Languages
หน้า: [1] 2 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อุด EGR แรงขึ้นจริงหรือแค่หลอกตัวเอง  (อ่าน 18478 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Subankaty
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19


อีเมล์
« เมื่อ: ธันวาคม 19, 2012, 02:31:54 pm »

อุด EGR แรงขึ้นจริงหรือแค่หลอกตัวเอง  Credit web http://www.webdedee.com/

Copy มาเผื่อผู้ต้องการรู้

ครั้งเมื่อพูดถึงรถยนต์กระบะรุ่นใหม่ที่มีมากมายในตลาดแล้วนั้น รถยนต์กลุ่มนี้ในปัจจุบันมีพัฒนาที่ก้าวล้ำไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรากำลังพูดถึงรถรุ่นใหม่ที่ตอบสนองการขับขี่ได้ดีขึ้นมากกว่าแค่ภาพเดิมที่ถูกมองว่าเป็นรถส่งของ

กระบะรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนั้นจนมายืนเทียบชั้นรถนั่งหลายๆรุ่น จนได้รับความนิยมมาแต่งแรงกัน โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องยนต์ที่วิ่งได้ไม่แพ้รถเก๋ง และเมื่อพูดถึงการทำให้รถยนต์แรงขึ้นนั้น เราหลายคนต้องเคยได้ยินตัวอักษร EGR ที่ได้รับคำแนะนำว่าให้อุดมันทิ้งเสียเถิดเพื่อความสนุกในการขับขี่



หลายคนอาจจะตัดสินใจในเรื่องการอุด EGR ที่สามารถตอบโจทย์ในความแรงโดยไม่ได้ไถ่ถามว่าตกลงมันมีความสำคัญอย่างไรบ้าง แต่แท้ที่จริงแล้ว EGR หรือ Exhaust Gas Recirculation นั้น คือวาล์วตัวหนึ่งที่ทำการดึงไอเสียจากท่อไอเสียกลับมาหมุนเวียน ในการเผาไหม้อีกรอบ ซึ่งประโยชน์หลักของมันนั้นก็เพื่อตอบสนองเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม

เราคงต้องบอกว่า วิศวกรไม่ได้คิดเกินในส่วนนี้ขึ้นมา หากแต่ EGR นั้นมีประโยชน์มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องของสิ่งแวดล้อมอย่างที่ได้กล่าวไปเช่นเดียวกับในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน และเชื่อหรือไม่ การอุด EGR อาจจะทำให้รถคุณไม่ได้รับการประกันในเรื่องเครื่องยนต์ด้วย

 

ความเชื่อเรื่องอุด EGR

 

อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า EGR หรือ Exhaust Gas Recirculation นั้นคือการนำไอเสียกลับมาเผาไหม้ซึ่ง แน่นอนว่า มันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่เอาของเสียมายัดลงไปในท้องอีกครั้ง และนั่นคือการก่อให้เกิดความเข้าใจผิดที่ว่า อุด EGR แล้วจะแรงขึ้น



แนวคิดอุด EGR นี้มีขึ้นมาได้สักระยะหนึ่งแล้วเริ่มต้นในกลุ่มคนเล่นรถกลุ่มเล็กที่หาวิธีแรงทางลัด ด้วยการศึกษาระบบเครื่องยนต์ และเมื่อเจอ EGR ที่เป็นการนำไอเสียมาเผาไหม้นั้นอีกครั้งนั้น ก็เลยทดลองทำการอุดเพื่อตัดการทำงานในการนำไอเสียมาเผาไหม้ใหม่อีกครั้ง

การปิดช่องทางในการนำไอเสียมาเผาไหม้ใหม่นั้นส่งผลให้อากาศที่เข้าสู่เครื่องยนต์นั้นมีแต่อากาศที่ออกมาจากเทอร์โบ ซึ่งเมื่อผ่านชุดอินเตอร์คูลเลอร์ ก็ทำให้มีความเย็นลงและเป็นอากาศที่มีการควบแน่นสูงทำให้มีการตอบสนองที่ดีจากเครื่องยนต์นั่นเอง

