Languages
หน้า: 1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขับมาหมื่นสี่พันโลครบ6เดือนพอดี เริ่มมีปัญหาแล้วครับเจ้าขาวเข้มผม  (อ่าน 6028 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
CHINDANAI
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135


อีเมล์
« ตอบ #15 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2013, 10:20:51 pm »

/// ตอนนี้เจอปัญหา กระจกประตูฝั่งคนขับกดไม่ออโต้ครับ. ต้องแช่ไว้ เวลากดขึ้น แช่ไว้มันจะหยุดสะดุด ต้องปล่อยปุ่ม กดใหม่ ประมาณ3ครั้งถึงจะขึ้นสุด
ก่อนหน้านั้น กดลงออโต้ไม่เป็นไร แต่กดออโต้ขึ้น จะขึ้นมาประมาณคืบนึง แล้วเด้งกลับ. ตอนนี้ ต้องกดแช่ตลอด กลัวว่าจะแจ๊คพอต กดไม่ขึ้นวันฝนตกล่ะงานงอกเลย
   ทำไงดี เข้าศูนย์ไหนดีครับ เมื่อเช้าเข้าศูนย์อยุธยา บอกต้องทิ้งรถไว้
-อาการเหมือนมอเตอร์เสีย

///  โช๊คหลังรั่วไปเรียบร้อยโรงเรียนปาเจโรแล้วครับ. เมื่อวานไปสลับยาง ช่างเรียกให้ดู. เยิ้มเชียว ไม่ใช่จารบีแน่นอน
-ผมใช้ profender ราคาไม่เเพง ดีกว่าเดิมเยอะ
///. อีกอย่าง. บางครั้งเร่งไม่ออกครับ มีแต่รอบ ดังสนั่นเลย รถไหลอย่างเดียว เกือบหยุด. เกิดจากอะไรครับ เหมือนเร่งแล้วมันว่าวๆ ไงไม่รู้
- การจูนกล่องเกียร์ให้ได้ผล ต้องพร้อมทั้ง software เเละ hardware เบื้องต้นดูระดับน้ำมันเกียร์ให้ได้ระดับ   หรือใช้ + , -  ช่วยครับ


*******ข้อมูลเรื่องเกียร์ จากเว็บ sanook.com*******
ทุกวันนี้เราต้องยอมรับครับว่า รถยนต์นั้นก้าวล้ำไปอย่างมาก และด้วยเทคโนโลยีที่เปี่ยมล้นไปอย่างมากมายในปัจจุบันนั้น ทำให้คนจำนวนมากลืมคิดถึงชิ้นส่วนสำคัญๆ อย่างคลัทช์ ที่แม้ปัจจุบัน รถยนต์จะเป้นระบบเกียร์อัตโนมัติ แต่คลัทชืที่อยู่ในทุกส่วนที่ต้องถ่ายทดกำลังยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญเสมอ

เมื่อพูดถึงคลัทช์แล้ว เราหลายคนคงไม่เคยอาการคลัทช์หมด ที่นับว่าเป้นเรื่องใหญ่พอๆกับเครื่องฮีท ซึ่งทำให้รถไม่สามารถไปต่อได้ และนอกจากคลัทช์จะทำให้รถไม่สามารถขับต่อไปได้แล้ว ยังอาจทำให้ระบบเกียร์พังคาที่ถ้าคุณรู้เท่าไม่ถึงการณ์



แน่นอนของทุกอย่างมันมีสัญญาณบอกลางร้ายก่อนที่มันจะเกิดขึ้นเสมอเพียงแต่คุณจะใส่ใจมันหรือไม่ แต่ถ้าตอนนี้คุณใช้รถมือสอง หรือรถที่มีอายุนานกว่า 10 ปี มีระยะทางผ่านมาแล้ว 1.5-2 แสนกิโลเมตร ไม่ว่าจะเกียร์ธรรมดา หรือเกียร์อัตโนมัติ ...นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการตรวจเช็คคลัทช์

การตรวจเช็คคัลทช์นั้นไม่ยากและสามารถทำได้ด้วยตัวโดยไม่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่คุณต้องจับความรู้สึกให้ได้ว่ารถคุณกำลังต้องการจะบอกอะไร แล้วลองทำตามดังนี้

1 .คลัทช์ลื่น นี่เป็นอาการเริ่มต้นที่คุณควรจะสนใจและมันเป้นลางร้ายที่บอกคุณก่อนที่คลัทช์ของคุณจะหมด อาการคลัทช์ลื่นนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ ใน 2 กรณี คือ 1 คลัทช์ใกล้หมด ซึ่งมีสาเหตุใหญ่มาจากผ้าคลัทช์ที่เริ่มบาง และ 2.เครื่องมีกำลังเกินกว่าที่คลัทช์ จะรับได้ ซึ่งมักจะพบในรถยนต์กลุ่มที่มีการโมดิฟายเครื่องยนต์เท่านั้น

