เพราะไม่รู้จึงถามมาครับ เห็นใจจริงจริง ถ้าเราไม่ผ่อนต่อแล้ว เหมือนกรณีรถหาย ทนายมักให้หยุดผ่อนทันที จะมีผลอย่างไรกับใครบ้าง ถ้าพวกเราคนใดเป็นนักกฏหมายออกมาให้ความเห็นกับสมาชิกเราหน่อยนะครับ เครียดแทนเลยครับ
ขอออกตัวก่อนนะครับผมไม่ได้รู้นักกฎหมายมากนัก แต่อยากจะแชร์ประสบการณ์เท่าที่ทราบมานะครับ
ถ้าเช่าซื้อรถมา แล้วไม่ส่งค่างวด จะโดนติดตามทวงหนี้ ถ้าไม่ส่งติดต่อกันหลายงวด
จะมีเจ้าหน้าที่ทวงหนี้มาหา และผู้เช่าซื้อต้องเสียค่าติดตามทวงหนี้ ทวงหนี้ที่ต้องเสียเงิน
ค่าติดตามก็มีหลายรูปแบบตามที่เขียนไว้ในสัญญาเลยครับ โทร อาจจะ 600 บาท มาหา
อาจจะ 2,000 บาท อะไรแบบนี้ โดยจะถูกปรับตอนจะโอนรถ (ถ้าเราส่งต่อจนหมด)
ถ้าไม่ส่งค่างวดติดต่อกันตามสัญญา ถือว่าได้มีการทำผิดในสัญญา จะถูกยกเลิกสัญญา
และต้องคืนทรัพย์(รถ)ให้เขาไป (ตามในสัญญาที่ระบุไว้นั่นละครับ)และอาจมีค่าปรับ
ในกรณีค่าเสื่อมสภาพของรถ แต่ในการคืนรถนั้น แน่นอนผู้เช้าซื้อยอ่มไม่อยากคืนอยุ่แล้ว
ทีนี้ก้เป็นเรื่องของผู้ให้เช่าซื้อ คือบริาษัทครับ เขาจะดำเนินการตามสัญญา คือการบอกเลิก
สัญญา และกลับเข้าครอบครองรถ หรือเรียกง่ายๆว่ามาเอารถคืน (ในกรณีรถยังอยู่) ในสัญญา
จะระบุยินยอมให้ผู้เช่าซื้อกลับเข้าครอบครองรถได้เลย แต่ในทางปฎิบัติ เดี๋ยวนี้ทางบริษัท
จะยังไม่เข้าไปยึดรถคืน เพราะไม่ต้องการเสี่ยงต่อการต่อสู้คดี เพราะมันคาบเกี่ยวกับการ
กระทำผิดในทางอาญา เคยมีกรณีไฟแนนซ์ส่งคนมายึดรถ แล้วผู้เช่าซื้อแจ้งความจับอาญา
แล้วผู้เช่าซื้อชนะคดี
บริษัทจึง บังคับให้ผู้ค้ำประกันชำระเงินแทนโดยการฟ้อง แต่ถ้าไม่มีผู้ค้ำ ก้ฟ้องยึดรถครับ
ทีนี้บริาษัทก็จะได้กระดาษตราครุฑแดง มาเอารถเขาคืนโดยสดุดี
แล้วถ้ารถหาย อันนี้ก้แน่นอน เราต้องแจ้งความ แจ้งไฟแนนซ์ แจ้งประกันเพื่อผลประโยชน์
ของเรา ถ้าเพิกเฉยเราก้เสียผลประโยชน์ค่าตอบแทนนะครับ
ส่วนถ้ารถเราเสียหายแล้วเราไม่ซ่อม แล้วไม่ผ่อนก็ตามข้างต้นครับ โดนฟ้องและโดนเรียก
ค่าเสียหาย
แล้วถ้าเมื่อบริษัทฟ้องเอารถคืน แล้วเรียกค่าเสีย แต่เราไม่มีเงินให้ เขาก็จะให้ กรมบังคับคดี
ดำเนินการบังคับคดีกับเรา มีทรัพย์สินอะไรก็จะโดนเอาออกขาย
แต่ถ้า ไฟแนนซ์นิ่ง แล้วขายหนี้ที่เราเป็นหนี้ให้กับบริษัทเขี้ยวลากดินต่อ อันนี้เรื่องจะเงียบๆ
ไปสักระยะ โผล่มาอีกที หนี้ท่วมหัว แบบนี้มักจะเป็นหนี้อสังหาริมทรัย์ พวกบ้าน ที่ดินมากกว่า
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