Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จำเป็นต้องปิดเเอร์ทุกครั้งก่อนดับเครื่องยนต์หรือเปล่า  (อ่าน 6193 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
mint junk
Jr. Member
**

like: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 385


PJS ID.NO.2130


« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 07:45:02 am »

  เพราะบางครั้งเราเเค่จอดลงซื้อของหรือเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม..ใช้เวลาไม่กี่นาที

  แต่ถ้า Start รถทิ้งไว้ก็ต้องมีคนอยู่ในรถด้วย..ต้องเปิด-ปิดบ่อยๆครับกลัวมีปัญหา
บันทึกการเข้า
POPPY
Jr. Member
**

like: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 667



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 07:49:47 am »

ส่วนตัวผมปิดทุกครั้งก่อนจะดับเครื่องยนต์ครับ Smiley
บันทึกการเข้า

ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
ชายอิสระ
n
Sr. Member
****

like: 72
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1884



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 07:50:42 am »


วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง

1. ทุกครั้งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ใน ลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท

2. เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่ง ความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึง ปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ

3. เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำ งานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลม ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า “ตู้แอร์” ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมา เกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น วิธี นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่น เหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับ อากาศสามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่อง ได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่น อับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน
 

ที่มา : http://www.honda.co.th/HCT/thai/index_customers_car_air.ht
บันทึกการเข้า
Pajerosport-Thailand No.0011
Founder
Hero Member
*****

like: 67
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3806


.......1 Tonn.......


« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 07:54:07 am »


วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง

1. ทุกครั้งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ใน ลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท

2. เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่ง ความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึง ปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ

3. เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำ งานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลม ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า “ตู้แอร์” ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมา เกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น วิธี นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่น เหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับ อากาศสามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่อง ได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่น อับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน
 

ที่มา : http://www.honda.co.th/HCT/thai/index_customers_car_air.ht

ตามนี้ครับ...ขอบคุณป๋าชายอิสระมากครับผม...
บันทึกการเข้า

..."กัมมุนา วตตีโลโก"..."สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม"...
sab-racing
ID No.1045
Hero Member
*****

like: 89
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2337



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 07:58:00 am »


วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง

1. ทุกครั้งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ใน ลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท

2. เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่ง ความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึง ปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ

3. เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำ งานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลม ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า “ตู้แอร์” ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมา เกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น วิธี นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่น เหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับ อากาศสามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่อง ได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่น อับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน
 

ที่มา : http://www.honda.co.th/HCT/thai/index_customers_car_air.ht
good good like
บันทึกการเข้า
desperado3334
Newbie
*

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 213



อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 08:22:53 am »

สวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) >> ของ แอร์ auto อยู่ตรงใหนครับ.....จะปิดได้ยังงัยครับ
บันทึกการเข้า

ปาขาว บ้านฟ้า ลำลูกกา 3.0 V6
mint junk
Jr. Member
**

like: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 385


PJS ID.NO.2130


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 08:30:42 am »


วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง

1. ทุกครั้งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ใน ลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท

2. เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่ง ความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึง ปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ

3. เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำ งานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลม ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า “ตู้แอร์” ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมา เกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น วิธี นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่น เหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับ อากาศสามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่อง ได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่น อับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน
 

ที่มา : http://www.honda.co.th/HCT/thai/index_customers_car_air.ht

 like  สาธุ
บันทึกการเข้า
thekop07
Hero Member
*****

like: 200
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8439


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 09:14:11 am »

สวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) >> ของ แอร์ auto อยู่ตรงใหนครับ.....จะปิดได้ยังงัยครับ

สวิตช์เปิดปิดพัดลม คือหมุน
ส่วนสวิตช์เปิดปิดคอมเพรสเซอร์ A/C ก็คือกดตรงกลางเลยครับ ให้สังเกตุไฟ ถ้าเขียวแปลว่า คอมฯยังทำงานอยู่

ส่วนมากก่อนดับเครื่อง ก่อนถึงที่ทำงานสักสองสาม ก.ม. ผมจะปิดคอมฯ แล้วเปิดพัดลมสูงสุด  พอจอดรถแล้ว ปิดแอร์ ดับเครื่อง จะพยายามทำทุกครั้ง ถ้าไม่ลืม  Cheesy
บันทึกการเข้า
POPPY
Jr. Member
**

like: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 667



« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 09:41:43 am »


วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง

1. ทุกครั้งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ใน ลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท

2. เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่ง ความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึง ปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ

3. เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำ งานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลม ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า “ตู้แอร์” ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมา เกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น วิธี นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่น เหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับ อากาศสามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่อง ได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่น อับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน
 

ที่มา : http://www.honda.co.th/HCT/thai/index_customers_car_air.ht
สาธุ
บันทึกการเข้า

ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
KEJPSport
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 154



อีเมล์
« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 09:56:48 am »


วิธีการใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ที่ถูกต้อง

1. ทุกครั้งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรตรวจดูสวิตช์ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ว่าอยู่ใน ลักษณะใด เปิดหรือปิด ถ้าหากเปิดอยู่ให้กดปิดเสียก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ คอมเพรสเซอร์ต้านทานการหมุนของเครื่องยนต์ในขณะสตาร์ท

