Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การเปรียบเทียบยางครับ ว่าชนิดไหนเหมาะกับใคร ใช้งานประเภทไหน (ตอนที่4)  (อ่าน 3046 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
amornpan
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 165



อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 27, 2014, 06:34:12 pm »

M/T ยางสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ

BF GOODRICH RADIAL MUD TERRAIN ยางที่สมบุกสมบันพร้อมทุกพื้นที่ มีเอกลักษณ์ที่ลายดอกยาง ดุดัน สมบูรณ์แบบ เนื้อยาง 2 ชั้น โดยชั้นนอกให้ความแข็งแรงและคงทน ป้องกันการฉีกขาด ชั้นในออกแบบให้ทนทานต่อความร้อน โครงสร้าง TRIGARD ลิขสิทธิ์เฉพาะ ด้วยโครงยางโพลีเอสเตอร์ 3 ชั้น ที่ทนแรงกระแทก และการทิ่มตำทั้งบริเวณหน้ายางและแก้มยาง เสริมแก้มยางให้แข็งแกร่ง และคงตัว ช่วยให้การขับขี่มีความแม่นยำ และมั่นคง มีขนาด 15-16 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 85-75 และหน้ากว้างมีตั้งแต่ 235-265 และ 285, 315, 345, 365 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มีขนาด 15-17 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ 30-37 นิ้ว และหน้ากว้างมีตั้งแต่ 9.5-12.5 นิ้ว

BRIDGESTONE DUELER M/T 673 ยางสำหรับรถ 4x4 สำหรับเส้นทางวิบากโดยเฉพาะ ใช้เทคโนโลยี O-BEAD ออกแบบให้โครงสร้างยางยึดเกาะกระชับกับกระทะล้อ ดอกยางถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ และมี RIM GUARD ขอบซึ่งมีขอบยางนูน ปกป้องโครงยางและกระทะล้อ มีร่องลึกพิเศษ ทำให้แรงกรุยทางสูง ไต่ทางลาดชันได้ดี ให้ประสิทธิภาพในการเบรคและเลี้ยวโค้ง ทั้งยังสลัดดินออกได้ง่าย พร้อมตะลุยได้อย่างมั่นใจ มีเฉพาะขนาด 15 นิ้ว 235/75 R15 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มี 2 ขนาด คือ 32x11.50 R15 และ 33x12.50 R15

COOPER DISCOVERER STT เป็นยางสำหรับรถ 4x4 โดยเฉพาะ ดอกยางลึกและหนา ช่วยเพิ่มแรงตะกุยได้ดีเยี่ยม ไหล่ยางกว้าง และหนา ทำให้สามารถลุยโคลนได้ดี และทนต่อการฉีกขาดของไหล่ยาง จากการออกแบบลายดอกยางให้มีความโค้งมนแบบอสมมาตร ทำให้ช่วยสลัดหินออกจากร่องดอกยางได้ดี มีขนาด 15-16 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 75-70 และหน้ากว้างมีตั้งแต่ 235-315 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มีขนาด 15-20 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ 31-37 และหน้ากว้างมีตั้งแต่ 9.50-12.50 นิ้ว

DEESTONE MUD CLAWER R405 M/T ออกแบบบลอคดอกยางตรงกลางให้มีขนาดใหญ่ เพื่อการบังคับควบคุมที่สมบูรณ์แบบ ไหล่ยางมีความแตกต่างกัน เพื่อความความแข็งแกร่ง รองรับการใช้งานในทุกสภาพถนน ร่องดอกยางรวมถึงลายดอกยางภายในร่องดอกที่มีขนาดเล็ก นอกจากช่วยลดเสียงรบกวน ยังช่วยสลัดหินและโคลนได้ดี มีขนาด 16-17 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 75-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ 245, 265 และ 285 มม. ส่วนยางที่มีหน่วยวัดเป็นนิ้ว มีขนาด 15-17 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ 31 และ 33 นิ้ว หน้ากว้างตั้งแต่ 10.50 และ 12.50 นิ้ว

