Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ดูแลยางยังไงให้ใช้ คุ้มสุด !!! ตอนที่ 6  (อ่าน 2799 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nan&name
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 692


pajerosport-thailand ID 3949


« เมื่อ: ธันวาคม 13, 2013, 12:28:08 pm »

ตอนที่ 1 ลมยางมีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งาน

   แรงดันลมยางเป็นเรื่องสำคัญมากๆ มิเตอร์มาร์แชลว่า การดูแลรักษาไม่ใช่เรื่องวุ่นวายเลย ใช้เวลาน้อยกว่าที่คุณเลือกเสื้อผ้ามาใส่เสียอีก การปล่อยปละละเลยในเรื่องของการตรวจส...อบลมยางนั้น นอกเหนือจากเรื่องการสิ้นเปลืองน้ำมัน ยังมีเรื่องอื่นที่ช่วยให้คุณประหยัดได้มากกว่าแฝงอยู่ โดยที่คุณไม่รู้ตัว

การปล่อยให้ลมยางแข็งหรืออ่อนเกินไป มีผลต่อเรื่องการสึกหรอของยางโดยตรง กรณีนี้จะทำให้หน้ายางสึกหรอผิดปกติ ซึ่งจะทำให้อายุของการใช้งานสั้นลงมาก ฉะนั้นจึงจำเป็นมากที่คุณควรต้องตรวจสอบลมยางเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ซึ่งควรซื้อเกจวัดลมยางคุณภาพดีๆ สักอันติดรถไว้ ราคาอาจจะสูงถึง 500-800 บาท แต่เป็นสิ่งที่ควรลงทุน เพราะใช้ได้นาน และเกจวัดตามปั๊มมักเชื่อถือไม่ได้ เนื่องจากผ่านการใช้งานหนัก ทั้งตกทั้งหล่น จะทำให้ค่าที่วัดได้คาดเคลื่อน ผลที่ตามมา คือ เรื่องการสึกหรอที่ผิดปกติ

เวลาที่เหมาะสมในการตรวจเชคแรงดันลมยาง ควรจะทำในช่วงเช้าหรือเย็น หลังจากที่จอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป หรือหลังจากรถวิ่งมาไม่เกิน 2-3 กม. ถ้าเช็คตอนที่ยางร้อน อากาศที่อยู่ภายในยางจะมีความดันเพิ่ม 2-3 ปอนด์ การตรวจเช็คเป็นประจำ จะทำให้คุณรู้ว่ายางเส้นไหน มีการรั่วซึม โดยเปรียบเทียบแรงดันได้จากล้อที่เหลือ เมื่อพบว่ามียางบางเส้นเกิดการรั่วซึม จะต้องมีการตรวจหาสาเหตุ เช่น อาจจะโดนตะปูเสียบคาอยู่ ลมจะค่อยๆ ซึมออกทีละน้อย หรือวาล์วสำหรับเติมลมรั่ว จะได้สามารถแก้ไขได้ทัน เพราะมีผลต่ออายุการใช้งานของยางเช่นกัน

ตามปกติ ลมยางจะสามารถซึมผ่านรูพรุนของเนื้อยางได้เล็กน้อย ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าทุกล้อมีแรงดันลมลดลงเล็กน้อยในอัตราที่ใกล้เคียงกัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แรงดันที่เหมาะสมสำหรับรถแต่ละรุ่นนั้น ขึ้นอยู่กับสเปคของรถ ดูได้จากคู่มือประจำรถ หรือสติคเกอร์ที่ติดไว้แถวๆ เสาบี หรือประตูคนขับครับ


ที่มา : www.marshaltire.in.th  

ตอนที่ 2 หมั่นตรวจสภาพยาง

   หลังจากใช้งานยางไประยะหนึ่ง จะเกิดการสึกหรอมากขึ้น ถ้าศูนย์ล้อปกติ หน้ายางจะสึกหรอเรียบเสมอกันตลอด ถ้าตรวจสอบกันเป็นประจำ จะเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ ก่อนที่จะสายเกินแก้ เช่น สังเกตเห็นว่ายางสึกแถบด้านนอก หรือด้านในแถบเดียว ยางสึกเป็นจ้ำๆ ดอกยางสึกเป็นบั้งๆ หรือดอกยางสึกเป็นลักษณะของคมเลื่อย