2. เมื่อเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดสวิตช์พัดลมของเครื่องปรับอากาศก่อน โดยปรับไปที่ตำแหน่ง ความเร็วสูงสุด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เพื่อไล่ลมร้อนจากช่องปรับอากาศ หลังจากนั้นจึงเปิดสวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ปรับสวิตช์ที่ใช้ปรับระดับความเย็นไปที่ตำแหน่งเย็นสุด แล้วจึง ปรับสวิตช์ควบคุมความเร็วของพัดลม และสวิตช์ควบคุมระดับความเย็นลงสู่ตำแหน่งที่สัมพันธ์กับ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารตามต้องการ

3. เมื่อเลิกใช้งานก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ ควรปิดสวิตช์คอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) ก่อนเพื่อหยุดการทำ งานของคอมเพรสเซอร์ แต่ยังคงเปิดสวิตช์พัดลมแอร์ไว้ในตำแหน่งที่แรงสุดเพื่อให้พัดลมแอร์เป่าลม ผ่านตัวคอยล์เย็น หรือที่รู้จักกันดีว่า “ตู้แอร์” ซึ่งตัวคอยล์เย็นนี้จะมีสภาพที่เปียกชื้น และมีหยดน้ำมา เกาะอยู่ในขณะที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน และเพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากตัวคอยล์เย็นให้เร็วขึ้น วิธี นี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการลดความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์มีกลิ่น เหม็นอับ รวมทั้งยังช่วยยืดอายุ การใช้งานของตัวคอยล์เย็นให้ผุกร่อนช้าลงกว่าเดิม ขั้นตอนนี้ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

สำหรับปัญหาการเกิดกลิ่นอับที่ออกมาจากช่องปรับ อากาศสามารถแก้ไขได้โดย จอดรถในที่โล่งแจ้ง ที่แดดส่อง ได้อย่างทั่วถึง จากนั้นเปิดประตูรถให้หมดทุกบาน จอดรถตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือจนกว่ากลิ่น อับจะจางหายไป แต่ถ้ากลิ่นอับยังคงรุนแรงเหมือนเดิม ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน
 

ที่มา : http://www.honda.co.th/HCT/thai/index_customers_car_air.ht
สาธุ


ผมก็ทำอย่างนี้กับรถที่ใช้งานทุกคันครับ  ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม
บันทึกการเข้า

ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ความรักทนได้ต่อทุกอย่าง และเชื่อในส่วนดีของเขาอยุ่เสมอ
_TOM_
รักในหลวงที่สุด
Full Member
***

like: 26
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1477



อีเมล์
« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 10:04:04 am »

ผมลืมประจำเลย
บันทึกการเข้า

desperado3334
Newbie
*

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 213



อีเมล์
« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 10:50:38 am »

สวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) >> ของ แอร์ auto อยู่ตรงใหนครับ.....จะปิดได้ยังงัยครับ

สวิตช์เปิดปิดพัดลม คือหมุน
ส่วนสวิตช์เปิดปิดคอมเพรสเซอร์ A/C ก็คือกดตรงกลางเลยครับ ให้สังเกตุไฟ ถ้าเขียวแปลว่า คอมฯยังทำงานอยู่

ส่วนมากก่อนดับเครื่อง ก่อนถึงที่ทำงานสักสองสาม ก.ม. ผมจะปิดคอมฯ แล้วเปิดพัดลมสูงสุด  พอจอดรถแล้ว ปิดแอร์ ดับเครื่อง จะพยายามทำทุกครั้ง ถ้าไม่ลืม  Cheesy
สวิตช์เปิดปิดคอมเพรสเซอร์ A/C >> อยู่ตรงกลาง ปุ่มเขียวใช่มั๊ยครับ
บันทึกการเข้า

ปาขาว บ้านฟ้า ลำลูกกา 3.0 V6
ชายอิสระ
n
Sr. Member
****

like: 72
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1884



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 11:27:36 am »

สวิตช์ ควบคุมคอมเพรสเซอร์ (ปุ่ม A/C) >> ของ แอร์ auto อยู่ตรงใหนครับ.....จะปิดได้ยังงัยครับ

สวิตช์เปิดปิดพัดลม คือหมุน
ส่วนสวิตช์เปิดปิดคอมเพรสเซอร์ A/C ก็คือกดตรงกลางเลยครับ ให้สังเกตุไฟ ถ้าเขียวแปลว่า คอมฯยังทำงานอยู่

ส่วนมากก่อนดับเครื่อง ก่อนถึงที่ทำงานสักสองสาม ก.ม. ผมจะปิดคอมฯ แล้วเปิดพัดลมสูงสุด  พอจอดรถแล้ว ปิดแอร์ ดับเครื่อง จะพยายามทำทุกครั้ง ถ้าไม่ลืม  Cheesy

ร่วมด้วยช่วยกัน THANK YOU  .. good good
บันทึกการเข้า
mint junk
Jr. Member
**

like: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 385


PJS ID.NO.2130


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 11:57:01 am »

ผมลืมประจำเลย

  แต่ก็เผลอลืมจนได้ในบางครั้ง
บันทึกการเข้า
Eve_Nunchaya
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 11



« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2012, 08:24:36 pm »

ปิดทุกครั้งก่อนดับเครื่องเหมือนกันค่ะ  แต่เฉพาะเวลาที่ได้ขับนะคะ(ไม่ใช่เจ้าของรถ) haha
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 21 คำสั่ง