Languages
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สงสัย? ปาขับสี่  (อ่าน 6227 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
knn Rpptk
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 45


ท่องไปในโลกกว้าง...กับน้องปาขาว...


« เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 01:55:05 pm »

ใช้ปาขับสี่อยู่ค่ะ  สงสัยว่าเมื่อเปลี่ยนจากระบบขับสี่กลับมาเป็นขับสอง  ไฟที่สองล้อหน้ายังกระพริบไม่ยอมดับ 
แต่เมื่อดับเครื่อง  ลองสตาร์ทใหม่และขับถอยหลังไปสักนิด  แล้วขับไปหน้าไฟที่ล้อหน้าจึงหยุดกระพริบ
เป็นอย่างนี้หรือเปล่า  หรือว่าระบบมีปัญหา  วานผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยค่ะ  ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
Mayurin
Sr. Member
****

like: 78
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1695



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 02:14:26 pm »

ใช้ปาขับสี่อยู่ค่ะ  สงสัยว่าเมื่อเปลี่ยนจากระบบขับสี่กลับมาเป็นขับสอง  ไฟที่สองล้อหน้ายังกระพริบไม่ยอมดับ 
แต่เมื่อดับเครื่อง  ลองสตาร์ทใหม่และขับถอยหลังไปสักนิด  แล้วขับไปหน้าไฟที่ล้อหน้าจึงหยุดกระพริบ
เป็นอย่างนี้หรือเปล่า  หรือว่าระบบมีปัญหา  วานผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยค่ะ  ขอบคุณค่ะ
  ถ้าเปลี่ยนตอนที่รถไม่เคลื่อนที่จะเป็นเช่นนี้ครับ แต่เปลี่ยนตอนที่รถยังวิ่งอยู่ กระพริบ(กำลังทำการแปลงอยู่ยังไม่สมบูรณ์)ไม่กี่ครั้งก็ดับครับ
อีกอย่างถ้าคันเกียร์โยกกลับไม่สุดจะ กระพริบนานมาก ครับ  ข้อควรระวัง ไม่ควรเปลี่ยนในขณะที่รถเคลื่อนที่เลี้ยววงแคบครับ
บันทึกการเข้า
TLUNG
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 22


« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 02:48:22 pm »

ใช้ปาขับสี่อยู่ค่ะ  สงสัยว่าเมื่อเปลี่ยนจากระบบขับสี่กลับมาเป็นขับสอง  ไฟที่สองล้อหน้ายังกระพริบไม่ยอมดับ  
แต่เมื่อดับเครื่อง  ลองสตาร์ทใหม่และขับถอยหลังไปสักนิด  แล้วขับไปหน้าไฟที่ล้อหน้าจึงหยุดกระพริบ
เป็นอย่างนี้หรือเปล่า  หรือว่าระบบมีปัญหา  วานผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างหน่อยค่ะ  ขอบคุณค่ะ
 ถ้าเปลี่ยนตอนที่รถไม่เคลื่อนที่จะเป็นเช่นนี้ครับ แต่เปลี่ยนตอนที่รถยังวิ่งอยู่ กระพริบ(กำลังทำการแปลงอยู่ยังไม่สมบูรณ์)ไม่กี่ครั้งก็ดับครับ
อีกอย่างถ้าคันเกียร์โยกกลับไม่สุดจะ กระพริบนานมาก ครับ  ข้อควรระวัง ไม่ควรเปลี่ยนในขณะที่รถเคลื่อนที่เลี้ยววงแคบครับ
ตามข้างบนครับ อีกอย่าง หลังจากเปลี่ยนแล้ว ขณะที่ไฟกระพริบอยู่ อย่าเลี้ยวแคบๆ เช่นการกลับรถ มันจะรู้สึกเหมือนเฟืองด้านหลังจะสดุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 11, 2012, 02:51:48 pm โดย TLUNG » บันทึกการเข้า
jib and bim
Hero Member
*****

like: 31
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2288



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 02:48:47 pm »

การเปลี่ยน ขับ4 ควรให้ล้อตรงครับ ไฟกระพริบเพราะว่าระบบทำงานยังไม่เสร็จครับ เมื่อเสร็จไฟก็จะไม่กระพริบ
บันทึกการเข้า
Seaman_4WD
Newbie
*

like: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 281



« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 03:34:58 pm »