DUNLOP MT2 เน้นการใช้งานในทางทุรกันดารอย่างสมบุกสมบัน MT2 จึงกำหนดดอกยางทั้งหน้ากว้าง (WIDE) สำหรับพื้นที่ทั่วไป กับรุ่นหน้าแคบ (NARROW) เพื่อการใช้งานในภูมิประเทศที่ถนนเข้าไปไม่ถึง โดยมาพร้อมแนวแก้มยางออกแบบพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมขณะขับขี่ที่เหนือกว่า MT2 WIDE มีเฉพาะขนาด 16 นิ้ว ส่วนแก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 75-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ 225-285 และ MT2 NARROW มี 2 ขนาด คือ 235/85 R16 กับ 255/85 R16

HANKOOK DYNAPRO MT ยางสำหรับผู้รักการขับขี่รถ 4x4 ดอกยางช่วงกลางรูปตัววี ลักษณะภูเขาน้ำแข็ง ช่วยในการยึดเกาะที่ดีที่สุดในทุกสภาพถนน พร้อมปลายดอกยางแบบเรียว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ เข็มขัดรัดหน้ายางชั้นนอกเสริมไนลอน พร้อมความทนทาน และความปลอดภัย มีขนาด 15-17 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 85-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ 215-315 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มีขนาด 15-20 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ 28-38 นิ้ว และหน้ากว้างตั้งแต่ 8.50-15.50 นิ้ว

KUMHO KL-71 สุดยอดยางสัญชาติเกาหลี สำหรับทางโหด แต่ให้ความนุ่มเงียบขณะขับขี่ ให้กำลังที่ดีในทางชัน แม้พื้นดินเปียก ลื่น รวมถึงทราย ด้วยดอกยางที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้ระยะเบรคในทางพื้นกรวด ทางหิน หรือแม้แต่บนถนนดำ ก็สามารถขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีขนาด 16 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 85-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ 245, 265, 285 และ 305 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มีขนาด 15-24 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ 31-38 นิ้ว และหน้ากว้างตั้งแต่ 10.50-14.00 นิ้ว

MAXXIS MT-764 ไหล่ยางออกแบบให้เป็นตัว "G" พร้อมปุ่มรูปสามเหลี่ยมบริเวณแก้มยางที่เพิ่มความแข็งแกร่ง ช่วยควบคุมรถได้ดีทุกสภาพพื้นผิว เนื้อยางออกแบบพิเศษ เพื่อใช้ในทางโคลนและหิน พร้อมเพิ่มหน้าสัมผัสเพื่อการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น แถบนูนในร่องไหล่ยางออกแบบพิเศษ ช่วยสลัดโคลน มีขนาด 15-20 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 75-50 และหน้ากว้างตั้งแต่ 205-305 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มีขนาด 14-17 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ 27-35 นิ้ว และหน้ากว้างตั้งแต่ 8.50-12.50 นิ้ว

ROADSTONE ROADIAN MT ร่องดอกยางขนาดใหญ่ออกแบบเส้นซิกแซก ช่วยเพิ่มสมรรถนะการตะกุยหิน ดิน ทรายต่างๆ พร้อมออกแบบให้เป็นร่องลึก ช่วยให้มีแรงปีนไต่ทั้งในโคลนลึก หินกรวด และสามารถรีดน้ำได้ดีบนถนนปกติอีกด้วย ในขณะที่เนื้อยางมีความทนทานต่อการสึกหรอ ให้การควบคุมที่ดีบนถนนแห้ง และเปียก มีขนาด 15-16 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 85-75 และหน้ากว้างตั้งแต่ 235-265 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มี 2 ขนาด คือ 30x9.50 R15 และ 31x10.5 R15

SONAR S-830 ยางที่สามารถรองรับการใช้งานในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นถนนแห้ง หรือเปียก ร่องยางถูกออกแบบให้มีรอยหยักในทุกทิศทาง เพื่อเพิ่มแรงฉุดในผิวทางทุรกันดาร ให้สามารถตะกุยฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ร่องดอกยางขนาดใหญ่ สามารถรีดน้ำได้ดี ให้การบังคับควบคุมที่ไว้ใจได้ มีขนาด 15-16 นิ้ว แก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 80-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ขนาด 205-265 ส่วนยางที่หน่วยวัดเป็นนิ้ว มีขนาดเดียว คือ 31x10.50 R15