 

 

 

ผลดีที่มากับผลเสีย

คำถามที่สำคัญคือ เมื่ออุด EGR แล้วจะมีผลเสียอะไรตามมาหรือไม่ คนที่อุดส่วนใหญ่ ซึ่งโดยมากเป็นผู้ใช้และศึกษาเรื่องเครื่องยนต์ในแบบรู้กันมาปากต่อปาก ทั้งจากประสบการณ์ตัวเองและประสบการณ์ช่างหรือ Guru ก็มักจะบอกว่าไม่มีอะไร ..รับรองแรง!!! แต่ในความเป็นจริงแล้ว การอุด EGR นั้นมีผลเสียเช่นกัน แลัวควรต้องพิจารณาให้ดี



เมื่ออุด EGR สิ่งแรงที่จะเกิดขึ้นคือการเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์ที่จะเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะการขับขี่ แต่ที่หลายคนลืมไปคือเครื่องยนต์ดีเซลนั้นปัจจุบันเป็นระบบไฟฟ้า หรือคอมมอนเรล ซึ่งใช้การตรวจจับอากาศที่ออกมาจากไอเสียคอยควบคุมสั่งการทำงานของเครื่องยนต์

การวัดค่าอากาศนี้ระบบจะทำการประมวลผลโดยผล ECU (Electronics Control Unit) หรือ ECM (Electronic Control Management) ตามแต่รถรุ่นนั้นจะเรียก ซึ่งค่าอากาศและส่วนผสมนั้นจะถูกประมวล และในจังหวะที่เครื่องยนต์มีการปล่อยไอเสียมากวาล์ว EGR ที่อยู่ตรงท่อไอดีก็จะเปิดขึ้นเพื่อให้ไอเสียนั้นกลับมาเผาไม้อีกครั้ง เพื่อลดก๊าซไอเสียอย่างคาร์บอนมอนนอกไซด์ หรือที่เรารู้จักในฐานะ “ควันดำ” ซึ่งมีส่วนประกอบโลหะหนักในกลุ่มควันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ลองคิดง่ายเมื่อวาล์วเปิดเครื่องยนต์ย่อมจะต้องสั่งลดการสั่งจ่ายน้ำมัน ให้ส่วนผสมบางลงเพื่อลดการเกิดแก๊ส โดยหวังว่าแก๊สไอเสียที่มีส่วนน้ำมันที่ปนอยู่ในลักษณะก๊าซที่เผาไหม้ไม่หมด นั้นมาควบรวมแล้วจุดระเบิดเผาไหม้อีกครั้งนั้นจะมา แต่เราดันไปอุดมันนั้น ผลคือส่วนผสมที่บางย่อมส่งผลในเรื่องของการจุดระเบิดที่ไม่ปกติ คือส่วนผสมบาง ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ร้อนขึ้น เสี่ยงต่อเครื่องยนต์พังมากกว่า แต่แน่นอนย่อมมีคนต้องบอกว่ายังไม่มีใครเจอ แต่จะคิดแค่วันนี้พรุ่งนี้ไม่ได้



ประการต่อมา เมื่อระบบไอเสียมีมลพิษมาก ผลคือระบบระบายไอเสียที่ปัจจุบัน มีตัวกรองไอเสีย ซึ่งเราเรียกว่า Caterlytic Converter นั้น จะทำหน้าที่หนักขึ้นและ เมื่อมันทำงานหนักก็เสี่ยงที่จะอุดตันเร็วกว่าปกติ เมื่อเทียบกับรถที่ไม่ได้ทำการอุด EGR และสุดท้ายที่ลืมนึกถึงไม่ได้ คือเทอร์โบ ที่ปัจจุบันเทอร์โบแบบ Variable หรือ Geometry turbo นั้นมีการอ่านค่าไอเสียและรอบเครื่องยนต์ในการปรับความสัมพันธ์ในการทำงาน ของชุดครีบ ซึ่งทำให้เสียหายต่อแกนเทอร์โบมีความร้อนสะสมมากกว่านั่นเอง