การเปลี่ยน ขับ4 ควรให้ล้อตรงครับ ไฟกระพริบเพราะว่าระบบทำงานยังไม่เสร็จครับ เมื่อเสร็จไฟก็จะไม่กระพริบ

นั่นหมายความว่า…ถ้ากำลังจะต้องลุยหรือเจออุปสรรคบนทางข้างหน้าต้องเปลี่ยน
ระบบขับเคลื่อนให้เหมาะสมก่อนใช่หรือไม่ครับเช่น หนทางข้างหน้าอีกประมาณ
สัก 4 ช่วงเสาไฟฟ้า(ประมาณ 200เมตร) ทางเป็นถนนลูกรังเปียกและมีโคลนเต็มไปหมด
เสี่ยงที่รถอาจติดหล่ม…เราควรที่จะเข้าเกียร์ 4HLc??? ก่อนที่จะรถจะลงไปในทางนั้นสัก10-20 เมตร
ได้มั้ยครับเพราะผมคิดว่า ถ้าลงไปเจออุปสรรคแล้วรอให้รถไม่สามารถไปต่อได้ค่อยมาเข้าเกียร์
มันจะทำงานและผ่านไปได้หรือไม่ครับ…ใครทราบช่วยมาตอบด้วยนะครับเพิ่งเคยใช้ขับสี่ครับ,
สงสัยจริงๆ…ขอบคุณครับ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 11, 2012, 03:41:26 pm โดย Tui_Yindee » บันทึกการเข้า

กวนไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก
jib and bim
Hero Member
*****

like: 31
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2288



« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 08:19:44 pm »

อันนี้แล้วแต่ป๋าเลยครับ ว่าจะรอให้รถติดหล่มก่อนแล้วค่อย เข้าเกียร์ 4WD หรือจะเข้าเกียร์ ก่อนติดหล่ม....สำหรับผมเข้าเกียร์ไว้ก่อนดีกว่าครับ

ถ้าทางทุรกันดารมาก เป็นโคลน หรือกรวดลื่นๆ วิ่งขับ 2 ไป รถก็จะปัดซ้าย ปัดขวาครับ อาจลงข้างทางเอาง่ายๆ แต่จริงๆมันก็วิ่งไปได้ครับ ถ้าไม่ติดหล่ม หรือล้อลอย

ผมเคยไปลุยอยู่รอบนึง พอดีฝนเริ่มลงเม็ด และเย็นมากแล้ว ผมก็เข้า 4WD ก่อน แต่ระบบมันไม่เข้าให้ซักที ผมเลยวิ่งขับ2 เข้าไป...แรกๆวิ่งได้ครับแต่พอเข้าไปลึกเรื่อยๆ
ทางก็โหดขึ้นๆ บางทีก็ซ้ายเหว ขวาเหว แล้วมาเจอร่องลึก ผมก็วิ่งไปพยายามหาลาย ดีๆ แล้วก็ล้อลอย ถอยใหม่ซัดไปอีกไม่พ้นอีกคราวนี้เกือบร่วงเหว พอลองอีกครั้งผ่านไปได้ ล้อหลังลงร่องอีก
เอาหินรอง เหยียบคันเร่งปั่น  จนขึ้นมาได้ และก็เจอตลอดทาง จนไปเจออันที่ไปไม่ได้จริงๆ เข้าเกียร์ทิ้งไว้เกือบชั่วโมง กว่าจะได้มืดตึบ หลังจากนั้นก็วิ่งได้สบายๆ
บันทึกการเข้า
Kaka
Sr. Member
****

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1645



อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 10:47:06 pm »

 like. ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
บันทึกการเข้า

No:1438 นายพิชัย อร่ามจันทร์ (เค) 081-3489470 line:p12976694p
วันนี้ขับ PJS SPORT VG 178 HP ขาวมุข 4x4 ปี 2012 เพราะเมื่อก่อนขับ TRITON PLUS 140 HPดำ 4x2 ปี 2009
jib and bim
Hero Member
*****

like: 31
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2288



« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 10:50:07 pm »

like. ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
สาธุ มีป๋าๆที่ลุยๆ อีกครับ สงสัยวันนี้ไม่อยู่กัน red heart
บันทึกการเข้า
TANN
Jr. Member
**

like: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 334



« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 07:38:36 am »

