Languages
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผบ ขี้บ่น  (อ่าน 9766 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Taikek ปาทองดำ ID 022
Hero Member
*****

like: 39
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2528


เรื่องบางเรื่อง มีคำถาม แต่ไม่ต้องการคำตอบ มีเหตุและไม่ต้องมีผล

pornchai_sava@hotmail.com
อีเมล์
« ตอบ #15 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 11:53:44 am »

บ่น ดีกว่า เงียบ เยอะ เชื่อผม

ผมท่องคำนี้ไว้เสมอ

ผู้หญิงมีไว้ให้รัก ไม่ได้มีไว้เข้าใจ (เพราะเราไม่ใช่ตัวเค้า เลยไม่สามารถเข้าใจอะไรได้หมดทุกเรื่อง)

 
บันทึกการเข้า

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
saendee7
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 40


« ตอบ #16 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 05:02:07 pm »

ขอบคุณป๋าๆทุกท่านมากครับสำหรับคำแนะนำและข้อคิดเตือนสติ  ความรักคือความอดทนครับ เพราะรักครับผมยอมทน
บันทึกการเข้า
Adisak (โดม)
ID 1985
Sr. Member
****

like: 81
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1832


ชอบ กดLike ถ้าไม่ กด+


อีเมล์
« ตอบ #17 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 06:09:23 pm »

คิดว่าเป็นแค่ ผบ.เราคนเด๋ว ผมใช้วีธีนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว เมื่อยปากก็หยุดเอง
บันทึกการเข้า

pajerosportman
PaTu (ตู๋)
Hero Member
*****

like: 201
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7902



อีเมล์
« ตอบ #18 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 06:23:13 pm »

...อย่าให้ โปรโมชั่น หมดเวลาเหมียนเดินห้าง
อย่าให้รักจาง  วันวานหาย

อย่าให้รักแท้ มี่ช่องว่าง เมื่อเสื่อมคลาย
อย่าให้รัก...จางหายตามเวลา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2012, 06:34:17 pm โดย pajerosportman » บันทึกการเข้า
pajerosportman
PaTu (ตู๋)
Hero Member
*****

like: 201
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7902



อีเมล์
« ตอบ #19 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 06:31:00 pm »

อันคนเรา รักกัน ก็หวานชื่น
ยังดูดดื่มน้ำผึ้งมิจางหาย

พอถึงวัน เวลา ที่ผ่านไป
ยังใจหาย ไม่เห็นเหมือนที่เคยทำ

อันควมรักจึงมีเพียงเริ่มต้นหรือ
ทำไมคือสิ่งที่ต้อง มนต์ใจฉัน

ทำไมรักจึงไม่หวานชั่วนิรันด์
ทำไมฉัน คู่กันแล้วก็ใด้เจอ

ควมรักจริง รักจังไม่เหมือนก่อน
เคยจูงมือ กอดหมอน หนุนตักฉัน

พอเวลา ผ่านไป ไม่คิดถึงกัน
เหมียนวันวานที่เปลี่ยนผัน ตามเวลา
บันทึกการเข้า
pajerosportman
PaTu (ตู๋)
Hero Member
*****

like: 201
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7902



อีเมล์
« ตอบ #20 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 06:33:25 pm »

.....วันนี้ คุณทำดีกับคนที่คุณขอ...แต่งงานหรือยัง red heart
บันทึกการเข้า
Joe ผู้ชาย*รสส้ม*
PJS.Thai.ID.017
Hero Member
*****

like: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2629


ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา


« ตอบ #21 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 07:21:17 pm »

ผบ ผมขี้บ่นมาก บ่นได้ทุกเรื่อง เราทำอะไรไม่เคยเข้าตา ทำไงดีครับป๋าเครียดครับ Cry
ป๋าครับ คริๆๆๆ ระดับการบ่นนี่มีหลายระดับนะครับป๋า

เค๊าก็บ่นไปงั้นๆล่ะครับ...ป๋าลองทิ้งระยะ แล้วถาม ผ.บ.ดูนะครับ ว่าเค๊าจำได้มั๊ย

ว่าบ่นอะไรไปบ้างครับ....ผมเคยถามแฟนผมครับ...เธอตอบว่า*จำไม่ได้*

ผมล่ะฮาเลยค๊าบ55555+ ยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นครับ จุ๊ฟๆๆ(ขี้บ่นแล้ว รักป่าวล่ะครับ)คริๆๆ red heart red heart red heart
บันทึกการเข้า