SUPER SWAMPER TSL BOGGER ยางที่ถูกออกแบบเพื่อการแข่งขันและลุยหนักโดยเฉพาะ ด้วยดอกยางลายบั้งที่โดดเด่นในการลุยโคลนและปีนหน้าผาหิน รวมถึงลุยพื้นทราย เนื้อยางให้ความยืดหยุ่นสูง และมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ คงทนต่อการฉีกขาดจากการบาดของหินแหลม และกิ่งไม้ การใช้งานบนถนนปกติยังให้การยึดเกาะที่ดีอีกด้วย มีขนาด 15-17 นิ้ว ความสูงตั้งแต่ 33-44 นิ้ว และหน้ากว้างตั้งแต่ 10.50-19.50 นิ้ว

YOKOHAMA GEOLANDAR M/T ร่องยางคู่ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ และการทรงตัวที่ดีในทางทุรกันดาร และยังมีเทคโนโลยี PROGRESSIVE POWERFUL SHOULDER เพื่อไหล่ยางทนทาน และแข็งแกร่ง และเทคโนโลยี DUAL PROTECT BARS ดอกยางพิเศษช่วยให้โคลนหลุดออกได้ง่าย แถบยางคู่ ช่วยป้องกันการทิ่มตำจากของมีคม ขณะวิ่งบนทางทุรกันดาร เนื้อยางสูตรพิเศษ ทนทานต่อการขับขี่ มีขนาด 16 นิ้ว ส่วนแก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 85-75 และหน้ายางกว้างตั้งแต่ 235-285

ยางสำหรับรถเพื่อการบรรทุก

COOPER DISCOVERER CTS ยางสมรรถนะสูง สำหรับรถอเนกประสงค์ทั่วไป ที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้งาน จากการออกแบบลายดอกยางที่เรียบง่าย แต่แฝงไว้ซึ่งความโฉบเฉี่ยว และช่องระบายน้ำจำนวน 4 ร่อง จึงทำให้การรีดน้ำเป็นไปอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังช่วยลดเสียงที่เกิดขึ้นกับยาง จึงนุ่มเงียบตลอดการเดินทาง มีขนาด 16-20 นิ้ว ส่วนแก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 75-55 และหน้ากว้างมีตั้งแต่ 215-275

DEESTONE KACHA R101 หน้ายางเสริมใยเหล็ก 2 ชั้น ช่วยให้แข็งแรง ทนทาน รัดด้วยเข็มขัดนิรภัย (SPIRAL OVERLAY) แบบไร้รอยต่อ สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี ดอกยางแบบ 4 แถว หน้ายางกว้างเรียบแนบสัมผัส ช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น แก้มยางแบบ RIM GUARD ช่วยป้องกันความเสียหายของกระทะล้อ เหมาะสำหรับรถพิคอัพทั่วไป ที่ต้องการสมรรถนะสูงสุด มีขนาด 13-15 นิ้ว แก้มยางมีเฉพาะซีรีส์ 82 ส่วนหน้ากว้างตั้งแต่ 165-205 DUNLOP VANTREK V1 ยางสำหรับรถพิคอัพ ที่เน้นสมรรถนะควบคู่ไปกับความแข็งแกร่ง ออกแบบเพื่อต้านทานการสึกหรอ และเพิ่มบริเวณการยึดเกาะถนนมากขึ้น บลอคดอกยางออกแบบเพื่อการฉุดลากบนทางทุรกันดาร และลาดชัน ร่องดอกยางกว้าง ออกแบบเพื่อให้รีดน้ำออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีขนาด 14-15 นิ้ว ส่วนแก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 75-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ 195-215 FALKEN LINAM R51 ผลิตขึ้นในประเทศไทย เหมาะสำหรับรถพิคอัพ และรถแวน ด้วยคุณลักษณะของร่องยางแบบ 6 ร่อง สามารถรีดน้ำได้ดี และรวดเร็ว มีความทนทานต่อการสึกหรอได้ดี ให้ประสิทธิภาพการทนทานในสภาพถนนที่น้ำเจิงนอง หรือถนนแห้ง มีขนาด 15-16 นิ้ว ส่วนแก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 75-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ 205-215