หากรถคุณไม่ได้โมเครื่อง แน่นอนว่า นี่เป็นสาเหตุของอาการคลัทช์ใกล้หมดที่เริ่มบ่งชี้อาการว่ารถของคุณกำลังไม่ปกติ



2.ความเร็วลดลงในรอบเครื่องเท่าเดิม บางครั้งในรถยนต์บางรุ่น คุณอาจไม่พบอาการคลัทช์ลื่นก็เป้นไปได้ และ นี่อาจเป้นอาหารที่ 2 ที่คุณอาจ โดยเฉพาะ ในรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ที่ยากมากที่คุณจะสังเกตอาการคลัทช์ลื่น บางครั้งถ้าคุณพบว่าที่ความเร็วเท่าเดิม แต่ใช้รอบเครื่องสูงขึ้นกว่าเดิม หรือรอบเครื่องเท่าเดิม แต่ได้ความเร็วต่ำกว่าที่เคยทำได้ นั่นก็เป็นอาการหนึ่งของคลัทช์ลื่นที่ช่วยเตือนคุณก่อนคลัทช์จะหมด

3.ขึ้นเนินชันได้ช้ากว่าปกติ บางครั้งทั้ง 2 อาการ ขั้นต้นคุณอาจจะยังไม่พบ แต่ถ้าคุณสามารถสังเกตได้ว่า รถเริ่มไต่เนินได้ช้า หรือต้องลดจังหวะเกียร์เพื่อขึ้นเนิน ทั้งๆที่ เมื่อก่อนไม่จำเป็นนั้น นี่เป็นอาการเริ่มต้นของอาการคลัทช์บาง ที่เป็นต้นเหตุอาหารคลัทช์หมด



อาการทั้ง 3 นี้คุณสามารถสังเกตได้และมักตบ ถ้ารถคุณเริ่มมีอาการคลัทช์ใกล้หมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามปกติแล้วคลัทช์ 1 ชุดจะมีอายุการใช้งานที่ 150,000-200,000 กิโลเมตร หากคุณต้องการให้คลัทช์ใช้งานได้นานๆ ควรจะต้องรู้จักวิธีการใช้คลัทช์ให้ถูกต้อง

1. อย่าเลี้ยงคลัทช์ หลายคนมักนิยมเหยียบแช่คลัทช์ หรือที่เราเรียกกันว่า เลี้ยงคลัทช์ โดยเฉพาะใครก็ตามที่นิยมขับรถในเขตเมืองการเหยียบคลัทช์แช่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และสำหรับเกียร์อัตโนมัติ นี่คือคำตอบที่ดีสำหรับ ใครที่ถามว่าทำไมต้องเปลี่ยน D เป็น N ทั้งๆที่ติดไม่นาน เพราะในเจ้าตัว Torque Convertor นั้น มันก็มีคลัทช์เช่นกัน

2.อย่าเหยีบยคลัทช์โดยไม่จำเป็น ตามปกติแล้ว คลัทช์เราจะต้องใช้งานมันนั้นก็ต่อเมื่อ เราต้องการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวที่เราจะใช้ ดังนั้นใครที่ใช้คลัทช์บ่อยๆโดยไม่จำเป็น ก็จะทำให้คลัทช์หมดไว



3.อย่าพักเท้าที่คลัทช์ หลายคนมักจะชอบพักเท้ารอที่คลัทช์ เพื่อรอจังหวะเปลี่ยนเกียร์ แต่ความจริงแล้วมันเป้นพฤติกรรมที่ผิดเพราะเพียงน้ำหนักนิดเดียวที่กฏลงแป้นก็อาจทำให้จานกดคลัทช์หนีห่างจากฟลายวีล และทำให้คลัทช์สึกหรอมากกว่าปกติได้

4. หลีกเลี่ยงการทำคลัทช์ไหม้ นี่เป็นเรื่องที่ต้องจำเอาไว้เลยสำหรับขาลุยที่ชอบเฮอาตามต่างจังหวัด การขับรถทางไกล โดยเฉพาะใครที่ขึ้นเขาลงห้วยบ่อยๆ พยายามหลีกเลี่ยงการทำคลัทช์ไหม้ให้ดี เพราะการทำคลัทช์ไหม้นี้จะทำให้หน้าสัมผะสของคลัทช์ เสื่อไวกว่าปกติ และท้ายที่สุด มันก็นจะเป็นอาการเรื้อรังไปถึงคลัทช์หมด



ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของคลัทช์ ที่เราอยากให้คุณ รุ้ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกับใครก้ตามที่ไม่เคยได้มีโอกาสสังเกตรถที่ใช้งานทุกวัน สุดท้าย เราอยากให้กฏข้อหนึ่งไว้ว่า "เราดุแลรถ แล้วรถจะดูแลเรา" และมันจะไม่งอแงยามที่คุณเรียกใช้

 

Sanook! Auto Comment

 

อาการคลัทช์หมดนี้ปัจจุบันหลายคนไม่ทราบจริงๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังพูดถึงรถระบบเกียร์อัตโนมัติที่ก็มีคลัทช์ทำงานอยู่ข้างในเช่นกัน ความจริงเสียจองรถมักจะมีอาการเตือนล่วงเพียงแต่มันก้ขึ้นอยู่กับว่า คุรจะใส่ใจมันหรือเปล่าก็แค่นั้นเอง