...จะไปเอาอะไรมากมาย..กับผู้ชาย*รสส้ม*...
saendee7
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 40


« ตอบ #22 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 07:33:15 pm »

.....วันนี้ คุณทำดีกับคนที่คุณขอ...แต่งงานหรือยัง red heart
like
บันทึกการเข้า
kittisak.1589
Mod
Full Member
*

like: 78
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1303


kitti_bmw525i@hotmail.com http://www.2084.org/dragonvale/b
อีเมล์
« ตอบ #23 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 07:42:17 pm »

อันคนเรา รักกัน ก็หวานชื่น
ยังดูดดื่มน้ำผึ้งมิจางหาย

พอถึงวัน เวลา ที่ผ่านไป
ยังใจหาย ไม่เห็นเหมือนที่เคยทำ

อันควมรักจึงมีเพียงเริ่มต้นหรือ
ทำไมคือสิ่งที่ต้อง มนต์ใจฉัน

ทำไมรักจึงไม่หวานชั่วนิรันด์
ทำไมฉัน คู่กันแล้วก็ใด้เจอ

ควมรักจริง รักจังไม่เหมือนก่อน
เคยจูงมือ กอดหมอน หนุนตักฉัน

พอเวลา ผ่านไป ไม่คิดถึงกัน
เหมียนวันวานที่เปลี่ยนผัน ตามเวลา

ชอบๆ like
บันทึกการเข้า

kittisak.1589
Mod
Full Member
*

like: 78
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1303


kitti_bmw525i@hotmail.com http://www.2084.org/dragonvale/b
อีเมล์
« ตอบ #24 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2012, 07:45:08 pm »

คำบ่น  พันคำ ล้านคำ
สำหรับผมไม่สามารถหักล้างคำที่ เธอบอกว่า...หนูรักพี่ ลงได้เลย
(ผบ.ผม เรียกตัวเองว่า  หนู  เรียกผมว่าพี่  วันดีคืนดีเรียกผมว่า...ไอ้แก่)
บันทึกการเข้า

pajerosportman
PaTu (ตู๋)
Hero Member
*****

like: 201
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7902



อีเมล์
« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 07:47:46 am »

คำบ่น  พันคำ ล้านคำ
สำหรับผมไม่สามารถหักล้างคำที่ เธอบอกว่า...หนูรักพี่ ลงได้เลย
(ผบ.ผม เรียกตัวเองว่า  หนู  เรียกผมว่าพี่  วันดีคืนดีเรียกผมว่า...ไอ้แก่)
red heart red heart like like
บันทึกการเข้า
Suriya(PaC)
อั๊ยยยย่ะ..มหานคร
Hero Member
*****

like: 598
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2506


มือถือ:๐๙๑-๗๒๙-๖๙๙๖ [สุริยา วิทยาประดิษฐ์]


อีเมล์
« ตอบ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 08:19:26 am »

จากหนังสือ ชวนม่วนชื่น
ธรรมะบันเทิงหลายเรื่องเล่า................โดย พระอาจารย์พรม

