติของสังคมที่ตลอดมา ยังไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ นอกเสียจากการจำกัดจำนวนสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้น

สังคม Pajero Sport Thailand ก็เกิดขึ้น และเติบโตมาในทิศทางเดียวกับหลักการเติบโตของสังคมที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น แม้ผมจะไม่ได้มีโอกาสอยู่ร่วมในสังคมแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ถ้าดูจากจำนวนสมาชิกตอนที่ผมเข้ามาเป็นสมาชิกมีเพียง 300 กว่าคน เทียบกับตอนนี้ที่มีเกือบ 1700 คน ก็สามารถถือได้ว่า ผมเองก็เฝ้าดูการเติบโตของสังคมแห่งนี้มามากกว่าครึ่งทางที่สังคมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมา ถ้าเราชื่นชมและสนับสนุนการเติบโตของสังคมแห่งนี้ เราเองในฐานะผู้อาศัยก็ต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมตามการเติบโตของมัน เพื่อให้เราอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข หรือสำหรับผู้ที่คุมกฎระเบียบของสังคมก็ควรจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อทำการควบคุมอย่างเหมาะสมด้วยเช่นกัน อุปมาดังเช่นการเลี้ยงลูกแต่ละวัยมีวิถีทางและวิธีการต่างกันฉันท์ใด การควบคุมดูแลสังคมในแต่ละขนาดและช่วงเวลาก็มีความแตกต่างกันฉันท์นั้น

เราอาจต้องยอมรับว่าความสนิทสนมกลมเกลียว ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนสนิท พี่จ๋าน้องครับนั้นยังมีอยู่ แต่จะเข้มแข็งมากๆเฉพาะในกลุ่มย่อยเท่านั้น ในขณะที่ระหว่างกลุ่มย่อยกลุ่มต่อกลุ่มอาจมีความคิดเห็น ความชอบ และความต้องการที่แตกต่าง บางครั้งต่างกันจนสุดปลายก็มี ดังนั้นในสังคมขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มย่อยจำนวนหนึ่งการแสดงความเห็น การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ก็ถือได้ว่าเป็นลักษณะปกติ เป็นธรรมชาติของสังคมในขนาดนั้นๆ

ส่วนในเรื่องของการควบคุมสังคมที่มีขนาดใหญ่ มีพ่อค้ามืออาชีพมาอยู่ร่วมในสังคม มีการแข่งขันทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรงนั้น ย่อมแตกต่างจากการควบคุมสังคมขนาดเล็กในระดับเริ่มต้น ในกลุ่มของพ่อค้าเองนั้นก็มี “พ่อค้าที่ดี” “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” และมี “พ่อค้าที่ไม่ดี” ผสมปนเปกันเข้ามาอยู่ร่วมในสังคม สิ่งที่ผู้คุมกฎควรทำไม่ใช่การกำจัดพ่อค้าทั้งหมดให้หมดไป แต่ควรเป็นการป้องกันกลุ่ม “พ่อค้าที่ไม่ดี” มิให้สร้างความเสียหายให้แก่สมาชิก ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” นั้นปรับปรุงแก้ไข เพื่อยกระดับตนเองให้กลายเป็น “พ่อค้าที่ดี”ในอนาคต ซึ่งจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกมากกว่าการกำจัดพ่อค้าให้สิ้นไป เพราะการกำจัดพ่อค้าทั้งหมด ก็ไม่ต่างจากการปิดหูปิดตาสมาชิก ให้ออกไปวัดดวงตายเอาดาบหน้า “นอกรั้วสังคม” เท่านั้นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของสังคมคือ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ถ้าถามว่าในสังคมขนาดใหญ่ยังมีอยู่หรือไม่.......ตอบได้ว่าคงมีอยู่ แต่รูปแบบอาจแตกต่างจากสังคมขนาดเล็ก ในสังคมขนาดใหญ่ต้องถามตัวเราเองด้วยว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราต้องการนั้นเป็นแบบไหน สังคมขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่มากมาย มีกลุ่มย่อยเยอะแยะ มีพ่อค้าเข้ามาขายสินค้าหลากหลายอย่าง ทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน อย่างที่ Pajero Sport Thailand เป็นอยู่ทุกวันนี้ แบบไหนละที่เราจะเรียกว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราอยากได้

การที่สมาชิกบางคนหรือบางกลุ่มรู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางราย “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” เมื่อเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆเข้าไปซื้อสินค้าดังกล่าว เข้าไปจ่ายเงินให้พ่อค้าทั้งที่ตัดสินใจด้วยตัวเองก็ดี หรือถูกชักจูงด้วยกลุ่มสาวกก็ดี ก็ไม่ทักท้วง ไม่ท้วงติง ไม่เปิดเผยข้อมูล เพราะเกรงว่าจะสร้าง “ความขัดแย้ง” เกรงว่าจะ “ทะเลาะกัน” หรือจะด้วยความ “เกรงใจ” ในพ่อค้านั้นๆโดยตรง สังคมแบบนี้แหละครับที่ดูเหมือนไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน แต่ปล่อยให้สมาชิกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไปลองเอง ไปพังเอง ไปเจ๊งเอง......สังคมแบบนี้หรือเปล่าที่เราจะเรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “มิตรภาพและความจริงใจ”

กับสังคมที่มีสมาชิกบางคนบางกลุ่ม ที่เมื่อมีข้อมูล รู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางรายบางเจ้า “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” แล้วออกมากล่าวเตือน ให้ข้อมูล พยายามเปิดเผยความจริง ให้แก่เพื่อนสมาชิกทุกคน ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จักได้ทราบ ได้เห็นถึงข้อมูลในด้านตรงข้ามกับที่พ่อค้าให้ไว้ สังคมแบบนี้แน่นอนครับต้องมีการถกเถียงในเรื่องข้อมูลบ้าง มีการใช้อารมณ์บ้าง มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมปกปิดบิดเบือนข้อมูลบ้าง สังคมอาจดูเหมือนไม่เรียบร้อยในสายตาของหลายๆคน รวมถึงผู้คุมกฎระเบียบด้วย แต่สมาชิกมีข้อมูลในการคิดวิเคราะห์มากขึ้น มีความเสี่ยงน้อยลง ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นหนูทดลองให้ใคร......สังคมแบบนี้หรือครับที่เรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “ความขัดแย้งและความไม่จริงใจ” คนที่ออกมาเปิดเผยความจริงแบบนี้หรือครับที่เป็น “คนสร้างความขัดแย้ง”

ลองนึกดูดีๆนะครับ ว่าพวกเราอยากอยู่ในสังคมแบบไหน......โดยมุมมองส่วนตัวของผม ผมมองว่า สมาชิกที่ออกมาเปิดเผยความจริงให้สมาชิกคนอื่นทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ได้รู้ในความจริงที่ถูกปกปิดไว้ คนๆนั้นแหละครับ ที่มี “มิตรภาพและความจริงใจ” ให้กับทุกคน.....ถ้าคนแบบนี้อยู่ในสังคมไหนไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปหา “มิตรภาพและความจริงใจ” ในสังคมนั้นๆได้จากตรงไหนแล้วครับ

ทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัวของผมที่ได้จากการเป็นผู้สังเกตุการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจแตกต่างจากทุกๆท่านนะครับ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านถึงบรรทัดนี้........มันเป็นบทพิสูจน์ว่า ท่านมีความอดทนสูงมากครับ  smile.. smile..


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: focusjung1 ID.434 ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 04:41:59 pm
สุดยอดครับ มากกว่านี้ก็อ่านจนหมดครับ.  heart heart heart


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: thekop07 ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 04:58:14 pm
สุดยอดครับป๋าตาม  good good good
สังคมดีๆ ที่รอเราช่วยกันสร้าง


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Liverpool(ชาติ) ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 05:35:55 pm
555...ป๋าตามน่าจะย่อให้ผมหน่อยนะ...ไม่สงสารกันเลยอ่ะ eie eie eie :D :D :D :D :D


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel No.181 ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 05:48:03 pm
YOU ARE THE MAN O0


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Takab ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 05:52:49 pm
 like like like


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Yo ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 05:53:17 pm
ขอความแบบนี้อ่านแล้วโดนใจจัง 1 หน้าอ่านแล้วเข้าใจเลย บางกระทู้ 5 หน้าก็เห็น วนไปวนมา   heart


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 05:59:35 pm
**ขอบคุณป๋าตาม  อ่านเสร็จละสายตาออกจากคอม  รู็สึกวูบวาบ  

ผมขอดึงประเด็น Hi-Light ออกมาให้มองดูชัดเจนอีกครั้งครับ

ลองพิจารณาหัวข้อลวงตา 2 หัวข้อนี้    พิจารณาจากเนื้อหาให้เข้าใจไม่ใช่หัวข้อ

สังคมที่อาจจะมองว่าเต็มไปด้วย “ความขัดแย้งและความไม่จริงใจ” = นี่คือสิ่งที่เราต้องการ
กับสังคมที่มีสมาชิกบางคนบางกลุ่ม ที่เมื่อมีข้อมูล รู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางรายบางเจ้า “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” แล้วออกมากล่าวเตือน ให้ข้อมูล พยายามเปิดเผยความจริง ให้แก่เพื่อนสมาชิกทุกคน ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จักได้ทราบ ได้เห็นถึงข้อมูลในด้านตรงข้ามกับที่พ่อค้าให้ไว้ สังคมแบบนี้แน่นอนครับต้องมีการถกเถียงในเรื่องข้อมูลบ้าง มีการใช้อารมณ์บ้าง มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมปกปิดบิดเบือนข้อมูลบ้าง สังคมอาจดูเหมือนไม่เรียบร้อยในสายตาของหลายๆคน รวมถึงผู้คุมกฎระเบียบด้วย แต่สมาชิกมีข้อมูลในการคิดวิเคราะห์มากขึ้น มีความเสี่ยงน้อยลง ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นหนูทดลองให้ใคร......สังคมแบบนี้หรือครับที่เรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “ความขัดแย้งและความไม่จริงใจ” คนที่ออกมาเปิดเผยความจริงแบบนี้หรือครับที่เป็น “คนสร้างความขัดแย้ง”