 

 

 

 

 


สงสัยในข้อ 1 จริงๆ ทำไมต้องเปลี่ยนเกียร์ D เป็น N แม้รถหยุดไม่นาน คือว่าจากการศึกษาหาข้อมูล การใช้เกียร์อัติโนมัติมา ยังไม่เห็นสำนักใหนเค้าบอกซักที ว่าให้เปลี่ยนเกียร์ D เป็น N หรือ D เป็น P ขณะที่รถติดไม่นานหรือติดไฟแดง ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆที่จะทำให้เกียร์ของเราพัง มีแต่แนะนำให้ใช้เบรค หรือ เบรคมือ จะดีกว่า
คำถามครับ
ระหว่าง คลัทช์ กับ ชุดเกียร์(ออโต้)   เปลี่ยนอันใหนแพงกว่ากันครับ(คือถ้าเกียร์พัง คงต้องยกทิ้งทั้งลูก)แต่คลัทช์ เปลี่ยนได้ใช่ใหมครับ
ป๋าๆท่านใดมีคำแนะนำมั้ยครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
ขาวเข้ม
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 108



« ตอบ #16 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2013, 02:36:13 pm »

ขอบคุณทุกๆคำตอบครับพี่ๆ สาธุ

คืบหน้า เมื่อเช้าแวะเข้าไปศูนย์ที่อยุธยาตรงสายเอเชีย เห็นฝนตก คนน่าจะน้อย

1.เรื่องกระจก กด ออโต้ ไม่ขึ้น ช่างตรวจสอบแล้ว แจ้งว่า กระจกสกปรก มีฝุ่นผงมาติดในร่องรางกระจก ทำให้ กระจก กด ไม่ขึ้น
.....แก้ไขโดยใช้ น้ำยาอะไรซักอย่าง(ดูจากชั้นสองห้องพักลูกค้าไม่ถนัด) ฉีดเข้าไปในร่องรางกระจก อาการดังกล่าวก็หายไป ต้องรอดูตอนต่อไป ว่าจะค้างอีกเปล่า?
2. เรื่องโช๊คหลังรั่ว อย่างฮา (ฮาทั้งน้ำตา) ช่างแจ้ง บอกว่า ไม่รั่ว มันเป็นคราบน้ำมัน จารบี (พูดตามสคริปท์เคลมโช๊คเป๊ะ)
ทางช่างได้ตรวจสอบเช็คค่าความหนืดแล้ว ยังอยู่ในระยะ

.....ช่างได้ตรวจสอบยังไง ทราบมั๊ยครับ ตรวจสอบเช็คค่าความหนืด (ผมแอบดูอยู่ข้างบน แง้มผ้าม่านดูตั้งแต่ต้นแล้ว มารอบนี้ มีเอาเคเบิ้ลไทล์ล๊อกสายปรับผ้าม่านด้วย สงสัยกลัวลูกค้าดู )
      ช่างเอารถผมขึ้นฮ้อยท์ แล้วเอามือทั้งสอง จับตรงบันได แล้วโยกรถสองสามครั้ง เอาฮอยท์ลง จบ เสร็จวิธีตรวจสอบเช็คค่าความหนืดแล้ว

หลังจากนั้นนำรถมาส่งบอกโช๊คไม่เป็นไร เสียดายผมถ่ายคลิปไว้ไม่ทัน เพราะมันเร็วมาก ไม่งั้นจะแย้งกับพนักงานที่เรียกผมไปรับรถ เลยปล่อยให้มันโม้ไป เพราะกะอยู่แล้วมันต้องมามุขนี้

  ก็ยอมรับรถกลับออกมาแบบโง่ๆ เดี๋ยวถ้ายังไม่เปลี่ยน แล้วมันแตกกระจาย จะเอาไปให้มันดูว่าจารบีอีกเปล่า ดูดิ่ว่ามันจะมีมุขไหนอีก
บันทึกการเข้า
ปาอ้วน
Phuket No.1749
Jr. Member
**

like: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 518


ปาบลูน้อย อันดามัน

nake74@hotmail.com
« ตอบ #17 เมื่อ: มิถุนายน 29, 2013, 11:17:52 am »

ผมต้องการความสวยงามของรองเท้าน้องปา...จึงเปลี่ยนล้อและยางไม่สนใจในการเคลมเลยครับ พร้อมกันนั้น เปลี่ยนโช็คซะเลยตั้งแต่ยังไม่รั่ว แถมกันโคลงเพิ่มเข้าไปอีก ขอเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่เอง ดีกว่ามานั่งหวาดหวั่น..

 
Smiley ป๋าพงษ์ครับ profender กี่ต้นครับ ต้องเปลี่ยนสปิงด้วยมั๊ย?
บันทึกการเข้า

ที่นี่!..มีเพื่อน!
หน้า: 1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 21 คำสั่ง