เรื่อง ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน
========================================================================================================
         หลังจากการซื้อที่ดินเพื่อสร้างวัดเมื่อ พ.ศ. 2526 นั้น เราก็หมดตัวและเป็นหนี้โดยที่ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ แม้แต่เพิงที่อาศัยได้บนที่ดินผืนนั้น ในช่วง2-3อาทิตย์แรก เราต้องอาศัยนอนอยู่บนบานประตูเก่าๆ ที่ซื้อมาถูกๆ จากคนขายของเก่า เราหนุนบานประตูเก่าๆนั้นให้สูงขึ้นจากพื้นดินด้วยก้อนอิฐ (เราไม่มีแม้แต่เบาะนอน นั่นก็เป็นของแน่นอนอยู่แล้วเพราะว่าเราเป็นพระป่านี่)
          ท่านเจ้าอาวาสได้บานประตูที่ดีที่สุด เป็นบานประตูเรียบๆ ส่วนบานประตูของอาตมาเป็นชนิดที่มีบัว แถมยังมีรูขนาดใหญ่พอควรอยู่ตรงกลางตรงบริเวณที่เคยเป็นลูกบิด โชคดีนะที่เขาถอดลูกบิดออกไปแล้ว แต่เจ้ารูนี่ก็ยังคงอยู่เกือบจะกลางเตียงประตูของอาตมาทีเดียว อาตมาเคยพูดตลกๆว่า อาตมาไม่ต้องลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำหรอกนะ! ความจริงที่แสนหนาวก็คือว่า ลมสามารถพัดกรูผ่านเจ้ารูนี่มาถึงตัวอาตมา ทำให้อาตมาไม่ค่อยได้หลับได้นอนในช่วงค่ำคืนเหล่านั้น
          พวกเราเป็นพระจนๆ ที่ต้องการอาคารที่พักอาศัย แต่ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะจ้างช่างก่อสร้างได้ แค่ค่าวัสดุต่างๆก็แพงเกินพอแล้ว อาตมาจึงต้องเรียนรู้ว่าเขาทำงานก่อสร้างกันอย่างไร เตรียมฐานรากอย่างไร ตลอดจนถึงการผสมคอนกรีต การก่ออิฐ การตั้งหลังคา งานประปา และทุกๆอย่าง ก่อนจะบวชอาตมาเคยเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฏี และเป็นครูโรงเรียนมัธยมผู้ไม่เคยคุ้นกับการใช้แรงงานด้วยมือทั้งสองนี้ เพียงไม่กี่ปีอาตมากลายเป็นช่างก่อสร้างที่มีฝีมือไม่เบา ขนาดที่จะสามารถเรียกคณะทำงานของอาตมาได้ว่า บริษัทพุทธก่อสร้าง (BBC – Buddhist Building Company) แต่ขณะที่เริ่มต้นนั้นมันช่างเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญเอามากๆ
          การก่ออิฐอาจจะดูเป็นเรื่องง่ายๆ เพียงแค่โปะปูนลงไปแล้ววางก้อนอิฐ แตะด้านนี้ทีด้านนั้นทีให้เข้าที่ ตอนอาตมาเริ่มก่ออิฐใหม่ อาตมาแตะกดมุมหนึ่งลงเพื่อให้ได้ระดับ อีกมุมหนึ่งกลับยกขึ้น พออาตมากดด้านที่ยกขึ้นนั้นให้ลงมา อิฐก็เริ่มแตกแถวแตกแนว หลังจากที่อาตมาดันมันกลับเข้าที่ มุมแรกก็เริ่มสูงเกินไปอีกแล้ว โยมลองทำดูซิ!