สังคมที่เต็มไปด้วย “มิตรภาพและความจริงใจ” = นี่คือสิ่งที่เราไม่ต้องการ
การที่สมาชิกบางคนหรือบางกลุ่มรู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางราย “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” เมื่อเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆเข้าไปซื้อสินค้าดังกล่าว เข้าไปจ่ายเงินให้พ่อค้าทั้งที่ตัดสินใจด้วยตัวเองก็ดี หรือถูกชักจูงด้วยกลุ่มสาวกก็ดี ก็ไม่ทักท้วง ไม่ท้วงติง ไม่เปิดเผยข้อมูล เพราะเกรงว่าจะสร้าง “ความขัดแย้ง” เกรงว่าจะ “ทะเลาะกัน” หรือจะด้วยความ “เกรงใจ” ในพ่อค้านั้นๆโดยตรง สังคมแบบนี้แหละครับที่ดูเหมือนไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน แต่ปล่อยให้สมาชิกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไปลองเอง ไปพังเอง ไปเจ๊งเอง......สังคมแบบนี้หรือเปล่าที่เราจะเรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “มิตรภาพและความจริงใจ”



**คนที่ออกมาเปิดเผยความจริงแบบนี้หรือครับที่เป็น “คนสร้างความขัดแย้ง”[/color]    เปรียบกับ  แกนนำการเรียกร้องต่างๆ     ชนะ=วีรบุรูษ     แพ้=กบฎ****

เยี่ยม good
 สาธุ


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 06:03:24 pm
เรียน สมาชิกทุกท่าน

ตอนนี้ทางคณะกรรมการ แจ้งให้หยุดก่อน มิได้จะกำจัดพ่อค้าใดๆทั้งสิ้น...

ขอเรียนให้เข้าใจและยืนยันอีกครั้งนะครับว่า...ทางเว็ปฯ มิได้รับเงินจากพ่อค้า ห้างร้าน ใดๆ ไม่ได้เชียร์ใคร...เป็นสิทธิ์ของสมาชิกที่จะบริโภคสินค้าตามความชอบใจ...แต่เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องหาสาเหตุที่แท้จริง...

แต่เพื่อที่จะยุติปัญหา...จึงขอความร่วมมือจากท่านสมาชิก...และพ่อค้า ให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์ เป็นการชั่วคราวก่อนนะครับ...ให้ทางคณะกรรมการได้ใช้เวลาพิจารณาก่อนนะครับ

ด้วยความเคารพ

ขออภัยครับ  อาจจะโพสในเวลาใกล้เคียงกัน   ผมดึงเนื้อหา ที่สรุปจากด้านบนมาให้ชัดเจน   มิได้ส่อเจตนาที่ไม่ดีครับ


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กรกฎาคม 18, 2012, 12:21:21 am
ขอบคุณป๋าๆทุกท่าน สำหรับทุกความคิดเห็นทกlike ครับ smile.. สาธุ สาธุ

ขอบคุณป๋านะที่ช่วยสรุปประเด็นจากความเพ้อเจ้อของผม  สาธุ สาธุ

ขอโทษป๋าต้น และMOD ทุกท่าน หากกระทู้ของผมได้สร้างความยุ่งยากแก่ท่าน รวมถึงหากมันไปบั่นทอนกำลังใจในการทำงานเพื่อสังคมแห่งนี้ ผมมิได้ตั้งใจให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ในความเป็นจริงแล้วผมชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เสียสละลงทุนลงแรงเพื่อสังคมแห่งนี้  สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: TokKy (No. 12) ที่ กรกฎาคม 18, 2012, 01:06:26 am
ท่ามกลางกระแสที่หลายๆคนเรียกว่า “ความขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นจาก “เหตุการณ์จูนเนอร์คนหนึ่ง” ผมซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ในฐานะของผู้สังเกตุการณ์ ที่ติดตามเรื่องราวมาโดยตลอด จนในช่วงหลังก็มีกระแสเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง เรียกร้องให้ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” กลับมาในสังคมแห่งนี้ ตัวผมเองกลับมีมุมมอง มีความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนใครที่อยากมาแชร์ในสังคมแห่งนี้ ให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

หลายๆคนมองเหตุการณ์ “จูนเนอร์คนหนึ่ง” ว่าเป็นความขัดแย้ง ความไม่จริงใจ ความไม่รักกัน แต่ผมกลับมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นไปตาม “ธรรมชาติ” ของสังคมที่เติบโตขึ้นตามขนาดและระยะเวลาของมัน

สังคมทัวๆไปโดยมากจะมีจุดเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้ๆกัน แต่สังคม online มักจะเกิดจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีความสนใจหรือความต้องการที่คล้ายๆกันมารวมตัวกัน ในขั้นนี้ความสัมพันธ์ของสมาชิกจะเป็นไปในลักษณะของเพื่อน พี่ น้อง ด้วยการที่มีจำนวนสมาชิกน้อย การอยู่ร่วมกันจึงเป็นไปในแบบการแชร์ความรู้ แชร์ข้อมูล รวมไปถึงการมีชีวิตร่วมกันในบางกิจกรรม โดยมากมักจะยังไม่มีเรื่องของการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้องของสมาชิกแต่ละคนก็เริ่มเบาบางลง ยกเว้นเพียงในกลุ่มย่อยเล็กๆในสังคมเท่านั้นที่ยังมีความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ดังกล่าว ในขณะที่ความสัมพันธ์ลดลง การค้าขายกลับมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนคนมากขึ้น ความต้องการมากขึ้น ในขณะที่สังคมยังไม่ใหญ่โตมาก จำนวนสมาชิกยังไม่มากนัก การค้าขายอาจมาในรูปแบบของสมาชิกนำเข้ามาขาย หรือให้คำแนะนำแหล่งที่สามารถไปซื้อได้ พ่อค้ามืออาชีพอาจมีเข้ามาร่วมในสังคมระดับนี้บ้างแต่ไม่มากนักเพราะจำนวนสมาชิกขนาดของความต้องการยังมีไม่มากพอที่จะดึงดูดให้พ่อค้าเข้ามา (Non Attractive Stage) และเมื่อเวลาผ่านไปอีก จำนวนสมาชิกที่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกจนถึงระดับหนึ่ง ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ของสมาชิกก็ลดลงไปอีกจนบางครั้งในสมาชิกด้วยกันเอง “ยังไม่รู้จักกัน” ซะด้วยซ้ำ ความเป็น “กลุ่มย่อย” ในระบบสังคมเริ่มเด่นชัดขึ้น สมาชิกจะเริ่มรู้จักกันในกลุ่มย่อยๆ มากกว่าจะรู้จักกับสมาชิกทุกคนในวงกว้าง และในเวลาเดียวกันนี้เองที่จำนวนสมาชิก ขนาดของความต้องการสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่สนใจของ “พ่อค้าอาชีพ” ที่เข้ามานำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก เมื่อมี “พ่อค้าอาชีพ” เข้ามามากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ “การแข่งขัน” “การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน” รวมไปถึง “การสร้างกลุ่มย่อยขึ้นมาสนับสนุนตนเอง” (หรือที่เรียกว่าการสร้างสาวก) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะธรรมชาติของสังคมที่ตลอดมา ยังไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ นอกเสียจากการจำกัดจำนวนสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้น

สังคม Pajero Sport Thailand ก็เกิดขึ้น และเติบโตมาในทิศทางเดียวกับหลักการเติบโตของสังคมที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น แม้ผมจะไม่ได้มีโอกาสอยู่ร่วมในสังคมแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ถ้าดูจากจำนวนสมาชิกตอนที่ผมเข้ามาเป็นสมาชิกมีเพียง 300 กว่าคน เทียบกับตอนนี้ที่มีเกือบ 1700 คน ก็สามารถถือได้ว่า ผมเองก็เฝ้าดูการเติบโตของสังคมแห่งนี้มามากกว่าครึ่งทางที่สังคมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมา ถ้าเราชื่นชมและสนับสนุนการเติบโตของสังคมแห่งนี้ เราเองในฐานะผู้อาศัยก็ต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมตามการเติบโตของมัน เพื่อให้เราอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข หรือสำหรับผู้ที่คุมกฎระเบียบของสังคมก็ควรจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อทำการควบคุมอย่างเหมาะสมด้วยเช่นกัน อุปมาดังเช่นการเลี้ยงลูกแต่ละวัยมีวิถีทางและวิธีการต่างกันฉันท์ใด การควบคุมดูแลสังคมในแต่ละขนาดและช่วงเวลาก็มีความแตกต่างกันฉันท์นั้น

เราอาจต้องยอมรับว่าความสนิทสนมกลมเกลียว ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนสนิท พี่จ๋าน้องครับนั้นยังมีอยู่ แต่จะเข้มแข็งมากๆเฉพาะในกลุ่มย่อยเท่านั้น ในขณะที่ระหว่างกลุ่มย่อยกลุ่มต่อกลุ่มอาจมีความคิดเห็น ความชอบ และความต้องการที่แตกต่าง บางครั้งต่างกันจนสุดปลายก็มี ดังนั้นในสังคมขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มย่อยจำนวนหนึ่งการแสดงความเห็น การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ก็ถือได้ว่าเป็นลักษณะปกติ เป็นธรรมชาติของสังคมในขนาดนั้นๆ