MICHELIN XCD ยางสำหรับรถบรรทุกหนักเชิงพาณิชย์ โครงสร้างใยเหล็กกล้า ความแข็งแรงสูง ที่มีขนาดใหญ่และกว้างเป็นพิเศษ พร้อมด้วยชั้นใยสังเคราะห์ ความแข็งแรงสูงรัดหน้ายางจรดไหล่ยาง ถึง 2 ชั้น ให้ความแข็งแกร่งทั้งหน้ายางและไหล่ยาง รองรับน้ำหนักบรรทุกได้เต็มกำลัง ให้ความแข็งแกร่ง และทนทานต่อการสึกหรอได้ดี มีขนาด 14-15 นิ้ว ส่วนแก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 82-70 และหน้ากว้างตั้งแต่ 195-215

TOYO TIRES TRANPATH MP4 ดอกยางแบบอสมมาตร ลดเสียงรบกวน ยึดเกาะถนนได้ดีขณะเข้าโค้ง NEW TRIPLE TREAD STRUCTURE ลิขสิทธิ์เฉพาะ ทำหน้าที่กระจายโมเลกุลเนื้อยางด้านนอก เพื่อลดแรงเสียดทานกับพื้นถนน ให้การสึกหรอน้อยลง นุ่มนวลขึ้น ร่องดอกยางออกแบบด้วยเทคโนโลยี 3D MULTISIPS ระบายน้ำบนถนนเปียกได้ดี และช่วยลดอัตราการสึกที่ไม่สม่ำเสมอ มีขนาด 14-16 นิ้ว ส่วนแก้มยางมีตั้งแต่ซีรีส์ 70-50 และหน้ากว้างตั้งแต่ 155-215

ยางหล่อดอก ยางหล่อดอก คือ ยางที่ผ่านการใช้งานจนหน้ายางสึกหมด แล้วนำไปหล่อส่วนหน้ายาง และดอกยางใหม่ โดยผ่านกรรมวิธีการหล่อและอบด้วยความร้อน เพื่อให้ยางเก่าและยางใหม่ ผสานเป็นเนื้อเดียวกัน และ วิธีการหล่อเย็น โดยใช้เครื่องขูดยางเพื่อเจียนผิวหน้ายางให้เรียบเสมอกัน ด้วยระบบน้ำหล่อเย็น แล้วจึงนำมาซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด ซึ่งจะจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง แต่การยึดติดของเนื้อยางส่วนที่หล่อใหม่ กับเนื้อยางเดิมนั้นไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดการหลุดล่อนของส่วนหน้ายางได้เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง ส่วนของโครงสร้างยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการระเบิดได้ง่ายเมื่อรับน้ำหนักบรรทุกแบบเต็มพิกัด ดังนั้นยางหล่อดอกจึงไม่ปลอดภัยที่จะนำมาวิ่งบนถนนหลวง และผู้ใช้รถใช้ถนนควรหลีกเลี่ยง และไม่อยู่ใกล้กับรถที่ใช้ยางประเภทนี้ หากจัดจำหน่ายโดยโรงงานที่มีมาตรฐาน อย่างน้อยก็ยังได้ตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภค แต่ความปลอดภัยก็ยังสู้ยางใหม่ไม่ได้อยู่ดี

สัญลักษณ์ที่ควรรู้ สัญลักษณ์ที่ระบุเป็นตัวเลข หรือตัวอักษรต่างๆ บริเวณแก้มยางนั้น มีความหมายและข้อมูลสำคัญไว้มากมาย ซึ่งบริษัทผู้ผลิตทุกรายจะต้องระบุเพื่อบอกรายละเอียดไว้ให้ชัดเจน