ถ้าเราใช้ 4H อยู่ไฟจะติดทั้งสี่ดวง ถ้าเราเลิกใช้ โยกลงมาเป็น 2H จะเหลือไฟติดสองดวง บางครั้งไฟสองดวงบน ยังกระพริบอยู่ ให้ยกเท้าจากคันเร่งให้สุด แล้วเริ่มเหยียบคันเร่งใหม่ ไฟก็จะดับไปครับ 
บันทึกการเข้า

nakon
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 11:41:04 am »

ที่ใช้อยู่ถนนดำปกติ 2H   ถนนดำฝนตกเปลี่ยนเป็น 4H รถความเร็วไม่เกิน 100 km/h ตั้งหน้าล้อตรง ไฟกระพริบที่ 2 ล้อหน้า และติดทั้ง 4 ล้อ  ถ้าไปพบถนนดิน  ทราย ลูกรัง โคลน มากๆ ก็หยุดรถ โยกไปที่ N  แล้วเข้า โหมด 4HLc แล้วโยกมา D ออกรถ ไฟกระพริมตรงกลางระหว่า 2 ล้อ หน้ากับ 2 ล้อหลังติดเพิ่งอีกจุดหนึ่ง
บันทึกการเข้า
knn Rpptk
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 45


ท่องไปในโลกกว้าง...กับน้องปาขาว...


« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 02:11:16 pm »

ขอบคุณป๋า ๆ ทุกท่านที่เข้ามาตอบและให้คำแนะนำ  เพิ่งใช้รถขับสี่คันแรก คงต้องค่อย ๆ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ สาธุ
บันทึกการเข้า
Taikek ปาทองดำ ID 022
Hero Member
*****

like: 39
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2528


เรื่องบางเรื่อง มีคำถาม แต่ไม่ต้องการคำตอบ มีเหตุและไม่ต้องมีผล

pornchai_sava@hotmail.com
อีเมล์
« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 03:12:32 pm »

ที่ใช้อยู่ถนนดำปกติ 2H   ถนนดำฝนตกเปลี่ยนเป็น 4H รถความเร็วไม่เกิน 100 km/h ตั้งหน้าล้อตรง ไฟกระพริบที่ 2 ล้อหน้า และติดทั้ง 4 ล้อ  ถ้าไปพบถนนดิน  ทราย ลูกรัง โคลน มากๆ ก็หยุดรถ โยกไปที่ N  แล้วเข้า โหมด 4HLc แล้วโยกมา D ออกรถ ไฟกระพริมตรงกลางระหว่า 2 ล้อ หน้ากับ 2 ล้อหลังติดเพิ่งอีกจุดหนึ่ง
ลดลงหน่อยก็ดีนะครับ เปลี่ยนขณะวิ่งอยู่ ซัก 60-70 km/h น่าจะดีกว่า ถนอมนิดนึง
ส่วน 4 ตัวอื่นๆ ใช่ครับ จะต้อง หยุด รถก่อน และดีที่สุดคือ ใส่ 4 ไว้ก่อน แล้ว เข้าป๋า น่าจะดีที่สุด  
บันทึกการเข้า

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
Seaman_4WD
Newbie
*

like: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 281



« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 03:38:11 pm »

 สาธุ สาธุ สาธุ

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับทุกๆท่าน
บันทึกการเข้า

กวนไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก
ตุ้ย นาทอง คัฟ
ถ้าจะไป ต้องไปให้สุด ถ้าไปไม่สุด อย่าไป
Newbie
*

like: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 139



อีเมล์
« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 04:21:33 pm »