ส่วนในเรื่องของการควบคุมสังคมที่มีขนาดใหญ่ มีพ่อค้ามืออาชีพมาอยู่ร่วมในสังคม มีการแข่งขันทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรงนั้น ย่อมแตกต่างจากการควบคุมสังคมขนาดเล็กในระดับเริ่มต้น ในกลุ่มของพ่อค้าเองนั้นก็มี “พ่อค้าที่ดี” “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” และมี “พ่อค้าที่ไม่ดี” ผสมปนเปกันเข้ามาอยู่ร่วมในสังคม สิ่งที่ผู้คุมกฎควรทำไม่ใช่การกำจัดพ่อค้าทั้งหมดให้หมดไป แต่ควรเป็นการป้องกันกลุ่ม “พ่อค้าที่ไม่ดี” มิให้สร้างความเสียหายให้แก่สมาชิก ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” นั้นปรับปรุงแก้ไข เพื่อยกระดับตนเองให้กลายเป็น “พ่อค้าที่ดี”ในอนาคต ซึ่งจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกมากกว่าการกำจัดพ่อค้าให้สิ้นไป เพราะการกำจัดพ่อค้าทั้งหมด ก็ไม่ต่างจากการปิดหูปิดตาสมาชิก ให้ออกไปวัดดวงตายเอาดาบหน้า “นอกรั้วสังคม” เท่านั้นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของสังคมคือ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ถ้าถามว่าในสังคมขนาดใหญ่ยังมีอยู่หรือไม่.......ตอบได้ว่าคงมีอยู่ แต่รูปแบบอาจแตกต่างจากสังคมขนาดเล็ก ในสังคมขนาดใหญ่ต้องถามตัวเราเองด้วยว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราต้องการนั้นเป็นแบบไหน สังคมขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่มากมาย มีกลุ่มย่อยเยอะแยะ มีพ่อค้าเข้ามาขายสินค้าหลากหลายอย่าง ทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน อย่างที่ Pajero Sport Thailand เป็นอยู่ทุกวันนี้ แบบไหนละที่เราจะเรียกว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราอยากได้

การที่สมาชิกบางคนหรือบางกลุ่มรู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางราย “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” เมื่อเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆเข้าไปซื้อสินค้าดังกล่าว เข้าไปจ่ายเงินให้พ่อค้าทั้งที่ตัดสินใจด้วยตัวเองก็ดี หรือถูกชักจูงด้วยกลุ่มสาวกก็ดี ก็ไม่ทักท้วง ไม่ท้วงติง ไม่เปิดเผยข้อมูล เพราะเกรงว่าจะสร้าง “ความขัดแย้ง” เกรงว่าจะ “ทะเลาะกัน” หรือจะด้วยความ “เกรงใจ” ในพ่อค้านั้นๆโดยตรง สังคมแบบนี้แหละครับที่ดูเหมือนไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน แต่ปล่อยให้สมาชิกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไปลองเอง ไปพังเอง ไปเจ๊งเอง......สังคมแบบนี้หรือเปล่าที่เราจะเรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “มิตรภาพและความจริงใจ”

กับสังคมที่มีสมาชิกบางคนบางกลุ่ม ที่เมื่อมีข้อมูล รู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางรายบางเจ้า “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” แล้วออกมากล่าวเตือน ให้ข้อมูล พยายามเปิดเผยความจริง ให้แก่เพื่อนสมาชิกทุกคน ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จักได้ทราบ ได้เห็นถึงข้อมูลในด้านตรงข้ามกับที่พ่อค้าให้ไว้ สังคมแบบนี้แน่นอนครับต้องมีการถกเถียงในเรื่องข้อมูลบ้าง มีการใช้อารมณ์บ้าง มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมปกปิดบิดเบือนข้อมูลบ้าง สังคมอาจดูเหมือนไม่เรียบร้อยในสายตาของหลายๆคน รวมถึงผู้คุมกฎระเบียบด้วย แต่สมาชิกมีข้อมูลในการคิดวิเคราะห์มากขึ้น มีความเสี่ยงน้อยลง ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นหนูทดลองให้ใคร......สังคมแบบนี้หรือครับที่เรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “ความขัดแย้งและความไม่จริงใจ” คนที่ออกมาเปิดเผยความจริงแบบนี้หรือครับที่เป็น “คนสร้างความขัดแย้ง”

ลองนึกดูดีๆนะครับ ว่าพวกเราอยากอยู่ในสังคมแบบไหน......โดยมุมมองส่วนตัวของผม ผมมองว่า สมาชิกที่ออกมาเปิดเผยความจริงให้สมาชิกคนอื่นทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ได้รู้ในความจริงที่ถูกปกปิดไว้ คนๆนั้นแหละครับ ที่มี “มิตรภาพและความจริงใจ” ให้กับทุกคน.....ถ้าคนแบบนี้อยู่ในสังคมไหนไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปหา “มิตรภาพและความจริงใจ” ในสังคมนั้นๆได้จากตรงไหนแล้วครับ

ทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัวของผมที่ได้จากการเป็นผู้สังเกตุการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจแตกต่างจากทุกๆท่านนะครับ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านถึงบรรทัดนี้........มันเป็นบทพิสูจน์ว่า ท่านมีความอดทนสูงมากครับ  smile.. smile..


ผมขอเรียนป๋าตาม ตามนี้ครับ

ทางกรรมการและ วมต. ได้ดูเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานาน(มาก)แล้วซึ่งเราพยายามคิดให้รอบคอบและมีการกระทำในหลายๆอย่างเพื่อยุติปัญหา ที่จริงแล้วมิใช่มีเพียงเรื่องการจูนเนอร์เท่านั้นแต่ก็ยังมีหลายเรื่องเช่นโช้ค และอื่นๆอีกเป็นต้น โดยการกระทำของเรามีทั้งโทรไปพูดคุย ทำความเข้าใจ ไกล่เกลี่ย ซึ่งในบางเรื่องคนไหนรับฟังเราปัญหาก็เบาบางลงไป บางเรื่องคนไหนไม่ฟังก็ยังทำต่อ อันนี้คงไม่ต้องบอกว่าทำไมทั้งกรรมการหรือ วมต. ต้องทำเพราะถ้าเป็นที่อื่นผมเชื่อว่าเค้าคงไม่โทรหาสมาชิกสอบถามข้อมูลหรือไกล่เกลี่ยให้เสียเวลา แต่ที่เราทำเราคำนึงถึงจุดเปาะบางเหล่านี้ เพราะป๋าๆแต่ละท่านใช่คนอื่นไกล อาจมีทั้งเคยเจอหน้ากัน และบางท่านไม่เคยเจอแต่ก็พูดคัยกันในบอร์ดจนเหมื่อนเพื่อนสนิท มิตรสหายครับ...ทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนมาเพื่ออยากให้ทั้งป๋าตามหรือป๋าอีกหลายๆท่านได้เข้าใจว่าเราก็พยายามแล้วแต่ป๋าๆอาจจะไม่ทราบ และที่สำคัญเราเข้าใจสังคมที่เปลี่ยนไปของบ้านเราดีเท่านั้นครับ....ว่าซักวันเมื่อโตก็ต้องแตกและแยกกันออกไป ตามความชอบหรืออุดมการณ์ของกลุ่มนั้นๆ

มีปัญหาถ้าไม่ทำอะไร...ก็มองว่านิ่งเฉย
ทำกับคนนี้..............ก็โดนคนนั้นว่าลำเอียง
ทำกับคนนั้น............ก็โดนคนนี้ว่าลำเอียง
ทำทั้งคู่.................ก็โดนว่าไม่เข้าใจ

นี่คือสิ่งที่เราคิดมาแล้วแต่ที่เราปฏิบัติการณ์เพื่อยุติปัญหาแม้จะไม่ดีที่สุด หรือถูกใจใคร แต่เราทุกคนโดยการนำของวมต. คิดและปรึกษากันดีแล้วครับ

รักป๋าๆทุกคนครับ  :-*




หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Black... ที่ กรกฎาคม 18, 2012, 07:47:49 am
 like
ความจริงใจ ความถูกต้อง ยุติธรรม และมีคุณธรรม น่าจะตอบโจทย์ได้ทุกข้อนะ ผมคิดว่าอย่างนั้น  สาธุ


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กรกฎาคม 18, 2012, 10:22:15 am
ท่ามกลางกระแสที่หลายๆคนเรียกว่า “ความขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นจาก “เหตุการณ์จูนเนอร์คนหนึ่ง” ผมซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ในฐานะของผู้สังเกตุการณ์ ที่ติดตามเรื่องราวมาโดยตลอด จนในช่วงหลังก็มีกระแสเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง เรียกร้องให้ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” กลับมาในสังคมแห่งนี้ ตัวผมเองกลับมีมุมมอง มีความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนใครที่อยากมาแชร์ในสังคมแห่งนี้ ให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

หลายๆคนมองเหตุการณ์ “จูนเนอร์คนหนึ่ง” ว่าเป็นความขัดแย้ง ความไม่จริงใจ ความไม่รักกัน แต่ผมกลับมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นไปตาม “ธรรมชาติ” ของสังคมที่เติบโตขึ้นตามขนาดและระยะเวลาของมัน

สังคมทัวๆไปโดยมากจะมีจุดเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้ๆกัน แต่สังคม online มักจะเกิดจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีความสนใจหรือความต้องการที่คล้ายๆกันมารวมตัวกัน ในขั้นนี้ความสัมพันธ์ของสมาชิกจะเป็นไปในลักษณะของเพื่อน พี่ น้อง ด้วยการที่มีจำนวนสมาชิกน้อย การอยู่ร่วมกันจึงเป็นไปในแบบการแชร์ความรู้ แชร์ข้อมูล รวมไปถึงการมีชีวิตร่วมกันในบางกิจกรรม โดยมากมักจะยังไม่มีเรื่องของการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้องของสมาชิกแต่ละคนก็เริ่มเบาบางลง ยกเว้นเพียงในกลุ่มย่อยเล็กๆในสังคมเท่านั้นที่ยังมีความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ดังกล่าว ในขณะที่ความสัมพันธ์ลดลง การค้าขายกลับมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนคนมากขึ้น ความต้องการมากขึ้น ในขณะที่สังคมยังไม่ใหญ่โตมาก จำนวนสมาชิกยังไม่มากนัก การค้าขายอาจมาในรูปแบบของสมาชิกนำเข้ามาขาย หรือให้คำแนะนำแหล่งที่สามารถไปซื้อได้ พ่อค้ามืออาชีพอาจมีเข้ามาร่วมในสังคมระดับนี้บ้างแต่ไม่มากนักเพราะจำนวนสมาชิกขนาดของความต้องการยังมีไม่มากพอที่จะดึงดูดให้พ่อค้าเข้ามา (Non Attractive Stage) และเมื่อเวลาผ่านไปอีก จำนวนสมาชิกที่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกจนถึงระดับหนึ่ง ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ของสมาชิกก็ลดลงไปอีกจนบางครั้งในสมาชิกด้วยกันเอง “ยังไม่รู้จักกัน” ซะด้วยซ้ำ ความเป็น “กลุ่มย่อย” ในระบบสังคมเริ่มเด่นชัดขึ้น สมาชิกจะเริ่มรู้จักกันในกลุ่มย่อยๆ มากกว่าจะรู้จักกับสมาชิกทุกคนในวงกว้าง และในเวลาเดียวกันนี้เองที่จำนวนสมาชิก ขนาดของความต้องการสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่สนใจของ “พ่อค้าอาชีพ” ที่เข้ามานำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก เมื่อมี “พ่อค้าอาชีพ” เข้ามามากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ “การแข่งขัน” “การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน” รวมไปถึง “การสร้างกลุ่มย่อยขึ้นมาสนับสนุนตนเอง” (หรือที่เรียกว่าการสร้างสาวก) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะธรรมชาติของสังคมที่ตลอดมา ยังไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ นอกเสียจากการจำกัดจำนวนสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้น