สัญลักษณ์ต่างๆ บนยางรถยนต์ สัญลักษณ์ต่างๆ ที่จารึกไว้ด้านข้าง หรือที่แก้มยาง ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร หรือตัวเลข มีข้อมูลที่น่าสนใจหลายอย่าง และเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ผู้ผลิตยางต้องระบุให้ชัดเจนตัวอักษร หรือตัวเลข ที่ระบุนั้น มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร รายละเอียดต่างๆ มีดังต่อไปนี้
1. ชื่อผู้ผลิตยาง
2. เส้นผ่าศูนย์กลาง มีหน่วยเป็นนิ้ว (บางรุ่น บางยี่ห้อ จะใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร)
3. ความกว้างของยาง มีหน่วยเป็นนิ้ว (บางรุ่น บางยี่ห้อ เรียกเป็นซีรีส์ จะใช้หน่วยเป็นมิลลิเมตร)
4. โครงสร้างยางเป็นแบบเรเดียล (R)
5. เส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว
6. ตัวย่อของคำว่า "LIGHT TRUCK" หมายถึง เป็นยางที่ใช้กับรถพิคอัพ หรือรถ 4x4
7. ดัชนีการรับน้ำหนัก คือ ตัวเลขที่ใช้แทนค่าความสามารถในการรับน้ำหนักสูงสุดของยาง 1 เส้น วัดตามหน่วยเป็นกิโลกรัม ตามแรงดันลมยางมาตรฐาน ซึ่งสามารถเปรียบเทียบการรับน้ำหนักของยางแต่ละเส้นดังตารางต่อไปนี้ ดัชนีตัวเลข กิโลกรัม (กก.)
80 450
81 462
82 475
83 487
84 500
85 515
86 530
87 545
88 560
89 580
90 600
91 615
92 630
93 650
94 670
95 690
96 710
97 730
98 750
99 775
100 800
101 825
102 850
103 875
104 900
105 925
106 950
107 975
108 1,000
109 1,030
110 1,060
111 1,090
112 1,120
113 1,150
114 1,180
115 1,215
116 1,250
117 1,285
118 1,320
119 1,360
120 1,400
121 1,450
122 1,500
8. สัญลักษณ์ความเร็วสูงสุดของยางเส้นนั้นๆที่สามารถรองรับได้ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
สัญลักษณ์ (ตัวอักษร) ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.)
N 140
P 150
Q 160
R 170
S 180
T 190
H 210
V 240
W 270
Y 300
ZR เกิน 240
9. เป็นยางที่ไม่ใช้ยางใน
10. ประเภทของยาง 1
1. ปีที่ผลิต ยางแต่ละเส้นจะถูกระบุปี และสัปดาห์ ในการผลิต สามารถสังเกตได้จาก ตัวเลข 2 ตัวแรก เป็นสัปดาห์ที่ผลิต 2 ตัวหลังเป็นปีที่ผลิต ตามค่านิยมของผู้บริโภค จะมีความเข้าใจว่ายางเก่านั้น มีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่า จริงๆ แล้วบริษัทผู้ผลิตนั้นเคลมอายุการใช้งานของยางแต่ละเส้นไว้ถึง 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลิต ขอเพียงเก็บในพื้นที่อุณหภูมิปกติ ไม่โดนแดด หรือฝน

ดูแลถูกวิธีเพื่อการใช้งานยาวนาน การดูแลรักษาที่ถูกต้อง เป็นวิธีช่วยให้อายุการใช้งานของยางนั้นเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หลากวิธีการที่นำเสนอต้องหมั่นคอยตรวจสอบ หากละเลยเมื่อไร จะทำให้เสียทรัพย์ไวมากขึ้นเท่านั้น

ตรวจเชคลมยาง สิ่งที่สำคัญอันดับแรก ที่ควรทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ด้วยอุปกรณ์ตรวจวัดลมยางที่มีประสิทธิภาพ และควรเติมลมให้เหมาะสมตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิด ทั้งนี้รวมถึงยางอะไหล่ ซึ่งต้องคอยตรวจเชคเป็นประจำเช่นกัน

วาล์วเติมลม และฝาปิดวาล์ว วาล์วเติมลม มีหลายรูปแบบ ซึ่งแตกต่างกันตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต อาทิ อลูมิเนียม, สเตนเลสส์, เหล็กชุบโครเมียม, ยางพารา เป็นต้น โดยคุณสมบัติของวาล์วเติมลมทุกชนิดเหมือนกัน แต่แตกต่างกันเรื่องความแข็งแรง ทนทาน สวยงาม และราคา แปรผันไปตามวัสดุที่นำมาใช้ ฝาปิดวาล์ว ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นชิ้นส่วนหลัก ในการกักเก็บลมยาง ป้องกันฝุ่น และสิ่งสกปรก ฉะนั้นจึงต้องหมั่นตรวจสอบวาล์วเติมลม และฝาปิดวาล์ว ให้อยู่ในสภาพปกติ เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถกักเก็บและรักษาแรงดันลมยางให้อยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น