เราไม่ต้องมีความรู้เรื่องของยางมากมายก็ตรวจสอบได้ครับ เพียงแค่เป็นคนช่างสังเกตสักหน่อย ไม่ว่าใครก็สามารถมองเห็นถึงความผิดปกติได้ การสึกหรอที่ผิดปกติเป็นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งศูนย์ล้อผิดเพี้ยน ลมยางไม่ได้ตามกำหนด ล้อบิดเบี้ยว โช็คอับคดงอ เมื่อเห็นว่ามีการสึกหรอที่ผิดปกติ ให้นำรถเข้าไปตรวจสอบ และแก้ไขโดยด่วน อายุการใช้งานของยางจะได้ยาวนานขึ้น

เวลาล้างรถ แม้คุณไม่ได้ล้างเองก็ตาม ตอนที่ร้านเขากำลังลงแวกซ์ที่ยาง คุณก็ไปดูๆ สภาพยางเสียหน่อย เพราะรถเพิ่งล้างมาจะเห็นถึงสภาพได้ค่อนข้างชัดเจน จะสามารถพบเห็นร่องรอยการฉีกขาด รอยบาด หรือของมีคมที่ปักคาอยู่ ซึ่งคุณสามารถชี้ให้ช่างพิจารณาได้ว่ามันมีความปลอดภัยอยู่หรือเปล่า ถ้าเห็นว่าไม่น่าจะปลอดภัย ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ อย่าฝืนใช้งาน เพราะอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของคุณได้ วันไหนขับไปกระแทก หรือตกหลุมมา ต้องรีบตรวจสอบสภาพยางโดยทันทีว่ามีอาการแก้มยางบวม หรือฉีกขาดหรือไม่  

ตอนที่ 3 สลับยาง ยืดอายุการใช้งาน

   เรามักจะคุ้นชินกับการสลับยางทุกๆ 10,000 กม. (โดยเฉลี่ย) ถือว่าเหมาะสมสำหรับรถที่หน้ายางสึกหรอตามปกติ ก่อนที่จะมีการสลับยางควรตรวจเช็คเรื่องการสึกหรอก่อน ว่าปกติหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ทำการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนสลับยาง โดยเฉพาะคนที่ใช้รถทางไกลๆ และใช้ความเร็วสูงเป็นประจำ การสึกหรอยิ่งมีมาก

การสลับยางนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับการตรวจเช็คเรื่องการสึกหรอในหัวข้อข้างต้น เพราะเมื่อตรวจพบว่าหน้ายางสึกหรอผิดปกติ ต้องรีบแก้ไข และสลับยางทันที เช่น เจ้าของรถที่วิ่งทางไกลเป็นประจำ และต้องใช้ความเร็วสูง ยางจะมีการสึกหรอมาก โดยเฉพาะรถขับเคลื่อน 2 ล้อ จะมีการสึกหรอมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน ในการสลับยางนั้น ควรเอายางอะไหล่มาหมุนเวียนใช้ด้วย (เฉพาะกรณีที่ล้อและยางเป็นขนาดเดียวกัน)

ตอนที่ 4 ยางใหม่ไว้หน้า หรือหลังดี

กรณีที่คุณต้องเปลี่ยนยางใหม่ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนได้พร้อมกัน 4 เส้น การเปลี่ยนยางที่เหมาะสมต้องเปลี่ยนอย่างน้อยทีละ 2 เส้น หรือทีละคู่ การเปลี่ยนแบบนี้เราจะเคยชินว่าต้องเอายางใหม่ไว้ข้างหน้าเสมอ

แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ยางที่เปลี่ยนใหม่ต้องเอาไว้ที่ล้อคู่หลังเสมอ เพราะว่าเวลาที่เราเบรก น้ำหนักจะถ่ายเทไปด้านหน้าตามหลักเกณฑ์ในเรื่องของการถ่ายแรง (โมเมนตั้ม) โดยจะทำหน้าที่ถ่ายเทไปข้างหน้า จะช่วยให้ยางยึดเกาะถนนมากขึ้น เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น พยายามจะทำให้ยางบดลงไปบนถนน แต่กับล้อหลัง แรงที่ถ่ายเทไปข้างหน้าโดยเร็วจะทำให้ท้ายยกตัว ล้อหลังจะลอยขึ้นจากพื้น ทำให้การยึดเกาะน้อยลง

การเข้าโค้งก็เช่นกัน ล้อหลังต้องการการยึดเกาะที่มากกว่า เพราะไม่มีน้ำหนักของเครื่องยนต์ มาช่วยกดให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนน ฉะนั้นสรุปว่ายางใหม่ใส่ข้างหลังครับ  

ตอนที่ 5 อายุการใช้งานของยาง

    การเปลี่ยนยางทุก 50,000 กม. หรือ 2 ปี ถ้าทำได้ก็เป็นเรื่องดี เพราะยางใหม่ๆ นั้นให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ดีกว่า เสียงรบกวนก็น้อยกว่า แต่เรื่องของอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งแรงดันลมยาง การรับน้ำหนักของยาง สภาพถนน ลักษณะการขับขี่ สภาพของตัวรถ และอุณหภูมิของพื้นผิวถนนเป็นสำคัญ

   จริงๆ แล้วยางมีอายุการใช้งานเท่าไรแน่ ความเป็นจริงนั้นยางชุดหนึ่งนั้น สามารถใช้ได้จนกว่าดอกยางจะหมด เพียงแต่ประสิทธิภาพในการทำงานด้านต่างๆ จะลดลงครับ เช่น มีความกระด้างมากขึ้น เสียงดังมากขึ้น ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการเบรกลดลง

ถ้าเราเพิ่มความระมัดระวังก็สามารถใช้งานได้จนกว่าดอกยางจะหมด แม้ว่าจะเห็นร่องรอยการแตกลายงาแล้วก็ยังสามารถใช้ได้ เว้นแต่กรณีที่ยางมีอาการเสียหายดังต่อไปนี้ คือ มีร่องรอยการปริแตก ฉีกขาด ยางบิดเบี้ยวเสียรูปจนไม่กลม ควรเปลี่ยนทันทีครับ
 
ตอนที่ 6 การซ่อมหรือปะยาง

   การซ่อมหรือปะยาง ต้องพิจารณาถึงลักษณะบาดแผลและตำแหน่ง การปะยางตามปั๊ม หรือร้านยางทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่จะทำให้เราได้ทุกอย่างตามความต้องการ แต่ถ้าเข้าศูนย์บริการยางโดยเฉพาะ หลายๆ ลักษณะจะไม่ได้รับการแนะนำให้ซ่อม เพราะมีผลต่อความปลอดภัยโดยตรง เช่น อาจจะทำให้ยางปริแตก หรือระเบิดจากการใช้งานได้ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ความเร็วสูง
   เพราะยางที่ซ่อมโดยการเชื่อมประสานด้วยความร้อน (สตีม) หรือมีการเพิ่มเนื้อยางเข้าไป เวลาที่ล้อหมุนด้วยความเร็วสูงๆ จะเกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง ซึ่งอาจจะทำให้ยางเสี่ยงต่อการแตกระเบิดได้ เรื่องความปลอดภัยต้องถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าบากแผลฉกรรจ์จำเป็นจะต้องเปลี่ยนยางใหม่ก็ควรเปลี่ยน เพราะเงินไม่กี่พันบาทมีผลต่อความปลอดภัยของคุณ และคนรอบข้างโดยตรงนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2013, 09:59:43 pm โดย nan&name » บันทึกการเข้า