สังคม Pajero Sport Thailand ก็เกิดขึ้น และเติบโตมาในทิศทางเดียวกับหลักการเติบโตของสังคมที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น แม้ผมจะไม่ได้มีโอกาสอยู่ร่วมในสังคมแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ถ้าดูจากจำนวนสมาชิกตอนที่ผมเข้ามาเป็นสมาชิกมีเพียง 300 กว่าคน เทียบกับตอนนี้ที่มีเกือบ 1700 คน ก็สามารถถือได้ว่า ผมเองก็เฝ้าดูการเติบโตของสังคมแห่งนี้มามากกว่าครึ่งทางที่สังคมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมา ถ้าเราชื่นชมและสนับสนุนการเติบโตของสังคมแห่งนี้ เราเองในฐานะผู้อาศัยก็ต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมตามการเติบโตของมัน เพื่อให้เราอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข หรือสำหรับผู้ที่คุมกฎระเบียบของสังคมก็ควรจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อทำการควบคุมอย่างเหมาะสมด้วยเช่นกัน อุปมาดังเช่นการเลี้ยงลูกแต่ละวัยมีวิถีทางและวิธีการต่างกันฉันท์ใด การควบคุมดูแลสังคมในแต่ละขนาดและช่วงเวลาก็มีความแตกต่างกันฉันท์นั้น

เราอาจต้องยอมรับว่าความสนิทสนมกลมเกลียว ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนสนิท พี่จ๋าน้องครับนั้นยังมีอยู่ แต่จะเข้มแข็งมากๆเฉพาะในกลุ่มย่อยเท่านั้น ในขณะที่ระหว่างกลุ่มย่อยกลุ่มต่อกลุ่มอาจมีความคิดเห็น ความชอบ และความต้องการที่แตกต่าง บางครั้งต่างกันจนสุดปลายก็มี ดังนั้นในสังคมขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มย่อยจำนวนหนึ่งการแสดงความเห็น การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ก็ถือได้ว่าเป็นลักษณะปกติ เป็นธรรมชาติของสังคมในขนาดนั้นๆ

ส่วนในเรื่องของการควบคุมสังคมที่มีขนาดใหญ่ มีพ่อค้ามืออาชีพมาอยู่ร่วมในสังคม มีการแข่งขันทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรงนั้น ย่อมแตกต่างจากการควบคุมสังคมขนาดเล็กในระดับเริ่มต้น ในกลุ่มของพ่อค้าเองนั้นก็มี “พ่อค้าที่ดี” “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” และมี “พ่อค้าที่ไม่ดี” ผสมปนเปกันเข้ามาอยู่ร่วมในสังคม สิ่งที่ผู้คุมกฎควรทำไม่ใช่การกำจัดพ่อค้าทั้งหมดให้หมดไป แต่ควรเป็นการป้องกันกลุ่ม “พ่อค้าที่ไม่ดี” มิให้สร้างความเสียหายให้แก่สมาชิก ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” นั้นปรับปรุงแก้ไข เพื่อยกระดับตนเองให้กลายเป็น “พ่อค้าที่ดี”ในอนาคต ซึ่งจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกมากกว่าการกำจัดพ่อค้าให้สิ้นไป เพราะการกำจัดพ่อค้าทั้งหมด ก็ไม่ต่างจากการปิดหูปิดตาสมาชิก ให้ออกไปวัดดวงตายเอาดาบหน้า “นอกรั้วสังคม” เท่านั้นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของสังคมคือ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ถ้าถามว่าในสังคมขนาดใหญ่ยังมีอยู่หรือไม่.......ตอบได้ว่าคงมีอยู่ แต่รูปแบบอาจแตกต่างจากสังคมขนาดเล็ก ในสังคมขนาดใหญ่ต้องถามตัวเราเองด้วยว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราต้องการนั้นเป็นแบบไหน สังคมขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่มากมาย มีกลุ่มย่อยเยอะแยะ มีพ่อค้าเข้ามาขายสินค้าหลากหลายอย่าง ทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน อย่างที่ Pajero Sport Thailand เป็นอยู่ทุกวันนี้ แบบไหนละที่เราจะเรียกว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราอยากได้

การที่สมาชิกบางคนหรือบางกลุ่มรู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางราย “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” เมื่อเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆเข้าไปซื้อสินค้าดังกล่าว เข้าไปจ่ายเงินให้พ่อค้าทั้งที่ตัดสินใจด้วยตัวเองก็ดี หรือถูกชักจูงด้วยกลุ่มสาวกก็ดี ก็ไม่ทักท้วง ไม่ท้วงติง ไม่เปิดเผยข้อมูล เพราะเกรงว่าจะสร้าง “ความขัดแย้ง” เกรงว่าจะ “ทะเลาะกัน” หรือจะด้วยความ “เกรงใจ” ในพ่อค้านั้นๆโดยตรง สังคมแบบนี้แหละครับที่ดูเหมือนไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน แต่ปล่อยให้สมาชิกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไปลองเอง ไปพังเอง ไปเจ๊งเอง......สังคมแบบนี้หรือเปล่าที่เราจะเรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “มิตรภาพและความจริงใจ”

กับสังคมที่มีสมาชิกบางคนบางกลุ่ม ที่เมื่อมีข้อมูล รู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางรายบางเจ้า “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” แล้วออกมากล่าวเตือน ให้ข้อมูล พยายามเปิดเผยความจริง ให้แก่เพื่อนสมาชิกทุกคน ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จักได้ทราบ ได้เห็นถึงข้อมูลในด้านตรงข้ามกับที่พ่อค้าให้ไว้ สังคมแบบนี้แน่นอนครับต้องมีการถกเถียงในเรื่องข้อมูลบ้าง มีการใช้อารมณ์บ้าง มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมปกปิดบิดเบือนข้อมูลบ้าง สังคมอาจดูเหมือนไม่เรียบร้อยในสายตาของหลายๆคน รวมถึงผู้คุมกฎระเบียบด้วย แต่สมาชิกมีข้อมูลในการคิดวิเคราะห์มากขึ้น มีความเสี่ยงน้อยลง ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นหนูทดลองให้ใคร......สังคมแบบนี้หรือครับที่เรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “ความขัดแย้งและความไม่จริงใจ” คนที่ออกมาเปิดเผยความจริงแบบนี้หรือครับที่เป็น “คนสร้างความขัดแย้ง”

ลองนึกดูดีๆนะครับ ว่าพวกเราอยากอยู่ในสังคมแบบไหน......โดยมุมมองส่วนตัวของผม ผมมองว่า สมาชิกที่ออกมาเปิดเผยความจริงให้สมาชิกคนอื่นทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ได้รู้ในความจริงที่ถูกปกปิดไว้ คนๆนั้นแหละครับ ที่มี “มิตรภาพและความจริงใจ” ให้กับทุกคน.....ถ้าคนแบบนี้อยู่ในสังคมไหนไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปหา “มิตรภาพและความจริงใจ” ในสังคมนั้นๆได้จากตรงไหนแล้วครับ

ทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัวของผมที่ได้จากการเป็นผู้สังเกตุการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจแตกต่างจากทุกๆท่านนะครับ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านถึงบรรทัดนี้........มันเป็นบทพิสูจน์ว่า ท่านมีความอดทนสูงมากครับ  smile.. smile..


ผมขอเรียนป๋าตาม ตามนี้ครับ

ทางกรรมการและ วมต. ได้ดูเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานาน(มาก)แล้วซึ่งเราพยายามคิดให้รอบคอบและมีการกระทำในหลายๆอย่างเพื่อยุติปัญหา ที่จริงแล้วมิใช่มีเพียงเรื่องการจูนเนอร์เท่านั้นแต่ก็ยังมีหลายเรื่องเช่นโช้ค และอื่นๆอีกเป็นต้น โดยการกระทำของเรามีทั้งโทรไปพูดคุย ทำความเข้าใจ ไกล่เกลี่ย ซึ่งในบางเรื่องคนไหนรับฟังเราปัญหาก็เบาบางลงไป บางเรื่องคนไหนไม่ฟังก็ยังทำต่อ อันนี้คงไม่ต้องบอกว่าทำไมทั้งกรรมการหรือ วมต. ต้องทำเพราะถ้าเป็นที่อื่นผมเชื่อว่าเค้าคงไม่โทรหาสมาชิกสอบถามข้อมูลหรือไกล่เกลี่ยให้เสียเวลา แต่ที่เราทำเราคำนึงถึงจุดเปาะบางเหล่านี้ เพราะป๋าๆแต่ละท่านใช่คนอื่นไกล อาจมีทั้งเคยเจอหน้ากัน และบางท่านไม่เคยเจอแต่ก็พูดคัยกันในบอร์ดจนเหมื่อนเพื่อนสนิท มิตรสหายครับ...ทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนมาเพื่ออยากให้ทั้งป๋าตามหรือป๋าอีกหลายๆท่านได้เข้าใจว่าเราก็พยายามแล้วแต่ป๋าๆอาจจะไม่ทราบ และที่สำคัญเราเข้าใจสังคมที่เปลี่ยนไปของบ้านเราดีเท่านั้นครับ....ว่าซักวันเมื่อโตก็ต้องแตกและแยกกันออกไป ตามความชอบหรืออุดมการณ์ของกลุ่มนั้นๆ