          เพราะอาตมาเป็นพระ อาตมาจึงมีความอดทนและมีเวลาที่จะทำงานได้โดยไม่จำกัด อาตมาจึงทำงานอย่างประณีตที่สุด โดยไม่สนใจว่าจะต้องใช้เวลายาวนานเท่าใด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอิฐทุกๆก้อนจะถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ในที่สุดการก่อกำแพงอิฐแผงแรกของอาตมาก็สำเร็จลง อาตมาก้าวถอยออกมายืนชื่นชมผลงาน ในชั่วขณะนั้นแหละที่อาตมาสังเกตเห็น…โอ้ย!….อาตมาก่ออิฐพลาดไปสองก้อน อิฐก้อนอื่นๆเป็นแถวเป็นแนวสวยงาม มีแต่เจ้าอิฐสองก้อนนี่แหละที่เอียงๆ ทำมุมกับแนวอิฐก้อนอื่นๆมันดูแย่มากๆเลย มันทำให้กำแพงทั้งแผงดูไม่ดีเลย
          ขณะนั้นปูนก่ออิฐก็แข็งเกินกว่าที่จะสามารถดึงอิฐออกมาก่อใหม่เสียแล้ว อาตมาจึงกราบเรียนท่านเจ้าอาวาส ขอทุบกำแพงเพื่อเริ่มต้นก่ออิฐใหม่อีกครั้ง หรือถ้าจะให้ดีก็อยากจะระเบิดมันทิ้งไปเลย อาตมาก่ออิฐไม่ดี และอาตมาก็รู้สึกอับอาย ท่านเจ้าอาวาสไม่อนุญาตให้รื้อ กำแพงนี่จะต้องคงอยู่
          เวลาอาตมาพาแขกเยี่ยมชมวัดที่เริ่มตั้งใหม่ของเรา อาตมาพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพาแขกเดินไปทางกำแพงนั้น อาตมาไม่อยากให้ใครๆเห็นมันเลย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปได้3-4เดือน ขณะที่อาตมากำลังเดินอยู่กับผู้มาเยี่ยมวัดคนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นกำแพงนั้น แล้วก็เปรยขึ้นมาว่า “กำแพงนี้สวยดี”
          อาตมาถามเขาด้วยความประหลาดใจว่า “คุณลืมแว่นสายตาของคุณไว้ในรถรึเปล่า? สายตาคุณเสื่อมรึเปล่า? คุณไม่เห็นรึว่ามีอิฐถึงสองก้อนที่วางไม่ดีจนทำให้กำแพงนี้เสียหายหมด?
          คำพูดที่เขาตอบอาตมานั้นได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทั้งหมดของอาตมาต่อกำแพงนั้น ต่อตัวอาตมาเอง และต่อหลายๆแง่มุมของชีวิต เขาบอกอาตมาว่า “ใช่ ผมเห็นอิฐที่วางไม่ดีสองก้อนนั้นแต่ผมก็ได้เห็นด้วยว่ามีอิฐอีก 998 ก้อน ก่อไว้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ”
          อาตมาถึงกับอึ้งทีเดียว นับเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนที่อาตมาสามารถมองเห็นอิฐก้อนอื่นๆ บนกำแพงนั้นนอกเหนือจากเจ้าสองก้อนที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอิฐที่อยู่ด้านบน ด้านล่าง ด้านซ้าย และด้านขวาของเจ้าอิฐสองก้อนนั้น ล้วนแต่เป็นอิฐที่ก่อไว้อย่างดีไม่มีที่ติ ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนอิฐที่ดีนี้มีมากกว่าเจ้าอิฐไม่ดีสองก้อนนั้นมากมายนัก ก่อนหน้านี้ตาของอาตมาจับจ้องเฉพาะแต่ที่อิฐสองก้อนนั้น ตาของอาตมามืดบอดต่อสิ่งอื่นๆทั้งหมด อาตมาจึงไม่อาจทนมองกำแพงนั้นได้และไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้เห็นกำแพงนั้นด้วย เป็นเหตุให้อาตมาอยากจะทลายกำแพงนั้นทิ้ง เดี๋ยวนี้เมื่ออาตมาสามารถเห็นอิฐดีๆแล้ว กำแพงนั้นก็ไม่น่าเกลียดอีกต่อไป มันก็เป็นเหมือนกับที่ผู้มาเยี่ยมคนนั้นพูด “กำแพงนี่สวยดี” เดี๋ยวนี้กำแพงก็ยังคงอยู่ แม้เวลาจะผ่านไป 20 ปีแล้ว อาตมาเองก็ลืมเสียแล้วว่าเจ้าอิฐไม่ดีสองก้อนนั้นมันอยู่ตรงไหนแน่ อาตมาไม่สามารถเห็นจุดผิดพลาดนั้นจริงๆ
