การตั้งศูนย์บ่อยหรือไม่บ่อย ไม่เกี่ยวกับขนาดล้อครับ เพียงแต่ว่า ถ้าใส่ล้อ 20 นิ้วแล้ว แก้มยางจะเตี้ยลง เมื่อเราขับขี่ในพื้นผิวขรุขระมาก ก็จะมีแรงสะเทือนมาก อาจทำให้ศูนย์เคลื่อนได้ แต่ถ้าขับขี่ปกติ รถไม่ดึงซ้าย ดึงขวา ไม่มีอาการกินยาง ก็ไม่จำเป็นต้องตั้ง แค่เช็คศูนย์ตามระยะ ทุก 20,000 โล ก็เพียงพอแล้ว
ส่วนเรื่องถ่วงล้อ ต้องแยกจากกัน บางคนชอบพูดติดกัน "ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ" ได้ยินบ่อยๆเขา เลยคิดว่าคืองานเดียวกัน ต้องทำคู่กัน แต่ที่จริงแล้ว คนละงานกันเลย การถ่วงล้อ ใช้ในกรณีล้อไม่สมดุล เช่น เปลี่ยนยางมาใหม่ มีการปะยางเกิดขึ้น ทำให้สมดุลของล้อเปลี่ยนไป หรือมีอาการล้อแกว่ง หรือเมื่อใช้ยางมาระยะเวลาหนึ่ง ดอกยางเกิดการสึกไม่สม่ำเสมอ ล้อจะแกว่งและสั่น ก็ต้องถ่วงล้อตามระยะที่กำหนด ซึ่งคนมักจะทำในคราวเดียวกับการตั้งศูนย์ เลยชอบเรียกติดกันว่า ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
ผมถามนิดนึงครับป๋า รถผมขับแล้วปล่อยมือมันจะค่อยๆออกทางซ้าย แต่ไม่ทันทีนะครับ ค่อยๆ อย่างนี้แสดงว่ารถมผมกินซ้ายแล้วใช่ไหมครับใช่ครับ อาการแบบนี้แสดงว่า รถกินซ้าย
แต่ต้องลองทดสอบบนถนนหลายๆ สาย เพราะถนนส่วนใหญ่ในประเทศไทย มักสร้างเป็นหลังเต่า คือ ให้น้ำฝนไหลลงซ้าย-ขวา (ทางหลวงเส้นต่างจังหวัด เป็นหลังเต่าทั้งสิ้น) ที่นี้พอเราตั้งศูนย์ล้อตรง แล้วปล่อยมือ รถเลยค่อยๆ เลี้ยวลงถนน เพราะถนนมันเอียงนั่นเอง ต้องลองดูบนถนนคอนกรีต ที่ได้ระดับ แล้วลองขับดู ว่าเป็นมั๊ย ถ้ายังเป็นอีก ก็แสดงว่ากิน ต้องไปตั้งศูนย์ครับ แต่ถ้าตั้งร้านเดิมแล้ว ไม่หาย หรือใช้ไปสักพักก็กินอีก ก็ต้องลองเปลี่ยนร้าน เพราะงานตั้งศูนย์นี้ เป็นงานใช้ประสบการณ์ หาช่างตั้งเก่งๆยาก ไม่ใช่ว่าจะตั้งตามคอมฯ กำหนดอย่างเดียว บางร้านตั้งจบ บ้างร้านตั้งไม่จบก็มีครับ
หรือวิธีเช็คที่แน่นอนที่สุด แต่ยุ่งยาก และเสียตังค์ คือ ไปสถานตรวจสภาพรถ ตรอ. ที่มีเครื่องเช็คศูนย์รถ ที่เป็นลูกกลิ้ง เขาจะเอารถเราขึ้นลูกกลิ้ง แล้ววิ่งปล่อยมือ รถจะต้องดึงซ้าย ขวา ไม่น้อยกว่ากี่องศา / ก.ม. จึงจะผ่านมาตรฐาน จะปริ๊นท์กระดาษให้เราดูเลย มีทั้งแรงเบรกทั้ง 4 ล้อ ทั้งเบรกเท้า เบรกมือ ทั้งศูนย์รถ ฯลฯ ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็เอาไว้ดูเล่นเพลินๆ ดี ครั้งละไม่ถึง 500 บาทครับ