มีปัญหาถ้าไม่ทำอะไร...ก็มองว่านิ่งเฉย
ทำกับคนนี้..............ก็โดนคนนั้นว่าลำเอียง
ทำกับคนนั้น............ก็โดนคนนี้ว่าลำเอียง
ทำทั้งคู่.................ก็โดนว่าไม่เข้าใจ

นี่คือสิ่งที่เราคิดมาแล้วแต่ที่เราปฏิบัติการณ์เพื่อยุติปัญหาแม้จะไม่ดีที่สุด หรือถูกใจใคร แต่เราทุกคนโดยการนำของวมต. คิดและปรึกษากันดีแล้วครับ

รักป๋าๆทุกคนครับ  :-*




น้อมรับด้วยใจครับป๋าต๊อก  สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ

รักป๋าๆเช่นกันครับ  smile.. smile.. smile.. smile.. สาธุ สาธุ สาธุ


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กรกฎาคม 18, 2012, 11:02:14 am
ทางกรรมการและ วมต. ได้ดูเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานาน(มาก)แล้วซึ่งเราพยายามคิดให้รอบคอบและมีการกระทำในหลายๆอย่างเพื่อยุติปัญหา ที่จริงแล้วมิใช่มีเพียงเรื่องการจูนเนอร์เท่านั้นแต่ก็ยังมีหลายเรื่องเช่นโช้ค และอื่นๆอีกเป็นต้น โดยการกระทำของเรามีทั้งโทรไปพูดคุย ทำความเข้าใจ ไกล่เกลี่ย ซึ่งในบางเรื่องคนไหนรับฟังเราปัญหาก็เบาบางลงไป บางเรื่องคนไหนไม่ฟังก็ยังทำต่อ อันนี้คงไม่ต้องบอกว่าทำไมทั้งกรรมการหรือ วมต. ต้องทำเพราะถ้าเป็นที่อื่นผมเชื่อว่าเค้าคงไม่โทรหาสมาชิกสอบถามข้อมูลหรือไกล่เกลี่ยให้เสียเวลา แต่ที่เราทำเราคำนึงถึงจุดเปาะบางเหล่านี้ เพราะป๋าๆแต่ละท่านใช่คนอื่นไกล อาจมีทั้งเคยเจอหน้ากัน และบางท่านไม่เคยเจอแต่ก็พูดคัยกันในบอร์ดจนเหมื่อนเพื่อนสนิท มิตรสหายครับ...ทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนมาเพื่ออยากให้ทั้งป๋าตามหรือป๋าอีกหลายๆท่านได้เข้าใจว่าเราก็พยายามแล้วแต่ป๋าๆอาจจะไม่ทราบ และที่สำคัญเราเข้าใจสังคมที่เปลี่ยนไปของบ้านเราดีเท่านั้นครับ....ว่าซักวันเมื่อโตก็ต้องแตกและแยกกันออกไป ตามความชอบหรืออุดมการณ์ของกลุ่มนั้นๆ

มีปัญหาถ้าไม่ทำอะไร...ก็มองว่านิ่งเฉย
ทำกับคนนี้..............ก็โดนคนนั้นว่าลำเอียง
ทำกับคนนั้น............ก็โดนคนนี้ว่าลำเอียง
ทำทั้งคู่.................ก็โดนว่าไม่เข้าใจ

นี่คือสิ่งที่เราคิดมาแล้วแต่ที่เราปฏิบัติการณ์เพื่อยุติปัญหาแม้จะไม่ดีที่สุด หรือถูกใจใคร แต่เราทุกคนโดยการนำของวมต. คิดและปรึกษากันดีแล้วครับ

รักป๋าๆทุกคนครับ  :-*

[/size]


(http://image.ohozaa.com/i/b7c/eCwiX5.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wcZQpXq1Rg3sYlRn)
พอดีอ่านข้อความของป๋าต๊อกกี้แล้ว  จิตวิญาณมันล่องลอยไปตามอารมณ์  หยิบแผ่น CD แผ่นแท้ที่เสียงดีที่สุด  ขับรถเปิดมันซ่ะลั่นย้อนไปย้อนมา   เพื่อให้อินไปกับอารมณ์เพลง

ฟังหลายๆคำ  มันช่างกินใจ เหลือเกิน    เลยมาขอ relax หน่อย  อย่าเพิ่งซีเรียสไปกับผมนะครับ  ผมรักบ้านหลังนี้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

* ก็รัก มันแปลก แทรกเรื่องร้ายร้ายเข้ามา ให้เรา
     ฟันฝ่าปัญหาร่วมกัน ถึงหัวใจใกล้ แปรปรวนรวนเร อย่างไร
             ก็ยัง กลับมา รักกัน เหมือนเดิม

*เพราะอยากจะร้อง คร่ำครวญให้ปานจะเหมือนว่า
    เจ็บปวดนักหนา รันทดนักหนา หัวใจแปดเปื้อนเลื่อนลอย
     

*ใช่รักไม่รัก ใช่หลงไม่หลง ซ่อนในอารมณ์ ในซอกหลืบ
    ในจิต ในฝัน อยากอยู่อย่างนั้น ไม่แตะ ไม่ต้อง สัมผัสเธอ
       ขอเพียงเท่านี้ ได้คงอยู่อย่างนี้ สิ่งดีก็ล้นจนเกินสุข
         อารมณ์มันลึก จะเก็บเธอไว้ ให้ลึก…….สุดใจ

*มันทรมาน เมื่อรู้ว่าความรู้สึก จะส่งความเจ็บ ปวด แสบ ให้ใจ  ได้มากปานนี้
    ยังคอย ยังคอย ยังคอย ยังคอยจนอาทิตย์ดับ และฉันจะหลั่งน้ำตา อาดูรให้เธอเสมอ
           ก็เพราะว่า ฉันรักเธอยิ่งกว่า เกินกว่าวันเวลา ทำลายดับสูญ

 *  ความเจ็บครั้งนี้ จะจดจำจารึกลงไป ว่าดวงใจดวงหนึ่ง
     ฟันฝ่า เอาชัย ไม่ได้ ผิดหวังซ้ำซ้ำ ช้ำจนเกินที่จะเยียวยา
          แล้ววันหนึ่ง เราจะกลับมา ทวงถาม

*สำลักความสุขจนล้น ต้องดั้นด้นผ่านทุกข์นั้น ข้างในใครรู้มันช้ำ
    เพียงใด.................


มาพังเพลงยามเช้า........แค่นั้น (ฉบับ unplug กับอารมณ์ สดๆ)
http://www.youtube.com/watch?v=mY0CCQoPjTM


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: TON_2335 ที่ กรกฎาคม 18, 2012, 12:35:36 pm
ขอบคุณป๋าๆทุกท่าน สำหรับทุกความคิดเห็นทกlike ครับ smile.. สาธุ สาธุ

ขอบคุณป๋านะที่ช่วยสรุปประเด็นจากความเพ้อเจ้อของผม  สาธุ สาธุ

ขอโทษป๋าต้น และMOD ทุกท่าน หากกระทู้ของผมได้สร้างความยุ่งยากแก่ท่าน รวมถึงหากมันไปบั่นทอนกำลังใจในการทำงานเพื่อสังคมแห่งนี้ ผมมิได้ตั้งใจให้เกิดสิ่งเหล่านี้ ในความเป็นจริงแล้วผมชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เสียสละลงทุนลงแรงเพื่อสังคมแห่งนี้  สาธุ สาธุ
สิ่งที่ป๋าตามโพสมาไม่ผิดครับ แต่เป็นการแสดงออกมาอีกรูปแบบหนึ่งครับ สังคมหนึ่งเป็นสังคมเล็กๆ ถ่อยทีถ่อยอาศัย กัน วันหนึ่งมีคนเข้ามาเพิ่ม ความคิดเห็นก็อาจไม่ตรงกันมันเป็นเรื่องปกติครับ ถ้าเรามองในแง่ดีสังคมนี้เริ่มมีการเปิดกว้างขึ้น รับอะไรใหม่ๆเข้ามา สิ่งที่ตามมาก็คือปัญหาครับ มันเป็นอุปสรรคครับที่พวกเราสังคมเล็กๆต้องฟันฝ่าออกไป  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาทำให้สังคมเล็กๆนี้เข้มแข็งขึ้นครับ  ทุกคนในที่นี้ถึงแม้ว่าจะมาจากกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ อย่างไงผมว่าต้องการจุดหมายเดียวกันนะครับคือสังคมที่ดี  ผมยังอยากเห็นสังคมที่ดี มิตติ้งที่มีแต่รอยยิ้ม และเพื่อนสมาชิกชาวปาเจโร่ สปอตไทยแลนท์ ผมเป็นกำลังใจให้ป๋าครับ อย่างไงเราไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: TokKy (No. 12) ที่ กรกฎาคม 19, 2012, 10:32:53 am
ท่ามกลางกระแสที่หลายๆคนเรียกว่า “ความขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นจาก “เหตุการณ์จูนเนอร์คนหนึ่ง” ผมซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ในฐานะของผู้สังเกตุการณ์ ที่ติดตามเรื่องราวมาโดยตลอด จนในช่วงหลังก็มีกระแสเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง เรียกร้องให้ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” กลับมาในสังคมแห่งนี้ ตัวผมเองกลับมีมุมมอง มีความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนใครที่อยากมาแชร์ในสังคมแห่งนี้ ให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

หลายๆคนมองเหตุการณ์ “จูนเนอร์คนหนึ่ง” ว่าเป็นความขัดแย้ง ความไม่จริงใจ ความไม่รักกัน แต่ผมกลับมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นไปตาม “ธรรมชาติ” ของสังคมที่เติบโตขึ้นตามขนาดและระยะเวลาของมัน