 

 

 

 

เข้าใจอย่างถ่องแท้ตกลง EGR คืออะไร

 

จากข้างต้นจะเห็นได้ว่า EGR นั้นค่อนข้างมีความสัมพันธ์กับหลายระบบมากกว่าที่คิดไม่ใช่เพียงแค่ ท่อที่นำไอเสียมาหมุนวนใหม่อีกครั้งเท่านั้น แต่มันอาจจะยังส่งผลถึงระบบต่างมากมาย ซึ่งเราไม่ได้ห้ามไม่ให้ทำแต่อยากให้เข้าใจอย่างแท้จริงก็เท่านั้น

EGR หรือ exhaust gas recirculation เป็นกระบวนการทางวิศวกรรมในการนำไอเสียจำนวนหนึ่งประมาณ 5-15 % กลับมาเผาไหม้ร่วมกับ อากาศดีเพื่อให้มีไอเสียที่ดีขึ้นลดมลภาวะที่เกิดจากก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์

แน่นอนจะเห็นได้ว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดของไอเสียจะถูกโยนกลับเข้าสู่ห้องเผาไหม้ แต่แม้จะเป็นเพียงเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่ง EGR เองก็มีข้อเสียทำให้น่ำมันเครื่องนั้นมีเขม่ามากกว่าปกติโดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล แต่นี่คือข้อดี 4 ประการของการมี EGR

1.ลดการสูญเสีย อัตราเร่ง EGR นั้นคือการนำไอเสียมาเผาไหม้และการจะเผาไหม้ไอเสียนั้นลิ้นปีกผีเสื้อต้อง รับอากาศดีเข้ามาด้วย และถ้าคุณจับทางได้จะพบว่า อัตราเร่งจะลดลง(เครื่องลอยตัวมากกว่า)ไปน้อยกว่าเมื่อไม่อุด EGR

2.เครื่องทำงานลื่นไหลมากขึ้น อันนี้เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งสักนิด แต่ให้นึกถึงน้ำร้อนน้ำเย็น และมันก็เป็นเช่นนั้นกับอากาศและกระบอกสูบ คิดง่ายๆการอุด EGR เปรียบเหมือนกับการอากาศร้อนจากไอเสียออกไปทำให้เครื่องยนต์รับแต่อากาศดี และเย็นสบายแต่ความจริงแล้ว อากาศที่ดีนั้นทำให้ เครืองยนต์มักจะสูญเสียค่าความร้อนหน้าสัมผัสลูกสูบมากกว่ าถ้าเทียบกับมีไอเสียจาก EGR เข้ามาผสม ซึ่งแม้อาจจะไม่สามารถรู้สึกได้จากปลายเท้า แต่เชื่อเถอะว่ามีจริง

3.ลดก๊าซไอเสีย แน่นอนนี่คือหน้าที่หลักของ EGR และก๊าซไอเสียถูกใส่เข้ามาเมื่อถึงจุดสูงสุดของลูกสูบเพื่อเผาไหม้ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

4.ลดค่าความร้อนที่ลูกสูบ จำได้ไหมที่เราบอกว่าเมื่อ EGR ทำงานแล้วส่วนอากาศนั้นผสมจะน้อยลงหมายถึงส่วนผสมบางลง และเมื่อส่วนผสมบางลง นั้นก็หมายถึงการที่อากาศใหม่ที่เปลี่ยนจากเย็นเป็นร้อนหลังจากเผาไหม้ก็จะน้อยลงตามไปด้วย ทำให้เครื่องยนต์มีการสึกหรอน้อยลง

 