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
monokuro
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 26



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2013, 11:08:55 pm »

 สาธุ สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า
Boss นิลกาญจน์
Jr. Member
**

like: 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 475


ปาเก็บตะวัน


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2013, 11:13:39 pm »

 like like Cheesy
บันทึกการเข้า
ตั้ม
The Matrix Has You.
Jr. Member
**

like: 17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 801



« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 03:30:19 pm »

 like 
บันทึกการเข้า

วงจรไฟฟ้าไฮเทค...ไม่มีวันแทนที่มันสมองมนุษย์ได้
tepanan_not
ID 3630
Jr. Member
**

like: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 897


PJS V.6 Donmuang


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 06:39:30 pm »

ขอถามเพิ่มเติมครับ...ทุกครั้งที่มีการสลับยางจำเป็นต้องตั้งศูนย์ และถ่วงล้อด้วยหรือเปล่าครับ  สาธุ
บันทึกการเข้า

ไม่มีใครจนเกินกว่าจะให้คนอื่นได้
nan&name
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 692


pajerosport-thailand ID 3949


« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 11:52:48 am »

ขอถามเพิ่มเติมครับ...ทุกครั้งที่มีการสลับยางจำเป็นต้องตั้งศูนย์ และถ่วงล้อด้วยหรือเปล่าครับ  สาธุ

การสลับยาง ไม่ต้องตั้งศูนย์ จะตั้งศูนย์ควรทำเมื่อ
- เปลี่ยนยาง 4 เส้น เพราะยางแต่ละรุ่นและยี่ห้อ ให้มุมไม่เหมือนกัน ควรตั้งใหม่
- เปลี่ยนอุปกรณ์ช่วงล่าง เช่น โช๊คอัพ
- ซ่อมช่วงล่างใหญ่
- ขับแล้วปล่อย พวงมาลัย แล้วรถวิ่งไม่ตรง

แต่ควรถ่วงล้อ เพราะหน้ายางสึกไม่เท่ากัน ทำให้เนื้อยางน้ำหนักไม่เท่ากัน การถ่วงล้อ จะทำให้ยางหมุนแล้ว เสถียรขึ้น รถจะนิ่งขึ้น ถ้างบน้อย ถ่วงเฉพาะล้อหน้า เพราะเป็นล้อบังคับเลี้ยว มีผลทันทีหาก ยางไม่สมดุล แต่ถ้างบเยอะ ถ่วงเลยทั้งหน้าและหลังครับ

 

บันทึกการเข้า

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Joe_misato
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 24



« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2013, 01:14:35 pm »

แล้วเรื่องของการเติมลมยางหละครับ ต้องเติมตามค่าที่อยู่ข้างประตูหรือเติมมากกว่านั้น เพราะผมเติมตามค่าที่อยู่ข้างประตูแล้วดูแก้มยางบวมๆ เหมือนยางแบน
ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
nan&name
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 692


pajerosport-thailand ID 3949


« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2013, 09:53:00 pm »

แล้วเรื่องของการเติมลมยางหละครับ ต้องเติมตามค่าที่อยู่ข้างประตูหรือเติมมากกว่านั้น เพราะผมเติมตามค่าที่อยู่ข้างประตูแล้วดูแก้มยางบวมๆ เหมือนยางแบน
ขอบคุณครับ

      แรงดันที่เหมาะสมสำหรับรถแต่ละรุ่นนั้น ขึ้นอยู่กับสเปคของรถ ดูได้จากคู่มือประจำรถ หรือสติคเกอร์ที่ติดไว้แถวๆ เสาบี หรือประตูคนขับครับ แต่ส่วนตัวผมใช้ยาง 265/50/20 เติมไนโตร ที่ 35 ทั้งสี่ล้อครับ หรือตามลิ้งค์นี้ครับป๋าhttp://www.pajerosport-thailand.com/forum/index.php?topic=7545.msg236587#msg236587
บันทึกการเข้า

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 21 คำสั่ง