สังคมทัวๆไปโดยมากจะมีจุดเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้ๆกัน แต่สังคม online มักจะเกิดจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีความสนใจหรือความต้องการที่คล้ายๆกันมารวมตัวกัน ในขั้นนี้ความสัมพันธ์ของสมาชิกจะเป็นไปในลักษณะของเพื่อน พี่ น้อง ด้วยการที่มีจำนวนสมาชิกน้อย การอยู่ร่วมกันจึงเป็นไปในแบบการแชร์ความรู้ แชร์ข้อมูล รวมไปถึงการมีชีวิตร่วมกันในบางกิจกรรม โดยมากมักจะยังไม่มีเรื่องของการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้องของสมาชิกแต่ละคนก็เริ่มเบาบางลง ยกเว้นเพียงในกลุ่มย่อยเล็กๆในสังคมเท่านั้นที่ยังมีความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ดังกล่าว ในขณะที่ความสัมพันธ์ลดลง การค้าขายกลับมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนคนมากขึ้น ความต้องการมากขึ้น ในขณะที่สังคมยังไม่ใหญ่โตมาก จำนวนสมาชิกยังไม่มากนัก การค้าขายอาจมาในรูปแบบของสมาชิกนำเข้ามาขาย หรือให้คำแนะนำแหล่งที่สามารถไปซื้อได้ พ่อค้ามืออาชีพอาจมีเข้ามาร่วมในสังคมระดับนี้บ้างแต่ไม่มากนักเพราะจำนวนสมาชิกขนาดของความต้องการยังมีไม่มากพอที่จะดึงดูดให้พ่อค้าเข้ามา (Non Attractive Stage) และเมื่อเวลาผ่านไปอีก จำนวนสมาชิกที่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกจนถึงระดับหนึ่ง ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ของสมาชิกก็ลดลงไปอีกจนบางครั้งในสมาชิกด้วยกันเอง “ยังไม่รู้จักกัน” ซะด้วยซ้ำ ความเป็น “กลุ่มย่อย” ในระบบสังคมเริ่มเด่นชัดขึ้น สมาชิกจะเริ่มรู้จักกันในกลุ่มย่อยๆ มากกว่าจะรู้จักกับสมาชิกทุกคนในวงกว้าง และในเวลาเดียวกันนี้เองที่จำนวนสมาชิก ขนาดของความต้องการสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่สนใจของ “พ่อค้าอาชีพ” ที่เข้ามานำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก เมื่อมี “พ่อค้าอาชีพ” เข้ามามากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ “การแข่งขัน” “การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน” รวมไปถึง “การสร้างกลุ่มย่อยขึ้นมาสนับสนุนตนเอง” (หรือที่เรียกว่าการสร้างสาวก) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะธรรมชาติของสังคมที่ตลอดมา ยังไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ นอกเสียจากการจำกัดจำนวนสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้น

สังคม Pajero Sport Thailand ก็เกิดขึ้น และเติบโตมาในทิศทางเดียวกับหลักการเติบโตของสังคมที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น แม้ผมจะไม่ได้มีโอกาสอยู่ร่วมในสังคมแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ถ้าดูจากจำนวนสมาชิกตอนที่ผมเข้ามาเป็นสมาชิกมีเพียง 300 กว่าคน เทียบกับตอนนี้ที่มีเกือบ 1700 คน ก็สามารถถือได้ว่า ผมเองก็เฝ้าดูการเติบโตของสังคมแห่งนี้มามากกว่าครึ่งทางที่สังคมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมา ถ้าเราชื่นชมและสนับสนุนการเติบโตของสังคมแห่งนี้ เราเองในฐานะผู้อาศัยก็ต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมตามการเติบโตของมัน เพื่อให้เราอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข หรือสำหรับผู้ที่คุมกฎระเบียบของสังคมก็ควรจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อทำการควบคุมอย่างเหมาะสมด้วยเช่นกัน อุปมาดังเช่นการเลี้ยงลูกแต่ละวัยมีวิถีทางและวิธีการต่างกันฉันท์ใด การควบคุมดูแลสังคมในแต่ละขนาดและช่วงเวลาก็มีความแตกต่างกันฉันท์นั้น

เราอาจต้องยอมรับว่าความสนิทสนมกลมเกลียว ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนสนิท พี่จ๋าน้องครับนั้นยังมีอยู่ แต่จะเข้มแข็งมากๆเฉพาะในกลุ่มย่อยเท่านั้น ในขณะที่ระหว่างกลุ่มย่อยกลุ่มต่อกลุ่มอาจมีความคิดเห็น ความชอบ และความต้องการที่แตกต่าง บางครั้งต่างกันจนสุดปลายก็มี ดังนั้นในสังคมขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มย่อยจำนวนหนึ่งการแสดงความเห็น การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ก็ถือได้ว่าเป็นลักษณะปกติ เป็นธรรมชาติของสังคมในขนาดนั้นๆ

ส่วนในเรื่องของการควบคุมสังคมที่มีขนาดใหญ่ มีพ่อค้ามืออาชีพมาอยู่ร่วมในสังคม มีการแข่งขันทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรงนั้น ย่อมแตกต่างจากการควบคุมสังคมขนาดเล็กในระดับเริ่มต้น ในกลุ่มของพ่อค้าเองนั้นก็มี “พ่อค้าที่ดี” “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” และมี “พ่อค้าที่ไม่ดี” ผสมปนเปกันเข้ามาอยู่ร่วมในสังคม สิ่งที่ผู้คุมกฎควรทำไม่ใช่การกำจัดพ่อค้าทั้งหมดให้หมดไป แต่ควรเป็นการป้องกันกลุ่ม “พ่อค้าที่ไม่ดี” มิให้สร้างความเสียหายให้แก่สมาชิก ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” นั้นปรับปรุงแก้ไข เพื่อยกระดับตนเองให้กลายเป็น “พ่อค้าที่ดี”ในอนาคต ซึ่งจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกมากกว่าการกำจัดพ่อค้าให้สิ้นไป เพราะการกำจัดพ่อค้าทั้งหมด ก็ไม่ต่างจากการปิดหูปิดตาสมาชิก ให้ออกไปวัดดวงตายเอาดาบหน้า “นอกรั้วสังคม” เท่านั้นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของสังคมคือ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ถ้าถามว่าในสังคมขนาดใหญ่ยังมีอยู่หรือไม่.......ตอบได้ว่าคงมีอยู่ แต่รูปแบบอาจแตกต่างจากสังคมขนาดเล็ก ในสังคมขนาดใหญ่ต้องถามตัวเราเองด้วยว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราต้องการนั้นเป็นแบบไหน สังคมขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่มากมาย มีกลุ่มย่อยเยอะแยะ มีพ่อค้าเข้ามาขายสินค้าหลากหลายอย่าง ทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน อย่างที่ Pajero Sport Thailand เป็นอยู่ทุกวันนี้ แบบไหนละที่เราจะเรียกว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราอยากได้

การที่สมาชิกบางคนหรือบางกลุ่มรู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางราย “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” เมื่อเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆเข้าไปซื้อสินค้าดังกล่าว เข้าไปจ่ายเงินให้พ่อค้าทั้งที่ตัดสินใจด้วยตัวเองก็ดี หรือถูกชักจูงด้วยกลุ่มสาวกก็ดี ก็ไม่ทักท้วง ไม่ท้วงติง ไม่เปิดเผยข้อมูล เพราะเกรงว่าจะสร้าง “ความขัดแย้ง” เกรงว่าจะ “ทะเลาะกัน” หรือจะด้วยความ “เกรงใจ” ในพ่อค้านั้นๆโดยตรง สังคมแบบนี้แหละครับที่ดูเหมือนไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน แต่ปล่อยให้สมาชิกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไปลองเอง ไปพังเอง ไปเจ๊งเอง......สังคมแบบนี้หรือเปล่าที่เราจะเรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “มิตรภาพและความจริงใจ”

กับสังคมที่มีสมาชิกบางคนบางกลุ่ม ที่เมื่อมีข้อมูล รู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางรายบางเจ้า “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” แล้วออกมากล่าวเตือน ให้ข้อมูล พยายามเปิดเผยความจริง ให้แก่เพื่อนสมาชิกทุกคน ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จักได้ทราบ ได้เห็นถึงข้อมูลในด้านตรงข้ามกับที่พ่อค้าให้ไว้ สังคมแบบนี้แน่นอนครับต้องมีการถกเถียงในเรื่องข้อมูลบ้าง มีการใช้อารมณ์บ้าง มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมปกปิดบิดเบือนข้อมูลบ้าง สังคมอาจดูเหมือนไม่เรียบร้อยในสายตาของหลายๆคน รวมถึงผู้คุมกฎระเบียบด้วย แต่สมาชิกมีข้อมูลในการคิดวิเคราะห์มากขึ้น มีความเสี่ยงน้อยลง ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นหนูทดลองให้ใคร......สังคมแบบนี้หรือครับที่เรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “ความขัดแย้งและความไม่จริงใจ” คนที่ออกมาเปิดเผยความจริงแบบนี้หรือครับที่เป็น “คนสร้างความขัดแย้ง”

ลองนึกดูดีๆนะครับ ว่าพวกเราอยากอยู่ในสังคมแบบไหน......โดยมุมมองส่วนตัวของผม ผมมองว่า สมาชิกที่ออกมาเปิดเผยความจริงให้สมาชิกคนอื่นทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ได้รู้ในความจริงที่ถูกปกปิดไว้ คนๆนั้นแหละครับ ที่มี “มิตรภาพและความจริงใจ” ให้กับทุกคน.....ถ้าคนแบบนี้อยู่ในสังคมไหนไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปหา “มิตรภาพและความจริงใจ” ในสังคมนั้นๆได้จากตรงไหนแล้วครับ

ทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัวของผมที่ได้จากการเป็นผู้สังเกตุการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจแตกต่างจากทุกๆท่านนะครับ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านถึงบรรทัดนี้........มันเป็นบทพิสูจน์ว่า ท่านมีความอดทนสูงมากครับ  smile.. smile..