ถ้ามองตามข้อเท็จจริงของ EGR แล้ว แน่นอนมันเป็นเพียงระบบที่หมุนวนนำอากาศไปเผาไหม้อีกครั้ง หากแต่ระบบนี้นั้นยังมีอีกหลายสิ่งที่ แม้แต่ช่างก็ไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ่ง ฉะนั้นหากคิดจะอุด EGR นั้นจงคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนทำ

บันทึกการเข้า

ID 2745
boy nirut
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2012, 10:54:25 am »

อ่านแล้วงงตกลงมันดีหรือไม่ดีครับป๋าของผมv6 lala
บันทึกการเข้า
POPPY
Jr. Member
**

like: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 667



« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2012, 02:17:18 pm »

นานาจิตตังครับป๋า
บันทึกการเข้า

ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
Plateen
Newbie
*

like: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 282


เฉาก๋วย GT


« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2012, 02:20:40 pm »

ต่างคนต่างความคิด แล้วแต่ความพอใจใคร บางคนอุดซะจนรถขายไปแล้ว นี่ก็อุดซะจน PJS MC ไปไม่รุ้กี่รอบ
บันทึกการเข้า
sang2012
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60



« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2012, 03:54:35 pm »

ผมไม่อุดครับ   เพราะเครื่องยนต์รุ่นนี้อ่านๆดูกระทู้เเล้ว  ปัญหาเครื่องยนต์ก็ไม่เบา 
ไม่อยากถอดเข้าถอดออกหลายรอบ
 ปัญหาเกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ รู้เหมือนเป็ด  เดี๋ยวเจอศูนย์เขี้ยวๆ มันจะเล่นเเง่เอา

บันทึกการเข้า
teddyisman
Jr. Member
**

like: 19
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 997


« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2012, 10:37:28 pm »

ดีหรือไม่ ไม่รู้ แต่อุดไปแล้ว และไม่เอาออก เพราะ ขี้เกียจล้างท่อไอดี
บันทึกการเข้า
Plateen
Newbie
*

like: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 282


เฉาก๋วย GT


« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2012, 02:43:29 pm »

คนที่เค้าอุดกันเพราะไม่อยากล้างท่อไอดีซะมากกว่าครับ เพราะล้างที่ก็หลายตัง ไม่ได้อุดเพราะหลอกตัวเองว่าอยากแรง มันมีวิธีแรงอย่างอื่นอีกเยอะ
บันทึกการเข้า
JAJA-RY
Jr. Member
**

like: 23
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 302



อีเมล์
« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2012, 09:17:19 pm »

ผมอุดไปแล้ว ไม่ได้อยากแรงนะครับแต่ไม่อยากถอดล้างชุดท่อร่วมไอดีบ่อยๆ ถ้าท่านใดที่ใช้รถรุ่นก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น VG turbo ถ้ายังไม่ได้อุดใช้ไปนานๆเขม่าจะมาอุดรูลมที่ต่อท่อไปยัง Map sensor รถจะอืดกินน้ำมัน ถ้าตันเลยจะขึ้น code P0107 สำหรับรุ่น VG turbo เขาย้ายจุดวัดค่า MAP sensor มาไว้ใกล้ๆกับลิ้นปีกผีเสื้อปัญหาอุดตันของท่อลมเลยไม่มีเพราะเจาะออกมาก่อนที่จะเกิดการผสมกันระหว่างไอน้ำมันกับไอเสีย แต่ก็จะมีปัญหาในเรื่องของการกั้นทางเดินอากาศหากเขม่าไปอุดที่ท่อร่วมไอดี รถอืด กินน้ำมันเยอะได้เหมือนกัน 
บันทึกการเข้า
TAYONG
Full Member
***

like: 57
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1218


ปาเจโร่โซนตะวันตก ป๋าโย่ง คอนถมทีม 082-350-23สามห้า


อีเมล์
« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2012, 10:53:38 pm »

