รถผ่อนไม่หมดแล้วหายในห้าง ฟ้องคดีแบบไหนแพ้ แบบไหนชนะ? ไม่มีใครอยากโชคร้าย ไม่มีใครอยากเสียทรัพย์ แต่เมื่อรถยนต์ที่ขับไปจอดในห้างสรรพสินค้า รับบัตรรับฝากรถ
แล้วเข้าไปจอดในห้าง ซื้อของเสร็จเดินออกมา รถหาย ในใบรับฝากก็เขียนไว้ว่า "ไม่รับผิดชอบ".... รถยังผ่อนไม่หมด
มีเพื่อนที่รถเคยหายไปฟ้องคดี ฟ้องห้างที่ให้บัตรจอดรถว่าเป็นการรับฝากรถแล้วแพ้คดี แบบนี้ก็เสียเปรียบสิ
.... ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่ารู้ ถ้าคุณไปซื้อของในห้างแล้วรถหาย คุณมีหลักฐานใบรับฝากรถ ใบเสร็จรับเงินที่ซื้อของในห้าง
และมีภาพวิดีโอวงจรปิดชัดเจนว่า รถที่หายเป็นรถของคุณ แต่ถ้าร่างคำฟ้องผิด ศาลก็ยกฟ้อง เจ้าของรถไม่ได้รับค่าชดใช้เลย
ทั้งๆที่เป็นความรับผิดชอบของทางห้างและผู้ดูแลฝากรถ มีแง่มุมทางกฏหมายตรงไหนมั่ง คุณวิพิศ มหาสารคาม ฝากประเด็นนี้มาเผยแพร่ครับ
สำหรับเรื่องรถหายนี้ มีข้อมูลที่ถูกเผยแพร่ในกระดานข่าว และ forward mail ต่อๆกันว่า
".......ถ้าหากเราเกิดรถหาย/ถูกทุบในห้างสรรพสินค้า.....
ต้องเข้าไปซื้อของในห้างและเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐานว่าเราเป็นลูกค้ามาใช้บริการของห้างฯ
แนะนำว่าควรเป็นการซื้อในห้างโดยตรง ไม่ใช่ร้านค้าที่มาเช่าพื้นที่เพื่อความชัดเจน/แน่นอนของหลักฐาน
แล้วก็ฟ้องร้องผ่านสคบ. ไม่ว่าห้าง/โรงแรมจะให้บัตรจอดรถหรือไม่ หรือเขียนไว้ว่าไม่รับผิดชอบ ทุกคดีที่มีหลักฐานชัดเจน
อย่างนี้ชนะหมดเลย.."
ดูคำพิพากษาของศาลตัดสินให้ห้างต้องชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีรถหายในห้าง คำพิพากษาฎีกาที่ 4223/2542
".....การที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 ไม่ระมัดระวังตรวจบัตรจอดรถโดยเคร่งครัด
อันเป็นการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการโจรกรรมรถยนต์ เป็นผลโดยตรงทำให้รถยนต์ของ ส. ซึ่งเอาประกันภัยไว้ต่อโจทก์ถูกลักไป
และเป็นการประมาทเลินเล่อ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อ ส. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 420 การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำไปใน
ทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ดังนั้น จำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นลูกจ้างของ
ตนในผลแห่งละเมิดต่อ ส. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 425 ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการมอบหมายให้จำเลยที่ 1
เป็นตัวแทนดูแลรักษาความเรียบร้อยและปลอดภัยในบริเวณลานจอดรถของศูนย์การค้า ดังกล่าว
จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งตัวแทนของจำเลยที่ 2 ได้กระทำไปในทางการที่มอบหมายให้ทำแทนนั้น
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 427 ประกอบด้วยมาตรา 420 จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดต่อโจทก์....."
