Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กฎหมายกับการแต่งรถ ลองดูครับ  (อ่าน 13768 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Juonmgt
Newbie
*

like: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 139


รณรงค์ให้คนรักน้องปาขับรถอย่างมีน้ำใจ


อีเมล์
« เมื่อ: กันยายน 06, 2013, 11:41:33 am »

ติดไฟเดย์ไลท์ จะถูกจับหรือป่าว

             ไฟเดย์ไลท์ หรือ Daytime Running Light คือ ไฟLED สีขาวที่จะสว่างทันทีที่สตาร์ทรถเพื่อความปลอดภัยและเป็นที่สังเกตุเวลาขับตอนกลางวันเท่านั้น ดังนั้นไฟเดย์ไลท์จึึงจะปิดอัตโนมัติทันทีที่เราเปิดไฟหรี่หรือไฟหน้าปกติ
             ซึ่งเริ่มใช้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศที่เจริญแล้ว อย่าง เยอรมัน และ ญี่ปุ่น ซึ่งรถรุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นก็ได้มีการติดตั้งจากโรงงานมาเลย (อารมณ์เดียวกับให้มอเตอร์ไซค์ที่รณรงค์ให้เปิดไฟขี่ตอนกลางวัน) แม้ไฟเดย์ไลท์นี้จะสว่างมากก็จริงแต่ไม่เหมาะที่จะเป็นไฟนำทางตอนค่ำเนื่องจากตอนค่ำไม่มีแสงอาทิตย์มาคานแสงของไฟเดย์ไลท์ กล่าวคือหากเปิดไฟเดย์ไลท์ตอนกลางคืนจะสว่างจนเป็นอันตรายกับรถคันอื่นได้  เพราะตอนค่ำแค่แสงไฟจากไฟหน้าธรรมดาก็เหมาะสมกับการขับขี่ที่สุดแล้วครับ

             การติดตั้งโคมไฟหน้ารถเป็นไปตามที่กฎกระทรวงว่าด้วยเรื่องโคมไฟหน้ารถกำหนดก็ไม่ผิดกฎหมาย  (กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ.2522) พ.ร.บ.จราจรฯ  , กฎกระทรวงฉบับที่ 22 (พ.ศ.2537) พ.ร.บ.รถยนต์ฯ ) ส่วนการนำรถเข้ามาจากต่างประเทศนั้นต้องนำรถไปตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อตรวจสภาพหรือทำการแก้ไขให้เป็นไปตามที่กฎกระทรวงเรื่องโคมไฟหน้ารถกำหนดไว้ ส่วนการเปิดไฟไม่ว่าตอนกลางวันหรือกลางคืนหากจำนวนวัตต์เกินกว่า 50 วัตต์ หรือกรณีที่ความส่องสว่างของโคมไฟมากกว่าที่กำหนดในกฎกระทรวง ก็มีความผิด  สรุป คือ อยู่ในดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ขนส่งอีกแล้วครับท่าน


ติดฟิลม์กระจกรถ 60% หรือ ติดฟิล์มที่เคลือบปรอทจะโดนจับไหม

            มีการประกาศยกเลิกกฎหมายฟิล์มกรองแสงไปตั้งแต่ปี 2543 แล้วครับ ดังนั้นจะมืดแค่ไหนก้อไม่มีใครห้าม
 แต่ควรดูด้านความปลอดภัยในการขับขี่ ส่วนฟิลม์ปรอท มันคือฟิลม์ที่มีโลหะฉาบอยู่ มีลักษณะสะท้านแสงเหมือนกระจกถ้ามีน้อยๆ
 สะท้อนแสงน้อยๆ ไม่เป็นไรแต่ถ้ามีเยอะๆ สะท้อนแสงเยอะ  จะเข้าข่ายการติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่มีการสะท้อนแสงสูง
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ว่าด้วยเรื่องของส่วนควบที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเรื่องของฟิลม์กรองแสงติดกระจกรถยนต์
http://www.vigothailand.com/board/index.php?topic=190363.0

ฝากระโปรงหน้า–หลังดำ ฝากระโปรงไฟเบอร์ หรือลายคราฟล่า ที่เขาว่าผิด ผิดข้อไหน

เปลี่ยนฝากระโปรงไฟเบอร์ถ้าทำเป็นสีเดียวกับสีรถ ที่จดทะเบียนไว้ถือว่าไม่ผิด
แต่ถ้าเปลี่ยนสีฝากระโปรงเป็นสีดำ หรือสีอื่น ที่ไม่ตรงกับสีตัวรถเจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามกฎที่ว่า รถยนต์ที่จดทะเบียนจะมีการระบุสีตัวรถไว้อย่างชัดเจนไม่รวมสีของกันชนรถ โดยสีอื่นต้องมีไม่เกินครึ่งหนึ่งของสีหลักที่จดทะเบียนไว้ เช่นในกรณีรถระบุไว้ในทะเบียนว่าเป็นสีขาวแต่ฝากระโปรงหน้าเป็นสีดำ เจ้าหน้าพินิจแล้วไม่เกินครึ่งหนึ่งก็ถือว่าไม่ผิด แต่พินิจว่าผิดก็ถือว่าผิดได้เช่นกัน (การพินิจหมายถึง การใช้หลักพิจรณาในแต่ละบุคล) แต่ถ้าดำทั้งฝากระโปรงหน้าและหลัง ส่วนมากจะพินิจว่าผิด เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของสีหลัก ซึ่งเจ้าของรถต้องนำรถเข้าไปแจ้งเปลี่ยนสี ว่าเป็นรถสองสี (ทูโทน) กับกรมขนส่งทางบกเสียก่อน ถ้าไม่แจ้งก็อาจต้องโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