ผมอุดเพราะไม่  like 555++  ดูรูปแนบเองเด้อ

บันทึกการเข้า
sang2012
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60



« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 08:30:23 am »



http://www.ecareasy.com/news/120904103915
บันทึกการเข้า
ปากะโห้
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 96



« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 10:35:50 am »

ไม่เคยใช้รถดีเซลครับ น้องใหม่คันแรกยังไม่ถึง 500 กม.
ขอแบบจริงใจฟันธงได้ไหมครับ ว่าอุดหรือไม่อุด
อุดแล้วประกันหลุดไหม
ตามรูปที่ป๋าๆแนบมา ถ้าไม่อุดจะเป็นแบบนี้ทุกคันไหม
 
บันทึกการเข้า
Plateen
Newbie
*

like: 9
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 282


เฉาก๋วย GT


« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 11:25:25 am »

ไม่เคยใช้รถดีเซลครับ น้องใหม่คันแรกยังไม่ถึง 500 กม.
ขอแบบจริงใจฟันธงได้ไหมครับ ว่าอุดหรือไม่อุด
อุดแล้วประกันหลุดไหม
ตามรูปที่ป๋าๆแนบมา ถ้าไม่อุดจะเป็นแบบนี้ทุกคันไหม
 

คิดว่าวิ่งไปซักระยะน่าจะเป็นทุกคันครับ มากน้อยต่างกันเท่านั้น ไม่อย่างงั้นอุ่จะมีบริการล้างท่อไอดีไว้ทำไม
ไอ้เรื่องแรงโม้ไม่เคยเชื่อ แต่ไอ้เรื่องตันเนี้ยเห็นด้วยตาจับต้องได้ครับ
ถ้ากลัวเรื่องประกัน ถอดออกตอนมีปัญหาจะเคลมได้ครับ ไม่ผิดกฎ ศูนย์ยังแนะนำเองเลย
บันทึกการเข้า
JAJA-RY
Jr. Member
**

like: 23
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 302



อีเมล์
« ตอบ #12 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 01:15:45 pm »

ผมไม่อุดครับ   เพราะเครื่องยนต์รุ่นนี้อ่านๆดูกระทู้เเล้ว  ปัญหาเครื่องยนต์ก็ไม่เบา 
ไม่อยากถอดเข้าถอดออกหลายรอบ
 ปัญหาเกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ รู้เหมือนเป็ด  เดี๋ยวเจอศูนย์เขี้ยวๆ มันจะเล่นเเง่เอา


ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ pajero ผมใช้ triton มา 6 ปี ตอนแรกผมไม่ได้อุด EGR ใช้รถไปประมาณ 60000 โลรถอืดกินน้ำมันเพราะท่อร่วมไอดีเกิดเขม่าสะสม รถวิ่งไปเกิด engine code show P0107 MAP senser low signal (สัญญาณจากตัววัดแรงดันอากาศที่ท่อร่วมไอดีต่ำ) เข้าศูนย์ไปศูนย์บอกว่า MAP senser เสียต้องเปลี่ยนราคาประมาณ 4000 บาทแต่เรายังอยู่ในระยะประกันเครมได้ ซึ่งผมก็บอกว่าถ้าฟรีก็เปลี่ยนไปลองคิดดูนะครับถ้ารถเราหมดประกันแล้วตรงนี้เราต้องจ่ายเอง หลังจากเปลี่ยนเสร็จผมก็ขับรถจากระยองไปที่โคราช มันก็ show engine code P0107 มาอีกรอบผมเลยไปหาเพื่อนที่เป็นช่างซ่อมรถแทรกเตอร์แล้วก็เริ่มเปิดดูท่อยางที่ต่อเข้าลิ้นปีกผีเสื้อแล้วลองส่องไฟฉายเข้าไปตรงจุดที่ ระบบ EGR ต่อเข้ามาร่วมกับท่อร่วมไอดีปรากฎาว่าสิ่งที่เจอเป็นเขม่าดำพอกหนามากผมเลยจัดการ DIY ล้างท่อร่วมไอดีและลงไว้ให้พี่น้อง thaitritonclub ไว้ดูที่ห้อง DIY ในตอนนั้นเป็นคนแรกที่มีการถอดและแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่มันสะสมมาหลังจากที่เราใช้รถมา 60000 Km หลังจากทำความสะอาดแล้วรถก็กลับมาวิ่งดีเหมือนตอนออกรถมาแรกๆ
      การอุดหรือไม่อุดก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละคนนะครับถ้าไม่อยากอุดเพราะกลัวหมดประกันลองคิดเผื่อตอนหมดระยะประกันแล้วเราต้องเสียค่าบำรุงรักษาเองเอานะครับ
-ศูนย์มิตซูหรือศูนย์บริการเกือบทุกยี่ห้อเป็นประเภทศูนย์เปลี่ยนไม่ใช่ศูนย์ซ่อมต้องโดนเปลี่ยน MAP sensor แน่ๆ ราคาประมาณ 4000 บาท
-เมื่อเปลี่ยนแล้วยังเกิดอีกทีนี้จะมาเสียค่าแรงถอดล้างอีกรอบละประมาณ 2500 บาท
-ใครอยากจะอุดเพราะคิดว่ามันจะแรงขึ้นไม่ต้องไปทำแต่ถ้าคิดว่ามันจะรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้มีกำลังพอๆกับที่ออกมาวันแรกๆก็จัดไป(กำลังเครื่องยนต์มันก็จะตกลงตามกาลเวลาและการสึกหรอนะครับไม่ได้มีค่าเท่าเดิมตลอด)
      ข้อดีของการไม่อุด
-ลดปริมาณก๊าซไอเสียที่ปล่อยออกทางท่อไอเสียได้บางส่วนถ้าใครไปทะลวงแคทแล้วก็ไม่ค่อยเห็นผลมากเท่าไรเพราะไม่มีทางกั้นไอเสียตามหลักแล้วทางไหนโล่ง flow มันก็วิ่งไปทางนั้นหละท่อ EGR ไม่ถึงนิ้วไอเสียวนกลับคงมีน้อย
-ลดอุณภูมิห้องเผาไหม้ได้เล็กน้อยเพราะเป็นตัวไปลดสัดส่วนของ O2 ที่จะเผาไหม้ด้วยการเอาไอเสียเข้าไปผสมด้วย
บันทึกการเข้า
sang2012
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60



« ตอบ #13 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 04:11:15 pm »

ผมไม่อุดครับ   เพราะเครื่องยนต์รุ่นนี้อ่านๆดูกระทู้เเล้ว  ปัญหาเครื่องยนต์ก็ไม่เบา 
ไม่อยากถอดเข้าถอดออกหลายรอบ
 ปัญหาเกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ รู้เหมือนเป็ด  เดี๋ยวเจอศูนย์เขี้ยวๆ มันจะเล่นเเง่เอา


ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ pajero ผมใช้ triton มา 6 ปี ตอนแรกผมไม่ได้อุด EGR ใช้รถไปประมาณ 60000 โลรถอืดกินน้ำมันเพราะท่อร่วมไอดีเกิดเขม่าสะสม รถวิ่งไปเกิด engine code show P0107 MAP senser low signal (สัญญาณจากตัววัดแรงดันอากาศที่ท่อร่วมไอดีต่ำ) เข้าศูนย์ไปศูนย์บอกว่า MAP senser เสียต้องเปลี่ยนราคาประมาณ 4000 บาทแต่เรายังอยู่ในระยะประกันเครมได้ ซึ่งผมก็บอกว่าถ้าฟรีก็เปลี่ยนไปลองคิดดูนะครับถ้ารถเราหมดประกันแล้วตรงนี้เราต้องจ่ายเอง หลังจากเปลี่ยนเสร็จผมก็ขับรถจากระยองไปที่โคราช มันก็ show engine code P0107 มาอีกรอบผมเลยไปหาเพื่อนที่เป็นช่างซ่อมรถแทรกเตอร์แล้วก็เริ่มเปิดดูท่อยางที่ต่อเข้าลิ้นปีกผีเสื้อแล้วลองส่องไฟฉายเข้าไปตรงจุดที่ ระบบ EGR ต่อเข้ามาร่วมกับท่อร่วมไอดีปรากฎาว่าสิ่งที่เจอเป็นเขม่าดำพอกหนามากผมเลยจัดการ DIY ล้างท่อร่วมไอดีและลงไว้ให้พี่น้อง thaitritonclub ไว้ดูที่ห้อง DIY ในตอนนั้นเป็นคนแรกที่มีการถอดและแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่มันสะสมมาหลังจากที่เราใช้รถมา 60000 Km หลังจากทำความสะอาดแล้วรถก็กลับมาวิ่งดีเหมือนตอนออกรถมาแรกๆ
      การอุดหรือไม่อุดก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละคนนะครับถ้าไม่อยากอุดเพราะกลัวหมดประกันลองคิดเผื่อตอนหมดระยะประกันแล้วเราต้องเสียค่าบำรุงรักษาเองเอานะครับ
-ศูนย์มิตซูหรือศูนย์บริการเกือบทุกยี่ห้อเป็นประเภทศูนย์เปลี่ยนไม่ใช่ศูนย์ซ่อมต้องโดนเปลี่ยน MAP sensor แน่ๆ ราคาประมาณ 4000 บาท
-เมื่อเปลี่ยนแล้วยังเกิดอีกทีนี้จะมาเสียค่าแรงถอดล้างอีกรอบละประมาณ 2500 บาท
-ใครอยากจะอุดเพราะคิดว่ามันจะแรงขึ้นไม่ต้องไปทำแต่ถ้าคิดว่ามันจะรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้มีกำลังพอๆกับที่ออกมาวันแรกๆก็จัดไป(กำลังเครื่องยนต์มันก็จะตกลงตามกาลเวลาและการสึกหรอนะครับไม่ได้มีค่าเท่าเดิมตลอด)
      ข้อดีของการไม่อุด
-ลดปริมาณก๊าซไอเสียที่ปล่อยออกทางท่อไอเสียได้บางส่วนถ้าใครไปทะลวงแคทแล้วก็ไม่ค่อยเห็นผลมากเท่าไรเพราะไม่มีทางกั้นไอเสียตามหลักแล้วทางไหนโล่ง flow มันก็วิ่งไปทางนั้นหละท่อ EGR ไม่ถึงนิ้วไอเสียวนกลับคงมีน้อย
-ลดอุณภูมิห้องเผาไหม้ได้เล็กน้อยเพราะเป็นตัวไปลดสัดส่วนของ O2 ที่จะเผาไหม้ด้วยการเอาไอเสียเข้าไปผสมด้วย

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
sang2012
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60



« ตอบ #14 เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 04:19:26 pm »

ไม่เคยใช้รถดีเซลครับ น้องใหม่คันแรกยังไม่ถึง 500 กม.
ขอแบบจริงใจฟันธงได้ไหมครับ ว่าอุดหรือไม่อุด
อุดแล้วประกันหลุดไหม
ตามรูปที่ป๋าๆแนบมา ถ้าไม่อุดจะเป็นแบบนี้ทุกคันไหม
 

เรื่องอุดตามที่ป๋าบางท่านบอกครับ  นานาจิตตัง

ผมเคยถามศูนย์ ถ้าอุด ศุนย์บอกประกันทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นเครื่องยนต์ครับ  
ถ้าศูนย์ไหนเเนะนำให้อุดผมคิดว่าผิดกฎที่ระบุไว้ในคู่มือที่เราตกลงไว้กับ  MMTH ตอนซื้อครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 22, 2012, 04:22:31 pm โดย sang2012 » บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 21 คำสั่ง