ถ่วงล้อ วิธีการถ่วงล้อ ทำได้โดยเอาตะกั่วหลากขนาดมาติดด้านในล้อ ปัจจุบันมีการประเมินผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ป้องกันไม่ให้ยาง และระบบสั่นสะเทือนสึกหรอ หากล้อขาดสมดุล ไม่ว่าจะเป็นล้อใดก็ตามแต่ จะทำให้ยางสึกไม่เท่ากัน มีการสั่นมาถึงพวงมาลัยขณะขับขี่ และทำให้เกิดแรงกดเพิ่มขึ้นบริเวณข้อต่อของชิ้นส่วนอะไหล่หลายจุด ส่งผลให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นสึกหรอเร็วกว่ากำหนด

ตั้งศูนย์ล้อ รถคันรักที่ใช้งานเป็นประจำ ต้องเกิดการกระทบกระทั่งของยางกับวัตถุบนพื้นผิวถนน เช่น หลุม รอยต่อของถนน จนเกิดความผิดปกติบริเวณร่อง หรือดอกยาง การตั้งศูนย์ล้อเป็นการแก้ไขที่ตรงจุด เพราะหากแนวและองศาของล้อและเพลา รวมถึงระบบช่วงล่างได้รับการกระทบกระเทือน จะทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยน ซึ่งการควบคุมรถจะทำได้ยาก ไม่ปลอดภัย รวมถึงป้องกันการสึกหรอที่ผิดปกติของยาง การตั้งศูนย์ล้อด้วยช่างผู้ชำนาญด้วยเครื่องมือทันสมัย จึงช่วยแก้ไขปัญหาการสึกหรอของยางรถยนต์อีกวิธีหนึ่ง

สลับยาง การสลับยาง เป็นวิธีที่ช่วยให้การสึกหรอของยางเท่ากันทั้ง 4 ล้อ ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่างผู้ชำนาญ ก็จะได้ความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยกว่าที่จะลองผิดลองถูกกับการสลับยางด้วยตัวเอง ซึ่งควรทำทุก 10,000 กม. เพื่อช่วยให้ยางสึกหรอใกล้เคียงกันทุกเส้น

ทำความสะอาดยาง สำหรับชาวขับ 4 เมื่อนำรถไปลุย กลับมาจากออกทริพ อย่าลืมเชคตะกั่วถ่วงล้อว่าอยู่ครบหรือไม่ และควรนำยางไป "ล้างขอบ" นั่นคือ ถอดยางออกจากล้อ เพื่อทำความสะอาดเศษหินทรายที่อัดอยู่ในร่องระหว่างล้อกับยาง เพราะอาจเป็นสาเหตุของลมยางรั่วซึม

เรื่องต้องรู้ของยางลุย การแบกรับน้ำหนักของรถ รวมถึงการใช้งานทั่วไป และการลุยในพื้นที่ทุรกันดาร ย่อมทำให้ยางสึกหรอเป็นธรรมดา แต่รูปแบบของการสึกหรอที่ต่างกันบ่งบอกได้ถึงการใช้งาน หรือความผิดพลาดในเรื่องต่างๆการสึกของยาง จะมีหลายรูปแบบดังนี้

สึกที่ไหล่ยางทั้ง 2 ด้าน ยางด้านนอกทั้ง 2 ด้าน สึกมากกว่าตรงกลางหน้ายาง อาการนี้เกิดเพราะลมยางอ่อนเกินไป ทำให้มีแก้มยางที่ความร้อนเพิ่มขึ้น ความแข็งแรงของโครงสร้างยางก็จะลดลง และเครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ และอาการนี้เป็นไปได้ว่าเกิดจากศูนย์ล้อไม่ถูกต้อง

การสึกของดอกยาง แบบคัพ หรือ ดิป ส่วนใหญ่การสึกของดอกยางในลักษณะนี้ มักพบในยางคู่หน้า แต่ก็สามารถเกิดกับยางคู่หลังได้เช่นกัน หากพบปัญหา ให้สันนิษฐานได้เลยว่า ช่วงล่างมีปัญหา ควรปรึกษาช่างที่มีประสบการณ์เพื่อแก้ไข