          มนุษย์เราสักกี่คนที่ตัดสัมพันธ์หรือหย่าร้างเพียงเพราะเพ่งมองเห็นแต่ “อิฐไม่ดีสองก้อน” ที่อยู่ในตัวคู่ชีวิตของเขา พวกเรากี่คนที่เคยรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังจนอาจจะเคยคิดฆ่าตัวตายเพียงเพราะเรามองเห็นแต่ “อิฐไม่ดีสองก้อน” ในตัวของเรา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมี “อิฐที่ดีและอิฐที่ดีจนไม่มีที่ติ” มากมายอยู่เคียงข้างส่วนที่บกพร่อง ไม่ว่าจะมองไปทางข้างบน ข้างล่าง ข้างซ้าย ข้างขวา เพียงแต่เรามองมันไม่เห็นเท่านั้น แทนที่จะเห็นสิ่งดีๆที่มีอยู่ สายตาของเรากลับเพ่งมองจดจ่อเฉพาะสิ่งที่ผิดพลาด ทั้งหมดที่เราเห็นมีแต่สิ่งผิดพลาด จนเราคิดอยากจะทำลายมันทิ้งเสีย มันน่าเศร้าจริงๆ ที่หลายครั้งหลายหนเราได้ลงมือทลาย “กำแพงที่ดี” นั้นไปจริงๆ
          เราทุกคนย่อมมี “ก้อนอิฐที่ไม่เข้าที่เข้าทางสองก้อน” แต่แต่ละคนก็ย่อมมี “ก้อนอิฐที่ดีจนไม่มีที่ติ” จำนวนมากมายกว่าข้อบกพร่องหลายเท่า เมื่อเรามองเห็นมันแล้ว สิ่งต่างๆก็ดูจะไม่ร้ายนัก ไม่เพียงแต่เรามองเห็นมันแล้ว สิ่งต่างๆก็ดูจะไม่เลวร้ายนัก ไม่เพียงแต่เราจะสามารถอยู่กับตนเองและข้อผิดพลาดบางประการของเราได้อย่างสุขสงบแล้ว เรายังสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตร่วมกับสามีหรือภรรยาของเราด้วย นับเป็นข่าวร้ายสำหรับทนายความผู้เชี่ยวชาญเรื่องการหย่าร้าง แต่เป็นข่าวดีสำหรับโยม
         อาตมาได้เล่าเรื่องสั้นๆนี้หลายครั้ง ช่างก่อสร้างคนหนึ่งที่ได้ฟังเรื่องนี้ได้มาพบอาตมาเพื่อบอกความลับเกี่ยวกับงานก่อสร้างเขาบอกว่า “ช่างก่อสร้างอย่างเราๆนี้มักจะทำสิ่งผิดพลาดได้เสมอ เพียงแต่เราจะบอกลูกค้าว่ามันเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่ไม่มีบ้านใดในละแวกนั้นมีเหมือน แถมเรายังเบิกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสองสามพันเหรียญอีกด้วย”
          ฉะนั้นมันเป็นไปได้ที่เอกลักษณ์พิเศษจะมีจุดเริ่มต้นมาจากความผิดพลาด ในทำนองเดียวกัน ถ้าเพียงแต่โยมจะเลิกมองจดจ้องอยู่เฉพาะแต่ข้อผิดพลาด สิ่งที่โยมเห็นว่าเป็นข้อบกพร่องในตัวโยม ในตัวสามีหรือภรรยาของโยม และในชีวิตทั่วๆไปอาจจะกลับกลายเป็น “ลักษณะพิเศษเฉพาะตัว” ที่จะเพิ่มคุณค่าให้แก่ชีวิตของโยมนะ
========================================================================================================

