Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หนาวนี้ ขึ้น-ลงเขา อย่างไรให้ปลอดภัย  (อ่าน 3234 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ชายอิสระ
n
Sr. Member
****

like: 72
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1884



เว็บไซต์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 01:02:22 pm »



ช่วงใกล้จะเข้าฤดูหนาวแบบนี้ คุณผู้อ่านหลาย ๆท่านคงจะเริ่มคิดกันแล้วว่าจะจัดทริปชวนกันไปสัมผัสอากาศหนาว ชมทะเลหมอก ณ ยอดภูหรือดอยสูง แต่การขับรถขึ้นลงเขาสูงดอยชันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เราเลยนำประสบการณ์มา บอกเล่าเพื่อให้คุณผู้อ่านไปให้ถึงที่หมายและกลับได้อย่างปลอดภัย

สำหรับคนที่ชอบขับรถไปเที่ยวเอง สิ่งหนึ่งที่ต้องทำก่อนเดินทางทุกครั้งก็คือการตรวจสภาพรถ ถ้าทำไม่เป็น ก็สามารถเอารถเข้าศูนย์บริการหรืออู่ให้ช่างช่วยจัดการให้จะสะดวกที่สุด นอกจากนี้ก็ให้เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือยามฉุกเฉิน อย่างสายลากรถ สายพ่วงแบตเตอรี่ ไฟฉาย เครื่องมือเปลี่ยนยาง และสิ่งอื่น ๆ ที่คิดว่าจำเป็นให้พร้อม เตรียมรถเสร็จแล้วก็มาเตรียมตัวคนขับ เริ่มจากศึกษาแผนที่และเส้นทางที่จะไป ถ้าหาระบบนำทางด้วยดาวเทียมมาใช้ได้ยิ่งสะดวกมาก จากนั้นก่อนเดินทางก็ควรจะพักผ่อนให้เต็มที่ และเมื่อเดินทางไกลก็ควรแวะพักทุก 1 ชั่วโมงเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า

เมื่อเริ่มเข้าสู่เส้นทางที่เป็นภูเขาสูง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “มีสติและไม่ประมาท สมาธิอยู่ที่ถนนและพวงมาลัย” ดูสภาพของเส้นทางสภาพอากาศเป็นอย่างไร มีฝนตกทำให้ถนนเปียกลื่นไหม หมอกลงหนักเบาขนาดไหน จะได้ประเมินว่าต้องขับเร็วหรือช้าขนาดไหน และอีกสิ่งที่ควรทำตลอดการขับขี่คือสังเกต เชื่อฟัง และปฏิบัติตามป้ายหรือเครื่องหมายจราจร ในการขับรถขึ้นเขา สิ่งที่ลำบากที่สุดก็คือการขับแซงรถคันหน้าที่วิ่งช้ากว่า เพราะเส้นทางบนเขามักจะเป็นแบบ 2 เลนและคดเคี้ยวไปมา อีกทั้งมักจะมีสันเขาหรือต้นไม้บดบังการมองเห็น ทำให้การกะระยะเพื่อแซงทำได้ยาก แถมอัตราเร่งของรถเมื่อต้องวิ่งขึ้นทางชันจะช้าลงกว่าการวิ่งบนพื้นราบ ดังนั้นถ้าจะให้แซงได้อย่างปลอดภัย ก็ควรจะเลือกแซงเมื่อมองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน เผื่อระยะของรถที่ขับสวนมาให้ไกลมากกว่าตอนวิ่งบนพื้นราบ และควรเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำลงเพื่อให้รถมีกำลังในจังหวะเร่งแซง

ส่วนในกรณีที่รถคันหน้ามีขนาดใหญ่อย่างรถบรรทุก ให้ผู้ขับคอยสังเกตสัญญาณไฟเลี้ยวของรถบรรทุก ถ้าเส้นทางข้างหน้าว่างพอจะให้แซงได้ พวกพี่ ๆ รถบรรทุกก็จะเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและขับชิดซ้ายเพื่อให้รถเล็กแซงขึ้นไปได้โดยสะดวก แต่ถ้ารถใหญ่เปิดไฟเลี้ยวขวานั้นหมายถึงมีรถสวนมาอย่าเพิ่งแซง (สำหรับเรื่องสัญญาณไฟนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติไม่ใช่ข้อบังคับทางกฎหมาย)