** ไม่ว่ารถหาย หรือถูกทุบกระจกเอาทรัพย์สินในรถไป ก็ฟ้องห้างให้รับผิดร่วมกับบริษัทยาม ร่วมกันชดใช้ให้เราได้ครับ
สำหรับเรื่องการต้องฟ้องร้อง ขึ้นศาล หลายคนไม่อยากเสียเวลาทำมาหากิน คิดไปไกลว่า กว่าศาลจะมีคำสั่งให้จำเลย
ชดใช้ค่าเสียหาย จะใช้เวลานานแค่ไหน แต่เรื่องนี้ ถ้าฟ้องแล้วชนะ และได้รับค่าชดเชย ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
และรถที่กำลังผ่อนอยู่ ไม่ใช่คันละบาท 2 บาท
คดีรถหายในห้าง เกิดขึ้นบ่อย จนทำให้ทางห้าง เขียนกำกับไว้ในบัตรจอดรถว่า "ไม่รับผิดชอบในกรณีที่ทรัพย์สิน
สูญหายหรือความเสียหายใดๆทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นกับตัวรถ"แล้วก็นำมาใช้อ้างเพื่อต่อสู้คดี ดังนั้นจึงต้องต้องคดีเอา
แต่คนที่ฟ้องแล้วแพ้ ไม่ได้รับค่าชดเชยจากห้างสรรพสินค้าก็มีเหมือนกันนะครับ
*** คดีถ้าคุณตั้งเรื่องฟ้องห้างที่ให้บัตรจอดรถว่า
เป็นการรับฝากรถคุณก็จะแพ้คดีตั้งแต่ร่างคำฟ้อง
เพราะคดีแบบนี้ฟ้องฝากทรัพย์ศาลยกฟ้อง
แต่ถ้าฟ้องละเมิด ศาลจะพิพากษาให้ห้างชดใช้
กรณีแบบนี้จะขึ้นกับพยานหลักฐานด้วย ซึ่งทนายความจะให้คำปรึกษาอย่างละเอียด
* * การรับบัตรจอดรถ ก็มิได้เป็นสัญญาฝากทรัพย์อย่างที่หลายคนเข้าใจเช่นกัน
สัญญาฝากทรัพย์ คือ ส่งมอบการครอบครอง เช่น มอบกุญแจให้ เหมือนอย่างในโรงแรมบางแห่งจะให้ลูกค้า
ที่มาพักส่งมอบกุญแจให้ เพราะเค้าจะได้ดูแลได้อย่างเต็มที่
ส่วนห้างมีที่จอดรถ โดยให้รับบัตรหรือไม่ ก็ไม่เป็นการรับฝากรถ หรือ เกิดสัญญาฝากทรัพย์ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเข้าเงื่อน
ไขในเรื่องละเมิด คือ ห้างและยามประมาทเลินเล่อ ให้ทรัพย์สินเราเสียหาย หรือ สูญหาย
ดังนั้น คดีแบบนี้ ต้องฟ้องแบบละเมิด ถึงจะชนะคดีความ!!! ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องทางแพ่ง(เรียกร้องค่าเสียหาย) ไม่ใช่ทางอาญา(จำคุก) ต้องให้ทนายความรวบรวมพยานหลักฐานแล้วยื่นฟ้อง
จะเป็นผิดสัญญาฝากทรัพย์หรือเป็นเรื่องละเมิดอันนี้ลองปรึกษาทนายความดูอีก ครั้ง เพราะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานด้วย
เมื่อฟ้องศาลให้ทางห้างชดใช้แล้ว เรื่องผ่อนรถที่ต้องชำระเงินทุกเดือนนั้น
ถ้าไม่ชำระเงินต่อ ทางบริษัทจะเลิกสัญญาเช่าซื้อรถ และจะมายึดรถไป
ถ้าไม่มีรถคืนให้ บริษัทจะเรียกร้องให้ชดใช้เงินแทน
ถ้าเราไม่ชดใช้เงิน ทางบริษัทก็มีสิทธิฟ้องและเรียกดอกเบี้ยระหว่างผิดนัด
---- จำนวนหนี้ยิ่งสูงขึ้น !!!!!!
หากหลายคนคิดแบบง่ายๆ ไม่อยากขึ้นศาล ไม่อยากยุ่งเรื่องคดีความ แต่จะต้องยุ่งยากกับจำนวนหนี้ที่สูงยิ่งขึ้น
หากคิดให้รอบคอบ
ถ้าฟ้องคดีชนะกับทางห้าง ค่าเสียหายที่ได้รับก็จะนำมาใช้ในการชำระหนี้ได้ รวมทั้งถ้ามีเหลือก็นำไปผ่อนรถใหม่ได้อีกครับ
http://mblog.manager.co.th/bonkalasin/th-53893/