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 12, 2012, 08:56:05 am โดย Suriya(PaC) » บันทึกการเข้า

พูดคุยกับป๋าซีแบบ Chat Online ได้ที่ pajerosport-lovers.com
http://www.facebook.com/suriya.pajerolovers
เลือกหยิบของฟรีที่ห้องโชว์อ๊อฟ ในหัวข้อ GiftShop ป๋าซี(PaC)
Suriya(PaC)
อั๊ยยยย่ะ..มหานคร
Hero Member
*****

like: 598
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2506


มือถือ:๐๙๑-๗๒๙-๖๙๙๖ [สุริยา วิทยาประดิษฐ์]


อีเมล์
« ตอบ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 08:26:07 am »

ขออีกหนึ่งเรื่อง จำที่มาไม่ได้แต่ใน Google มีคนลงไว้เยอะ
ผมเคยเล่าให้ลูกฟังก่อนนอน ผบ.แค่หันมามองแล้วไม่พูดอะไร
========================================================================================================
          เรื่องมีอยู่ว่า ..... มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขาถุงหนึ่ง และ บอกกับเขาว่า “ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน”
          วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเข้าไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป ...อย่างน้อยที่สุด ก็คือการรู้จัก ควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ ซึ่งง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
          และแล้วหลังจากที่สามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบพ่อและบอกกับพ่อว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็น พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายว่า “ถ้าเป็น เช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุกๆครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ ฉุนเฉียวของตนเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว” วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัว จาก 1 เป็น 2... จาก 2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกมา ...
          เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า “ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!” พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน และบอกกับลูกว่า “ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ เห็นไหมว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็น .. จำไว้นะลูก
          เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้พูดคำขอโทษสักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้
         ฉันใดก็ฉันนั้น กับคนที่เรารัก ..คนที่เรารักและที่รักเรานั้นเปรียบเสมือนอัญมณีอันมีค่าที่หายาก เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม เป็นคนที่คอยให้กำลังใจและยินดีเมื่อเราพบกับความสำเร็จ คอยเป็นคนที่ปลอบใจเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา และจริงใจกับเราเสมอ ...แสดงให้เขาเห็นว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน และระวังสิ่งที่เราทำไปไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจำไว้เสมอว่า คำขอโทษไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตามแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วคือ รอยร้าวที่เขาคงมันไม่อาจลืมได้ ........ตลอดไป
========================================================================================================
บันทึกการเข้า

พูดคุยกับป๋าซีแบบ Chat Online ได้ที่ pajerosport-lovers.com
http://www.facebook.com/suriya.pajerolovers
เลือกหยิบของฟรีที่ห้องโชว์อ๊อฟ ในหัวข้อ GiftShop ป๋าซี(PaC)
Ped
Founder
Jr. Member
*****

like: 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 960


Pajerosport - Thailand No.005


อีเมล์
« ตอบ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 12:01:43 pm »

ขออีกหนึ่งเรื่อง จำที่มาไม่ได้แต่ใน Google มีคนลงไว้เยอะ
ผมเคยเล่าให้ลูกฟังก่อนนอน ผบ.แค่หันมามองแล้วไม่พูดอะไร
========================================================================================================
          เรื่องมีอยู่ว่า ..... มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขาถุงหนึ่ง และ บอกกับเขาว่า “ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน”
          วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเข้าไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป ...อย่างน้อยที่สุด ก็คือการรู้จัก ควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ ซึ่งง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
          และแล้วหลังจากที่สามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบพ่อและบอกกับพ่อว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็น พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายว่า “ถ้าเป็น เช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุกๆครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ ฉุนเฉียวของตนเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว” วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออกทีละตัว จาก 1 เป็น 2... จาก 2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกมา ...
          เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า “ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!” พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน และบอกกับลูกว่า “ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ เห็นไหมว่ามันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็น .. จำไว้นะลูก
          เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้พูดคำขอโทษสักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้
         ฉันใดก็ฉันนั้น กับคนที่เรารัก ..คนที่เรารักและที่รักเรานั้นเปรียบเสมือนอัญมณีอันมีค่าที่หายาก เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม เป็นคนที่คอยให้กำลังใจและยินดีเมื่อเราพบกับความสำเร็จ คอยเป็นคนที่ปลอบใจเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา และจริงใจกับเราเสมอ ...แสดงให้เขาเห็นว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน และระวังสิ่งที่เราทำไปไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจำไว้เสมอว่า คำขอโทษไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตามแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วคือ รอยร้าวที่เขาคงมันไม่อาจลืมได้ ........ตลอดไป
========================================================================================================

ใช่ครับ ป๋าซี แล้วผมก็คิดได้ว่า เมื่อก่อน ผมตอกตะปูไว้บานเลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วครับ เพราะถือคติ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ของหลวงพ่อพยอม วัดสวนแก้ว ครับ
บันทึกการเข้า
Joe ผู้ชาย*รสส้ม*
PJS.Thai.ID.017
Hero Member
*****

like: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2629


ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา


« ตอบ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2012, 12:36:20 pm »

 like like like like like like like like like like like like
บันทึกการเข้า

...จะไปเอาอะไรมากมาย..กับผู้ชาย*รสส้ม*...
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 21 คำสั่ง