การสึกของดอกยาง แบบฟันเลื่อย อาการนี้เกิดจากการตั้งศูนย์ล้อไม่ถูกตำแหน่ง ค่าโทอิน หรือ โทเอาท์ จึงแปรเปลี่ยน แนะนำให้ลองเชคค่าของความคลาดเคลื่อนอีกครั้ง ด้วยศูนย์บริการที่ทันสมัย รวมถึงมอบหน้าที่ให้กับช่าง เพราะอาจทำให้ลามไปถึงชิ้นส่วนอื่นๆ ของระบบช่วงล่างก็เป็นได้

เปลี่ยนยางใหญ่ต้องคำนึงถึงอะไร? แน่นอนว่าเมื่อต้องการเปลี่ยนขนาดยางให้ใหญ่ขึ้น เพื่อเสริมหล่อให้รถ 4x4 คันรัก ตามวัตถุประสงค์สำหรับใช้ในการเดินทางเข้าป่า หรือ พื้นที่ทุรกันดาร นั้นทำได้เป็นอย่างดี จากดอกยางที่ตะกุยหิน หรือปั่นโคลน รวมถึงคร่อมร่อง หรือเนินเอียงได้สบายๆ หากเพิ่มขนาดให้ใหญ่ข้ามสเตพ เช่น จากยางขนาด 29 นิ้ว เป็น 33 นิ้ว ชุดช่วงล่างของรถก็ต้องยกให้สูงขึ้นด้วย ตามวิธีการและขั้นตอนของสำนักแต่งรถ 4x4 แต่ผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาก็มีปัญหาต่อการขับขี่ด้วยเช่นกัน

ด้อยเรื่องการยึดเกาะ ในเมื่อยางมีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวรถก็ต้องสูงตาม จุดศูนย์ถ่วง (ค่า CG) ก็จะสูงขึ้น ทำให้การเกาะถนนลดลง ยางที่เพิ่มหล่อให้กับรถทั้งประเภท ALL TERRAIN และ MUD TERRAIN ที่มีดอกเป็นบั้งๆ ผลดีสำหรับการตะกุยในพื้นที่ทุรกันดาร แต่ในถนนปกติ การเกาะถนนจะลดลง เพราะหน้าสัมผัสของยางกับพื้นถนนนั้นมีน้อย รวมถึงเสียงที่จะดังเมื่อดอกยางกระทบกับพื้นถนน

เบรคไหล ระยะเบรคของยาง ALL TERRAIN และ MUD TERRAIN เมื่อเทียบกับยาง HIGHWAY TERRAIN หรือยางที่มีหน้าสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่า บรรดา "ยางลุย" จะใช้ระยะทางในการเบรคมากกว่า ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษขณะขับขี่ใช้งานบนท้องถนนทั่วไป

อัตราเร่งลด อัตราเร่งด้อยกว่าเดิมแน่นอน เพราะน้ำหนักที่มาพร้อมกับยางลุยชุดใหม่นั้นมีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รถคันรักบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

เข็มไมล์เพี้ยน ชุดมาตรวัดความเร็วจะบิดเบือนจากความเป็นจริง ทั้งเลขกิโลเมตร (ทริพมิเตอร์) และเข็มวัดความเร็ว โดยจะแสดงผลน้อยกว่าความเร็วจริงตามเส้นรอบวงยางที่เพิ่มขึ้น

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวบไซท์ต่อไปนี้ www.apexsport.com www.bridgestone.co.th www.bfgoodrich-thai.com www.deestone.com www.dunloptire.co.th www.fullruntyre.com www.goodyear.co.th www.hankooktire.co.th www.highertyre.co.th www.maxxis.com www.michelin.co.th www.rosdstonethailand.com www.sonartyres.com www.stamfordtyrethailand.com www.toyotire.in.th www.vvp4x4.com www.weekendhobby.com/4wparts www.yokohamathailand.com

ขอขอบคุณ คุณหนึ่ง ท่องไพร แห่ง ไทยอาร์วีครับ แบบ...ผมไปลอกเขามาทั้งกระบิครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2014, 06:47:30 pm โดย amornpan » บันทึกการเข้า

คุณชายเอ็มครับ หนุ่มเจียงหม่าย
The time traveller
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 21 คำสั่ง