สำหรับการขับรถลงเขา สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการชะลอความเร็วขณะเข้าโค้ง เพราะด้วยแรงโน้มถ่วงจะเป็นตัวที่ทำให้รถมีความเร็วเพิ่มขึ้นเอง จึงทำให้ต้องเหยียบเบรกแรงขึ้นและบ่อยขึ้นกว่าการวิ่งบนพื้นราบ ดังนั้นถ้าคุณใช้แต่เบรกอย่างเดียวในการชะลอความเร็ว ก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสมมากจนผ้าเบรกไหม้และลื่น ทำคุณเบรกรถไม่อยู่จนรถอาจจะแหกโค้งตกเขาได้ ดังนั้นเวลาขับรถลงเขาต้องใช้เทคนิคการเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงช่วยด้วย

การเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำจะช่วยให้รถชะลอความเร็วลงได้ โดยอาศัยแรงต้านทานการหมุนขึ้นในจังหวะอัดของเครื่องยนต์หรือที่เรียกว่า “การเบรกด้วยเครื่องยนต์” (เอ็นจิน เบรก) ซึ่งเป็นการช่วยลดความเร็วรถโดยลดการทำงานของระบบเบรกวิธีเปลี่ยนเกียร์ต่ำทำได้ไม่ยาก สำหรับรถเกียร์ธรรมดาจะเห็นผลชัดกว่าเกียร์อัตโนมัติ เพราะรถเกียร์ธรรมดาให้ความฝืดของผ้าคลัตช์เป็นตัวตัดต่อกำลัง จึงส่งแรงขับและแรงต้านการหมุนได้ดีกว่า ผู้ขับเพียงไล่เปลี่ยนเกียร์ต่ำลงเรื่อย ๆ จากเกียร์ 5 ไปเกียร์ 4 3 2 และ 1 ให้เหมาะสมกับความลาดชันของพื้นถนน และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงก็คือต้องเปลี่ยนเกียร์ให้เรียบร้อยก่อนถึงโค้ง ซึ่งจะช่วยให้ลดความเร็วขณะลงเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก

ส่วนรถเกียร์อัตโนมัติซึ่งใช้น้ำมันเป็นตัวส่งกำลังขับเคลื่อน ก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงมาเป็นเกียร์ 2 และเกียร์ L เพื่อช่วยลดความเร็วได้เช่นกัน แต่จะให้แรงต้านการหมุนที่น้อยกว่าเกียร์ธรรมดา ผู้ขับจึงยังคงต้องใช้การเหยียบเบรกร่วมด้วยมากกว่า แต่ขอให้เป็นการเหยียบแล้วปล่อยย้ำ ๆ บ่อย ๆ อย่าเหยียบแช่ค้างไว้ เพราะจากเบรกที่ร้อนจัดจะทำให้ผ้าเบรกไหม้ และในบางครั้งถ้าความเร็วรอบของเครื่องยนต์สูงเกินไป สมองกลของเกียร์ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ลงให้ โดยเฉพาะเกียร์ L เพราะอาจจะทำให้เกียร์เกิดความเสียหายได้ ดังนั้นผู้ขับจะต้องเหยียบเบรกให้รถลดความเร็วลงให้เหมาะสมก่อนด้วย สมองกลจึงจะยอมเปลี่ยนเป็นลงเป็นเกียร์ L ให้เทคนิคอีกอย่างที่ต้องใช้เวลาขับรถขึ้นลงเขาก็คือการควบคุมพวงมาลัย โดยเฉพาะการขับรถเข้าโค้งต่าง ๆ ถ้าดูแล้วว่าไม่มีรถสวนมา ก็ให้ขับด้วยวิธีที่เรียกว่า “การตัดยอดโค้ง” ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมรถเข้าโค้งได้ง่ายขึ้น โดยถ้าเป็นโค้งซ้าย ช่วงที่ก่อนจะถึงโค้งก็ให้เปลี่ยนเลนไปอยู่ช่องขวาก่อน แล้วเล็งดูที่ยอดของโค้งทางซ้าย บังคับรถให้เลี้ยวมาชิดขอบเลนซ้าย จากนั้นก็ปล่อยให้รถบานออกไปทางเลนขวาบ้างนิดหน่อย แล้วค่อย ๆ ดึงรถกลับมาในช่องทางปกติ