ผมขอเรียนป๋าตาม ตามนี้ครับ

ทางกรรมการและ วมต. ได้ดูเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานาน(มาก)แล้วซึ่งเราพยายามคิดให้รอบคอบและมีการกระทำในหลายๆอย่างเพื่อยุติปัญหา ที่จริงแล้วมิใช่มีเพียงเรื่องการจูนเนอร์เท่านั้นแต่ก็ยังมีหลายเรื่องเช่นโช้ค และอื่นๆอีกเป็นต้น โดยการกระทำของเรามีทั้งโทรไปพูดคุย ทำความเข้าใจ ไกล่เกลี่ย ซึ่งในบางเรื่องคนไหนรับฟังเราปัญหาก็เบาบางลงไป บางเรื่องคนไหนไม่ฟังก็ยังทำต่อ อันนี้คงไม่ต้องบอกว่าทำไมทั้งกรรมการหรือ วมต. ต้องทำเพราะถ้าเป็นที่อื่นผมเชื่อว่าเค้าคงไม่โทรหาสมาชิกสอบถามข้อมูลหรือไกล่เกลี่ยให้เสียเวลา แต่ที่เราทำเราคำนึงถึงจุดเปาะบางเหล่านี้ เพราะป๋าๆแต่ละท่านใช่คนอื่นไกล อาจมีทั้งเคยเจอหน้ากัน และบางท่านไม่เคยเจอแต่ก็พูดคัยกันในบอร์ดจนเหมื่อนเพื่อนสนิท มิตรสหายครับ...ทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนมาเพื่ออยากให้ทั้งป๋าตามหรือป๋าอีกหลายๆท่านได้เข้าใจว่าเราก็พยายามแล้วแต่ป๋าๆอาจจะไม่ทราบ และที่สำคัญเราเข้าใจสังคมที่เปลี่ยนไปของบ้านเราดีเท่านั้นครับ....ว่าซักวันเมื่อโตก็ต้องแตกและแยกกันออกไป ตามความชอบหรืออุดมการณ์ของกลุ่มนั้นๆ

มีปัญหาถ้าไม่ทำอะไร...ก็มองว่านิ่งเฉย
ทำกับคนนี้..............ก็โดนคนนั้นว่าลำเอียง
ทำกับคนนั้น............ก็โดนคนนี้ว่าลำเอียง
ทำทั้งคู่.................ก็โดนว่าไม่เข้าใจ

นี่คือสิ่งที่เราคิดมาแล้วแต่ที่เราปฏิบัติการณ์เพื่อยุติปัญหาแม้จะไม่ดีที่สุด หรือถูกใจใคร แต่เราทุกคนโดยการนำของวมต. คิดและปรึกษากันดีแล้วครับ

รักป๋าๆทุกคนครับ  :-*




น้อมรับด้วยใจครับป๋าต๊อก  สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ

รักป๋าๆเช่นกันครับ  smile.. smile.. smile.. smile.. สาธุ สาธุ สาธุ

ขอบคุณครับป๋าตาม....จริงๆแล้วผมดีใจที่เห็นกระทู้นี้ครับเลยได้โอกาส  hi ที่จะบอกกล่าวเพื่อนสมาชิกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เราได้ทำไป เพราะบางครั้งเราก็ไม่ได้โพสเพราะมันจะไม่ทันใจวัยรุ่น  :D :D

ผมก็ว่าจะโทรหาป๋าเหมือนกันแต่ วมต. บอกว่าคุยกับป๋าแล้วผมก็เลยสบายใจ ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดอันเนื่องมาจากภาษาที่ใช้พิมพ์


รักนะจุ๊บๆ (ว่าแต่ Lamp Guard ที่ได้มายังไม่ได้ติดเลยอ่ะ  :()


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: TAZZ ที่ กรกฎาคม 19, 2012, 11:07:13 am
ท่ามกลางกระแสที่หลายๆคนเรียกว่า “ความขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้นจาก “เหตุการณ์จูนเนอร์คนหนึ่ง” ผมซึ่งเป็นสมาชิกอยู่ในฐานะของผู้สังเกตุการณ์ ที่ติดตามเรื่องราวมาโดยตลอด จนในช่วงหลังก็มีกระแสเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง เรียกร้องให้ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” กลับมาในสังคมแห่งนี้ ตัวผมเองกลับมีมุมมอง มีความรู้สึกที่แตกต่างไม่เหมือนใครที่อยากมาแชร์ในสังคมแห่งนี้ ให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

หลายๆคนมองเหตุการณ์ “จูนเนอร์คนหนึ่ง” ว่าเป็นความขัดแย้ง ความไม่จริงใจ ความไม่รักกัน แต่ผมกลับมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นไปตาม “ธรรมชาติ” ของสังคมที่เติบโตขึ้นตามขนาดและระยะเวลาของมัน

สังคมทัวๆไปโดยมากจะมีจุดเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยใกล้ๆกัน แต่สังคม online มักจะเกิดจากคนกลุ่มเล็กๆที่มีความสนใจหรือความต้องการที่คล้ายๆกันมารวมตัวกัน ในขั้นนี้ความสัมพันธ์ของสมาชิกจะเป็นไปในลักษณะของเพื่อน พี่ น้อง ด้วยการที่มีจำนวนสมาชิกน้อย การอยู่ร่วมกันจึงเป็นไปในแบบการแชร์ความรู้ แชร์ข้อมูล รวมไปถึงการมีชีวิตร่วมกันในบางกิจกรรม โดยมากมักจะยังไม่มีเรื่องของการค้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเวลาผ่านไปพร้อมกับจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้องของสมาชิกแต่ละคนก็เริ่มเบาบางลง ยกเว้นเพียงในกลุ่มย่อยเล็กๆในสังคมเท่านั้นที่ยังมีความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ดังกล่าว ในขณะที่ความสัมพันธ์ลดลง การค้าขายกลับมีมากขึ้น เนื่องจากจำนวนคนมากขึ้น ความต้องการมากขึ้น ในขณะที่สังคมยังไม่ใหญ่โตมาก จำนวนสมาชิกยังไม่มากนัก การค้าขายอาจมาในรูปแบบของสมาชิกนำเข้ามาขาย หรือให้คำแนะนำแหล่งที่สามารถไปซื้อได้ พ่อค้ามืออาชีพอาจมีเข้ามาร่วมในสังคมระดับนี้บ้างแต่ไม่มากนักเพราะจำนวนสมาชิกขนาดของความต้องการยังมีไม่มากพอที่จะดึงดูดให้พ่อค้าเข้ามา (Non Attractive Stage) และเมื่อเวลาผ่านไปอีก จำนวนสมาชิกที่เพิ่มจำนวนขึ้นอีกจนถึงระดับหนึ่ง ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อน พี่ น้อง ของสมาชิกก็ลดลงไปอีกจนบางครั้งในสมาชิกด้วยกันเอง “ยังไม่รู้จักกัน” ซะด้วยซ้ำ ความเป็น “กลุ่มย่อย” ในระบบสังคมเริ่มเด่นชัดขึ้น สมาชิกจะเริ่มรู้จักกันในกลุ่มย่อยๆ มากกว่าจะรู้จักกับสมาชิกทุกคนในวงกว้าง และในเวลาเดียวกันนี้เองที่จำนวนสมาชิก ขนาดของความต้องการสินค้าก็เพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่สนใจของ “พ่อค้าอาชีพ” ที่เข้ามานำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิก เมื่อมี “พ่อค้าอาชีพ” เข้ามามากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ “การแข่งขัน” “การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน” รวมไปถึง “การสร้างกลุ่มย่อยขึ้นมาสนับสนุนตนเอง” (หรือที่เรียกว่าการสร้างสาวก) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นลักษณะธรรมชาติของสังคมที่ตลอดมา ยังไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ นอกเสียจากการจำกัดจำนวนสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้น

สังคม Pajero Sport Thailand ก็เกิดขึ้น และเติบโตมาในทิศทางเดียวกับหลักการเติบโตของสังคมที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น แม้ผมจะไม่ได้มีโอกาสอยู่ร่วมในสังคมแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ถ้าดูจากจำนวนสมาชิกตอนที่ผมเข้ามาเป็นสมาชิกมีเพียง 300 กว่าคน เทียบกับตอนนี้ที่มีเกือบ 1700 คน ก็สามารถถือได้ว่า ผมเองก็เฝ้าดูการเติบโตของสังคมแห่งนี้มามากกว่าครึ่งทางที่สังคมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมา ถ้าเราชื่นชมและสนับสนุนการเติบโตของสังคมแห่งนี้ เราเองในฐานะผู้อาศัยก็ต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมตามการเติบโตของมัน เพื่อให้เราอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข หรือสำหรับผู้ที่คุมกฎระเบียบของสังคมก็ควรจะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อทำการควบคุมอย่างเหมาะสมด้วยเช่นกัน อุปมาดังเช่นการเลี้ยงลูกแต่ละวัยมีวิถีทางและวิธีการต่างกันฉันท์ใด การควบคุมดูแลสังคมในแต่ละขนาดและช่วงเวลาก็มีความแตกต่างกันฉันท์นั้น

เราอาจต้องยอมรับว่าความสนิทสนมกลมเกลียว ความสัมพันธ์ในแบบเพื่อนสนิท พี่จ๋าน้องครับนั้นยังมีอยู่ แต่จะเข้มแข็งมากๆเฉพาะในกลุ่มย่อยเท่านั้น ในขณะที่ระหว่างกลุ่มย่อยกลุ่มต่อกลุ่มอาจมีความคิดเห็น ความชอบ และความต้องการที่แตกต่าง บางครั้งต่างกันจนสุดปลายก็มี ดังนั้นในสังคมขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มย่อยจำนวนหนึ่งการแสดงความเห็น การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ก็ถือได้ว่าเป็นลักษณะปกติ เป็นธรรมชาติของสังคมในขนาดนั้นๆ

ส่วนในเรื่องของการควบคุมสังคมที่มีขนาดใหญ่ มีพ่อค้ามืออาชีพมาอยู่ร่วมในสังคม มีการแข่งขันทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรงนั้น ย่อมแตกต่างจากการควบคุมสังคมขนาดเล็กในระดับเริ่มต้น ในกลุ่มของพ่อค้าเองนั้นก็มี “พ่อค้าที่ดี” “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” และมี “พ่อค้าที่ไม่ดี” ผสมปนเปกันเข้ามาอยู่ร่วมในสังคม สิ่งที่ผู้คุมกฎควรทำไม่ใช่การกำจัดพ่อค้าทั้งหมดให้หมดไป แต่ควรเป็นการป้องกันกลุ่ม “พ่อค้าที่ไม่ดี” มิให้สร้างความเสียหายให้แก่สมาชิก ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ “พ่อค้าที่ยังไม่ดี” นั้นปรับปรุงแก้ไข เพื่อยกระดับตนเองให้กลายเป็น “พ่อค้าที่ดี”ในอนาคต ซึ่งจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกมากกว่าการกำจัดพ่อค้าให้สิ้นไป เพราะการกำจัดพ่อค้าทั้งหมด ก็ไม่ต่างจากการปิดหูปิดตาสมาชิก ให้ออกไปวัดดวงตายเอาดาบหน้า “นอกรั้วสังคม” เท่านั้นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตามขนาดของสังคมคือ “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ถ้าถามว่าในสังคมขนาดใหญ่ยังมีอยู่หรือไม่.......ตอบได้ว่าคงมีอยู่ แต่รูปแบบอาจแตกต่างจากสังคมขนาดเล็ก ในสังคมขนาดใหญ่ต้องถามตัวเราเองด้วยว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราต้องการนั้นเป็นแบบไหน สังคมขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่มากมาย มีกลุ่มย่อยเยอะแยะ มีพ่อค้าเข้ามาขายสินค้าหลากหลายอย่าง ทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน อย่างที่ Pajero Sport Thailand เป็นอยู่ทุกวันนี้ แบบไหนละที่เราจะเรียกว่า “มิตรภาพ” และ “ความจริงใจ” ที่เราอยากได้