ผมหาข้อมูลมาให้คับ ป๋า

4 Wheel Drive Book
การเลือกใช้เกียร์ 2H, 4H และ 4L


เมื่อท่านเปิดประตูรถขี้นมานั่งจะสังเกตเห็นด้ามเกียร์ 2 อัน อันหนึ่งเป็นเกียร์ปกติ อีกอันจะ เป็นเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งจะเห็นตัวอักษร 2H, 4H, N, 4L บนหัวเกียร์ ไว้เลือกใช้ตาม สภาพเส้นทาง เราต้องทำความเข้าใจในการใช้งานเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้ชัดเจนรวมทั้ง จังหวะการขับ
เมื่อเข้าตำแหน่งเกียร์ N (Neutral) ชุดเกียร์จะไม่ทำการขับเคลื่อนใดๆ ทั้งสิ้น เปรียบ เสมือนเกียร์ว่างของชุดเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ไม่ว่าจะเข้าเกียร์ 1,2 , 3,... รถก็จะไม่เคลื่อนที่


เกียร์ 2H (2 High)
เป็นเกียร์ซึ่งถ่ายกำลังเครื่องยนต์ลงสู่ล้อหลังทั้ง 2 ล้อ ส่วนล้อหน้าชุดเกียร์มิได้ขับเคลื่อน แต่อย่างใด จึงเปรียบเสมือนเป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อ ธรรมดา สภาพเส้นทางที่เหมาะสม กับเกียร์ 2H ก็คือ สภาพถนนทางเรียบ สามารถทำความเร็วตามปกติ


เกียร์ 4H (4 High)
เป็นชุดเกียร์ที่ทำการขับเคลื่อนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ซึ่งจะทำให้เป็นการขับ เคลื่อน 4 ล้อ ในสภาพอัตราทดปกติ สภาพเส้นทางที่เราควรใช้เกียร์ 4H ก็คือ สภาพที่ถนน มีพื้นผิวหน้าลื่นและพื้นผิวล่างไม่แข็ง เช่น ทางลูกรังผิวเรียบถึงผิวขรุขระปานกลาง ถ้าหากเราเป็นคนขับค่อนข้างเร็วก็ควรใส่ 4H วิ่งตามถนนสภาพดังกล่าว เนื่องจาก จะมีการเกาะถนนและเข้าโค้งที่ดีกว่า เป็นการขับเคลื่อนล้อหน้าและหลัง ทั้งดึงและ ดันในเวลาเดียวกัน ทำให้การควบคุมรถขณะที่อยู่ในโค้ง ทำให้หลุดโค้งยากกว่า การใช้ 2H ในการขับสภาพถนนดังกล่าว รวมทั้งสภาพถนนที่เป็นเส้นทางที่มีความ ชัน เช่น เส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขา การเลือกใช้เกียร์ 4H จะทำให้การสึกหรอของรถ น้อยลงเพราะการถ่ายกำลังจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ นั่นคือเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว ทำให้เรา ไม่ต้องใช้รอบเครื่องสูงมาก เมื่อเทียบกับ 2H คลัทช์ก็ไม่เปลือง และในขณะขับลง
ท่านสามารถใช้เกียร์ต่ำดึงรถท่านได้ดีกว่าขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 2H ข้อดีก็คือทำให้ ไม่ต้องใช้เบรคมากเกินไป การใช้เบรคขณะขับลงเขาทำให้ผ้าเบรคร้อน การจับของ ผ้าเบรคกับจานเบรค ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งจะทไให้เกิดอันตรายได้ สำหรับการขับเกียร์ 4H เราใช้รอบเครื่องเหมือนกับการใช้เกียร์ 2H ความเร็วรถก็ยังคงเหมือนตามปกติ จึงสะดวกในการใช้ไม่ยุ่งยากผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้เกียร์ 4H เป็นประจำ เพราะเห็นว่ามีแต่ข้อดี มีเพียงสิ่งเดียวที่เป็นรองเกียร์ 2H ก็คือเมื่อเราเข้าเกียร์ 4H ชุดเฟืองเกียร์จะหมุนเพื่อขับเคลื่อนล้อหน้า เมื่อล้อหน้า เป็นตัวขับเคลื่อนด้วย ในขณะที่เลี้ยวแคบๆ เฟืองลูกหน้าจะไม่ปล่อยให้ล้อหน้าหมุนฟรี ผลที่เกิดขึ้นก็คือล้อที่อยู่ด้านใน และด้านนอกจะฝืนกันเนื่องจากมีรัศมีที่ไม่เท่ากัน ทำให้วงเลี้ยว กว้าง ท่านที่เคยกลับรถ ณ จุดใดจุดหนึ่งต้องให้ความระมัดระวัง อาจเลี้ยวไม่ผ่านได้ในครั้งเดียว จึงไม่เหมาะที่จะใช้ในเมือง เนื่องจากไม่คล่องตัว และเราก็ไม่ได้ใช้ความเร็วมากนัก พิเศษ : เฉพาะ Jeep 2.5 L (manual) เราสามารถเลือกใช้ตำแหน่งเกียร์จากสองล้อหลัง ไปยังตำแหน่ง 4H ได้โดยไม่ต้องจอดรถ และไม่จำกัดช่วงความเร็วในการเลือก (Shift on the fly) แต่ขอให้พิจารณาจากสภาพถนน เช่น ทางลูกรัง รถไม่อยู่ในทางโค้งที่มุมแคบมากๆ เป็นต้น
ข้อควรระวัง : รัศมีในการเลี้ยวจะมากขึ้นกว่าเดิม