ส่วนในโค้งขวาก็ให้อยู่เลนซ้ายไว้ เล็งยอดของโค้งขวาแล้วขับปาดเข้าไปชิดยอดโค้ง ช่วงออกจากโค้งก็ปล่อยให้รถบานออกไปทางช่องซ้ายตามปกติ วิธีนี้จะทำให้การเข้าโค้งง่ายขึ้น เพราะรัศมีในการเข้าโค้งจะมีความกว้างมากขึ้น ช่วยลดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางที่จะทำให้รถเข้าโค้งยาก สำหรับทางโค้งรูปตัวเอส (S) ถ้าถนนโล่งไม่มีรถสวนมา ก็ให้วิ่งตัดยอดโค้งเป็นเส้นตรงไปได้เลย แต่ต้องมั่นใจว่าไม่มีรถสวนมา

ในกรณีที่รถเสียการทรงตัวในทางโค้ง อาทิ เวลาเร่งเครื่องเข้าโค้งแล้วรถเกิดอาการท้ายปัด มีวิธีแก้ไขขั้นแรกคืออย่าตกใจ ต้องมีสติ จากนั้นยกเท้าออกจากคันเร่งเพื่อลดกำลังของรถ อย่ากระทืบเบรก ให้ค่อย ๆ แตะเบรกและพร้อมกันนั้นก็ให้หมุนพวงมาลัยไปในทิศทางตรงข้ามกับท้ายรถที่ปัดออก เมื่อรถกลับมาตั้งลำได้ตรงจึงเหยียบเบรกให้รถช้าลงและพยายามประคองรถให้อยู่ในช่องทางจนรถหยุด แต่ถ้ารถมีอาการดื้อโค้ง (อาการที่รถเลี้ยวเข้าโค้งไม่ได้ ตัวรถพยายามจะตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว ) การแก้ไขอาการหน้าดื้อโค้งจะง่ายกว่าอาการท้ายปัด เพียงผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่งและคืนพวงมาลัยให้ล้อตรง แล้วหมุนพวงมาลัยให้ล้อเลี้ยวไปในทิศทางที่ต้องการจะเลี้ยวไป สลับไปมาอย่างนี้เร็ว ๆ รถก็จะกลับมาอยู่ในการควบคุม สุดท้ายแล้วขอให้คุณผู้อ่านเดินทางท่องเที่ยวอย่างสนุกและปลอดภัยนะครับ.

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.dailynews.co.th/article/1546/165945
บันทึกการเข้า
Tee_Kb
Global Mod
Hero Member
*

like: 107
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14140



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 04:52:43 pm »

ขอบคุณคับป๋า สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า

มีปาพาไปหามิตร....มิตรภาพดีๆหาได้ที่นี่
www.Pajerosport-thailand.com
TONGSOOK
Newbie
*

like: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 228


อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 05:45:58 pm »

ความรู้ดีดีทั้งนั้น 8-9-10ธค.ว่าจะไปภูทับเบิกซัก2คืนใครไปบ้าง ยกมือขึ้น พบกเันที่ภู ทับเบิกนะครับ
บันทึกการเข้า
plaslid
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 63


« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 01:42:18 am »

 like
บันทึกการเข้า
Osaoka
Full Member
***

like: 21
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1154



อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 06:22:14 am »

ข้อมูลดีๆ มีประโยชน์
บันทึกการเข้า

บางทีสิ่งที่เราได้มาอาจจะไม่ดีที่สุด แต่ถ้ามันดีและเหมาะสมสำหรับเรา นั่นก็คงเพียงพอแล้ว
พ่อลูกอ่อน No.241
Jr. Member
**

like: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 689


balloon308@hotmail.com
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 03:40:22 pm »

 like like ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม red heart red heart red heart red heart
บันทึกการเข้า

จุ๊กกรู้
Kiat
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4



อีเมล์
« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 07:59:29 pm »

ขอบคุณครับป๋า
บันทึกการเข้า
Pajerosport-Thailand No.0011
Founder
Hero Member
*****

like: 67
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3806


.......1 Tonn.......


« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 08:04:51 pm »

ขอบคุณมากครับ...
บันทึกการเข้า

..."กัมมุนา วตตีโลโก"..."สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม"...
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 21 คำสั่ง