การที่สมาชิกบางคนหรือบางกลุ่มรู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางราย “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” เมื่อเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆเข้าไปซื้อสินค้าดังกล่าว เข้าไปจ่ายเงินให้พ่อค้าทั้งที่ตัดสินใจด้วยตัวเองก็ดี หรือถูกชักจูงด้วยกลุ่มสาวกก็ดี ก็ไม่ทักท้วง ไม่ท้วงติง ไม่เปิดเผยข้อมูล เพราะเกรงว่าจะสร้าง “ความขัดแย้ง” เกรงว่าจะ “ทะเลาะกัน” หรือจะด้วยความ “เกรงใจ” ในพ่อค้านั้นๆโดยตรง สังคมแบบนี้แหละครับที่ดูเหมือนไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกัน แต่ปล่อยให้สมาชิกไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง ไปลองเอง ไปพังเอง ไปเจ๊งเอง......สังคมแบบนี้หรือเปล่าที่เราจะเรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “มิตรภาพและความจริงใจ”

กับสังคมที่มีสมาชิกบางคนบางกลุ่ม ที่เมื่อมีข้อมูล รู้ว่าสินค้าของพ่อค้าบางรายบางเจ้า “ไม่ดี” หรือ “ยังไม่ดี” แล้วออกมากล่าวเตือน ให้ข้อมูล พยายามเปิดเผยความจริง ให้แก่เพื่อนสมาชิกทุกคน ไม่ว่าจะรู้จัก หรือไม่รู้จักได้ทราบ ได้เห็นถึงข้อมูลในด้านตรงข้ามกับที่พ่อค้าให้ไว้ สังคมแบบนี้แน่นอนครับต้องมีการถกเถียงในเรื่องข้อมูลบ้าง มีการใช้อารมณ์บ้าง มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมปกปิดบิดเบือนข้อมูลบ้าง สังคมอาจดูเหมือนไม่เรียบร้อยในสายตาของหลายๆคน รวมถึงผู้คุมกฎระเบียบด้วย แต่สมาชิกมีข้อมูลในการคิดวิเคราะห์มากขึ้น มีความเสี่ยงน้อยลง ไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นหนูทดลองให้ใคร......สังคมแบบนี้หรือครับที่เรียกว่าสังคมที่เต็มไปด้วย “ความขัดแย้งและความไม่จริงใจ” คนที่ออกมาเปิดเผยความจริงแบบนี้หรือครับที่เป็น “คนสร้างความขัดแย้ง”

ลองนึกดูดีๆนะครับ ว่าพวกเราอยากอยู่ในสังคมแบบไหน......โดยมุมมองส่วนตัวของผม ผมมองว่า สมาชิกที่ออกมาเปิดเผยความจริงให้สมาชิกคนอื่นทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ได้รู้ในความจริงที่ถูกปกปิดไว้ คนๆนั้นแหละครับ ที่มี “มิตรภาพและความจริงใจ” ให้กับทุกคน.....ถ้าคนแบบนี้อยู่ในสังคมไหนไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปหา “มิตรภาพและความจริงใจ” ในสังคมนั้นๆได้จากตรงไหนแล้วครับ

ทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัวของผมที่ได้จากการเป็นผู้สังเกตุการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจแตกต่างจากทุกๆท่านนะครับ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านถึงบรรทัดนี้........มันเป็นบทพิสูจน์ว่า ท่านมีความอดทนสูงมากครับ  smile.. smile..


ผมขอเรียนป๋าตาม ตามนี้ครับ

ทางกรรมการและ วมต. ได้ดูเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานาน(มาก)แล้วซึ่งเราพยายามคิดให้รอบคอบและมีการกระทำในหลายๆอย่างเพื่อยุติปัญหา ที่จริงแล้วมิใช่มีเพียงเรื่องการจูนเนอร์เท่านั้นแต่ก็ยังมีหลายเรื่องเช่นโช้ค และอื่นๆอีกเป็นต้น โดยการกระทำของเรามีทั้งโทรไปพูดคุย ทำความเข้าใจ ไกล่เกลี่ย ซึ่งในบางเรื่องคนไหนรับฟังเราปัญหาก็เบาบางลงไป บางเรื่องคนไหนไม่ฟังก็ยังทำต่อ อันนี้คงไม่ต้องบอกว่าทำไมทั้งกรรมการหรือ วมต. ต้องทำเพราะถ้าเป็นที่อื่นผมเชื่อว่าเค้าคงไม่โทรหาสมาชิกสอบถามข้อมูลหรือไกล่เกลี่ยให้เสียเวลา แต่ที่เราทำเราคำนึงถึงจุดเปาะบางเหล่านี้ เพราะป๋าๆแต่ละท่านใช่คนอื่นไกล อาจมีทั้งเคยเจอหน้ากัน และบางท่านไม่เคยเจอแต่ก็พูดคัยกันในบอร์ดจนเหมื่อนเพื่อนสนิท มิตรสหายครับ...ทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนมาเพื่ออยากให้ทั้งป๋าตามหรือป๋าอีกหลายๆท่านได้เข้าใจว่าเราก็พยายามแล้วแต่ป๋าๆอาจจะไม่ทราบ และที่สำคัญเราเข้าใจสังคมที่เปลี่ยนไปของบ้านเราดีเท่านั้นครับ....ว่าซักวันเมื่อโตก็ต้องแตกและแยกกันออกไป ตามความชอบหรืออุดมการณ์ของกลุ่มนั้นๆ

มีปัญหาถ้าไม่ทำอะไร...ก็มองว่านิ่งเฉย
ทำกับคนนี้..............ก็โดนคนนั้นว่าลำเอียง
ทำกับคนนั้น............ก็โดนคนนี้ว่าลำเอียง
ทำทั้งคู่.................ก็โดนว่าไม่เข้าใจ

นี่คือสิ่งที่เราคิดมาแล้วแต่ที่เราปฏิบัติการณ์เพื่อยุติปัญหาแม้จะไม่ดีที่สุด หรือถูกใจใคร แต่เราทุกคนโดยการนำของวมต. คิดและปรึกษากันดีแล้วครับ

รักป๋าๆทุกคนครับ  :-*




น้อมรับด้วยใจครับป๋าต๊อก  สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ

รักป๋าๆเช่นกันครับ  smile.. smile.. smile.. smile.. สาธุ สาธุ สาธุ

ขอบคุณครับป๋าตาม....จริงๆแล้วผมดีใจที่เห็นกระทู้นี้ครับเลยได้โอกาส  hi ที่จะบอกกล่าวเพื่อนสมาชิกถึงบางสิ่งบางอย่างที่เราได้ทำไป เพราะบางครั้งเราก็ไม่ได้โพสเพราะมันจะไม่ทันใจวัยรุ่น  :D :D

ผมก็ว่าจะโทรหาป๋าเหมือนกันแต่ วมต. บอกว่าคุยกับป๋าแล้วผมก็เลยสบายใจ ไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิดอันเนื่องมาจากภาษาที่ใช้พิมพ์


รักนะจุ๊บๆ (ว่าแต่ Lamp Guard ที่ได้มายังไม่ได้ติดเลยอ่ะ  :()

ยินดีครับป๋าต๊อก.... smile.. smile.. smile......lamp guard ที่ป๋ามีอยู่ตอนนี้กลายเป็นของหายากแล้วนะครับ.....มีป๋าๆในนี้อยากได้หลายคน.....ระวังมีคนไปขอให้เอามาแบ่งปันนะป่า  5555 5555 5555 grimace grimace grimace


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: คนไร้สังกัด ที่ กรกฎาคม 20, 2012, 08:28:05 pm
เข้ามาฟังเพลง  :D :D
เพลงโปลดเลย ฟังจบแล้ว.....ไปแล้ว
ปล.เพราะมากป๋านะ
 good


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ กรกฎาคม 21, 2012, 05:38:40 am
เข้ามาฟังเพลง  :D :D
เพลงโปลดเลย ฟังจบแล้ว.....ไปแล้ว
ปล.เพราะมากป๋านะ
 good

สวัสดีครับป๋าทศ  ถึงไม่ได้โทรหากันแต่ก็คิดถึงเสมอครับ
สังคมดีๆกำลังจะกลับมาใหม่  ดีกว่าเดิมแน่นอนครับ

Always Exceed Expectations = เกินความคาดหวังเสมอ  ครับ


หัวข้อ: Re: สังคมดี มีมิตรภาพและความจริงใจ.....ในแบบไหนละที่คุณอยากได้
เริ่มหัวข้อโดย: _TOM_ ที่ กรกฎาคม 21, 2012, 07:00:22 am
ผมขอบคุณป๋ามากคับที่มาทำความเข้าใจและลงมือพิมมาแต่เรื่องดีๆมันทำให้รู้สึกว่านี่คือสังคมดีๆที่ป๋าทุกท่านกำลังรวบรวมพลังความดี
ของคนในเว็ปนี้ให้เอาชนะความไม่ดีทั้งหลายและเอาความอบอุ่นกลับมาผมซึ่ง cryingคับผมหนึ่งคนน้อยๆชอบที่ป๋าทำแบบนี้ผมรักบ้านนี้จังคับ