ชุดเกียร์ 4 Full Time
เป็นชุดเกียร์ที่ทำให้รถมีแรงขับเคลื่อนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ในสภาวะอัตราทดเกียร์ปกติ เราสามารถใช้เกียร์ 4 Full Time นี้ได้ในสภาพถนนที่ผิวหน้าลื่น แต่พื้นด้านล่างเป็นพื้นผิวแข็ง เช่น ถนนซีเมนต์ หรือถนนยางมะตอย ขณะฝนตก ผิวถนนลื่น หรือหลังฝนตก ผิวถนนลื่น มีน้ำท่วมขัง ซึ่งผู้ขับสามารถบังคับรถได้ตามปกติทั้งในรัศมีในการเข้าทางโค้งหรือกลับรถ เหมือนตำแหน่ง 4 Part Time High เมื่อเลือกใช้ตำแหน่ง 4 Full Time นี้ สิ่งที่ผู้ขับจะรู้สึกได้คือ จะรู้สึกว่าพวงมาลัยจะตึงมือขึ้น เหมือนมีแรงมาช่วยประคองพวงมาลัย และรถก็จะควบคุมได้ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ก็ เนื่องจากว่ากำลังได้ถูกส่งไปที่ล้อคู่หน้าทั้งสอง เพื่อช่วยในการขับขี่และบังคับทิศทางของผู้ขับ ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งขับเคลื่อนจากตำแหน่ง 2 ล้อหลัง ไปยังตำแหน่ง 4 ล้อ Full Time นี้ สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ตลอดทุกย่านความเร็ว (Shift on the fly) ไม่จำกัดความเร็ว ทั้งเปลี่ยนไปและเปลี่ยน กลับ โดยไม่ต้องจอดรถ และไม่มีผลเสียหายใดๆ ต่อระบบขับเคลื่อน แต่ในบางครั้ง เกียร์อาจจะยังไม่ทำงานในทันที ดังนั้น เทคนิคที่จะทำให้ระบบ 4 ล้อ Full Time ทำงานได้เร็วขึ้นคือ จับพวงมาลัย ในทิศที่รถเคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้า ถอนคันเร่งเล็กน้อย แล้วดึงคันเกียร์มา ที่ตำแหน่ง 4 Full Time นี้ได้ เร็วขึ้น ซึ่งจะไม่มีสัญลักษณ์ไฟสีเขียว ติดขึ้นบอกการทำงาน ดังนั้นข้อแตกต่าง ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ที่นำมาพิจารณาในการเลือกใช้ 4 ล้อ Full Time หรือ 4 ล้อ Part Time High คือสภาพของผิวหน้าและผิวด้านล่างของพื้นถนนเป็นสองสิ่งที่จะต้องนำมาพิจารณา เฉพาะชุดเกียร์ 4 Full Time


เกียร์ 4H (4 Low)
เป็นเกียร์ที่เราจะทำความรู้จักกับมัน เนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งทำให้ผู้ใช้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่รถ 4WD ให้มีสมรรถนะสูงสุด การขับด้วย เกียร์พิเศษชุดนี้ จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากอัตราทดเกียร์ ทำให้มีแรง บิดสูงมาก หากขับผิดวิธีอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
ประการแรก ก็คือ การเข้าเกียร์สู่ตำแหน่ง 4L ควรหยุดรถให้สนิททุกครั้ง หากเป็นรถ บางรุ่นที่ต้องทำการบิดดุมล้อ (HUB) ก็ให้ทำการบิดด้วย
ข้อควรระวัง : คือต้องบิดดุมล้อให้สุดเฟืองในดุมล้อจะจับกับเพลาขับ เคลื่อนล้อหน้า สนิท หากไ่ม่บิดให้สุด จะก่อให้เกิดความเสียหายได้ (เพลารูด)
สำหรับรถที่ไม่ต้องบิดดุมล้อ หรือระบบออโต้ล็อคฮับ เมื่อเข้าเกียร์อยู่ในตำแหน่ง Slow สักครู่หนึ่งไฟก็จะโชว์ขึ้นที่หน้าปัดให้ทราบว่าได้เข้าเกียร์ 4L แล้วทันทีที่ เกียร์ได้ถูกเลื่อนสู่ตำแหน่ง 4L จะสังเกตเห็นได้ทันทีว่ารอบเครื่องจะเพิ่มขึ้น เมื่อ เปรียบเทียบกับรอบเครื่องในสภาวะปกติ เมื่อรถเริ่มเคลื่อนที่ในความเร็วที่เท่ากัน พร้อมที่จะถ่ายทอดแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้นลงสู่ล้อทั้งสี่ หากเราจะทดลองเข้าเกียร์ 1 ในตำแหน่งเกียร์ปกติ จะเห็นว่ารถสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องเหยียบ คันเร่ง
ข้อควรระวัง : ก็คือ เมื่อใช้เกียร์ 4L เราสามารถใส่เกียร์ 1-5 ขับได้ตามรอบเครื่อง จะพบว่า ความเร็วสูงสุดของ 4L ที่ตำแหน่งเกียร์ 5 จะแตกต่างกับความเร็วที่ใช้ใน ตำแหน่งเกียร์ 2H คือจะมีความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. ดังนั้นการเลือกใช้เกียร์ 4L ก็เพื่อต้องการแรงบิดสูงสุดจากเครื่องยนต์ มิใช่เพื่อต้องการความเร็ว
บันทึกการเข้า

http://www.facebook.com/natong.bkk  <<<<<< ผมเอง คับ
Taikek ปาทองดำ ID 022
Hero Member
*****

like: 39
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2528


เรื่องบางเรื่อง มีคำถาม แต่ไม่ต้องการคำตอบ มีเหตุและไม่ต้องมีผล

pornchai_sava@hotmail.com
อีเมล์
« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 06:07:17 pm »

สูตรผมก็ได้ครับ
2H = ปกติ (120-140 Km)
4H= ฝนตกถนนน่าจะลื่น ถนนดำ ถนนปูน (60 - 120 Km)(เปลี่ยนเกียร์เมื่ออยู่ในทางตรง เท่านั้น ไม่เลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนขณะที่ไฟยังไม่หยุดกระพิบ)
4HL = ทางหินกรวด ทางหญ้าค่อนข้างแข็ง ไม่มีฝนตก (เริ่มเข้าป่าแล้ว)(40-60 Km)(จอดรถเข้า N แล้วใส่4W))(เปลี่ยนเกียร์เมื่ออยู่ในทางตรง เท่านั้น ไม่เลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนขณะที่ไฟยังไม่หยุดกระพิบ)
4LL= ทางป่า หลังฝนตก หรือเริ่มลึก ดินโคลน  ทางลาดชัน (เข้าป่า ก็ใส่ก่อนเลยดีที่สุด)(10-40 Km)(จอดรถเข้า N แล้วใส่4W))(เปลี่ยนเกียร์เมื่ออยู่ในทางตรง เท่านั้น ไม่เลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนขณะที่ไฟยังไม่หยุดกระพิบ)

บันทึกการเข้า

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.059 วินาที กับ 21 คำสั่ง