***การจดทะเบียนเปลี่ยนสีรถให้ถูกต้องตามกฎหมาย
หากคุณต้องการเปลี่ยนสีรถยนต์ให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วละก็ สามารถทำได้ไม่ยากครับ เพียงแค่ไปจดแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ที่กรมขนส่งทางบก ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โดยตามกฎหมายมีข้อกำหนดว่าหากการเปลี่ยนสีรถยนต์มีมากกว่า 20% ของพื้นที่สีรถทั้งหมด เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ต่อกรมขนส่งทางบก แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนสีเฉพาะส่วน โดยมีพื้นที่ไม่ถึง 20 % ของพื้นผิวรถยนต์ ก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งครับ เช่นการเปลี่ยนสีเฉพาะส่วน หลังคา , ฝากระโปรงหน้า แบบนี้ไม่ถึง 20% ไม่ต้องจดแจ้ง
ฝากระโปรงหน้า–หลังดำ ฝากระโปรงไฟเบอร์ ที่เขาว่าผิด ผิดข้อไหน เปลี่ยนฝากระโปรงไฟเบอร์ถ้าทำเป็นสีเดียวกับสีรถ ที่จดทะเบียนไว้ถือว่าไม่ผิด แต่ถ้าเปลี่ยนสีฝากระโปรงเป็นสีดำ หรือสีอื่น ที่ไม่ตรงกับสีตัวรถเจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามกฎที่ว่า รถยนต์ที่จดทะเบียนจะมีการระบุสีตัวรถไว้อย่างชัดเจนไม่รวมสีของกันชนรถ เช่น ในกรณีรถระบุไว้ในทะเบียนว่าเป็นสีขาวแต่ฝากระโปรงหน้าเป็นสีดำ ถ้าไม่เกิน 20% ของพื้นที่สีรถทั้งหมด ถือว่าไม่ผิด แต่ถ้าดำทั้งฝากระโปรงหน้าและหลัง ส่วนมากจะพินิจว่าผิด เพราะเกิน 20% ของพื้นที่สีรถทั้งหมด ซึ่งเจ้าของรถต้องนำรถเข้าไปแจ้งเปลี่ยนสี ว่าเป็นรถสองสี (ทูโทน) กับกรมขนส่งทางบก
ตาม พรบ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 13 รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงสีของรถให้ผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ เจ้าของรถต้องแจ้งนายทะเบียนภายในเจ็ดวันนับแต่วันเปลี่ยนแปลงการแจ้งตาม วรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด" สรุปต้องไม่เกิน 20% ครับ ถ้าเกินกว่านี้ ก็ผิดกฏหมาย
ถ้าไม่แจ้ง ผิดพรบ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 13,มาตรา 60 ต้องโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท


ติดทองคำเปลวที่ทะเบียนรถ จะผิดหรือไม่

      ความเชื่อ ความศรัทธา ส่วนบุคคล มีในประเทศไทยประเทศเดียว แต่ขอความกรุณาอย่านำวัสดุใด ๆ มาปิดบังที่ตัวอักษรและตัวเลขของแผ่นป้ายทะเบียนรถ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตามกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ และการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถ และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี พ.ศ. 2554 ได้ระบุไว้ชัด ในข้อ 5 ว่า แผ่นป้ายทะเบียนรถให้ติดตรึงไว้ในที่ที่เห็นได้ง่ายที่หน้ารถหนึ่งแผ่น และที่ท้ายรถหนึ่งแผ่น เว้นแต่รถจักรยานยนต์หรือรถพ่วงให้ติดตรึงที่ท้ายรถหนึ่งแผ่น

     การติดตรึงแผ่นป้ายนั้น ต้องไม่กระทําในลักษณะที่วัสดุที่ยึดแผ่นป้ายนั้น อาจปิดบังทั้งหมด หรือแต่บางส่วนของตัวเลขนําหน้าตัวอักษรประจําหมวด ตัวอักษรประจําหมวด หมายเลขทะเบียน ตัวอักษรแสดงชื่อกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดที่จดทะเบียน โดยต้องไม่นําวัสดุหรือสิ่งอื่นใดไม่ว่า จะก่อให้เกิดแสงสว่างหรือเรืองแสงหรือไม่ก็ตาม มาปิดบัง หรือติดไว้ในบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นป้ายทะเบียนรถจนไม่สามารถมองเห็นทั้งหมด หรือแต่บางส่วนของตัวเลขหรือตัวอักษรนั้น ถ้าถูกถ่ายภาพมา ตำรวจไปตามตรวจสอบถึงที่พัก ก็ต้องมานั่งขัดออกกันอีกล่ะครับ***

อยากแต่งรถแบบไม่ใส่กันชนหลัง จะผิดหรือไม่

ตามกฎหมายผิดครับ เพราะอุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบและไม่พร้อมใช้งาน แต่จะจับหรือไม่จับอยู่ในดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนกันชนหน้า หรือหลัง กรณีถ้าต้องถอดไปซ่อมสี ควรนำใบซ่อม,ใบเคลม จากทางอู่ หรือใบค่าปรับต่างๆ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุมาก่อน นำติดรถไว้ด้วย
เพราะอาจถูกตำรวจเรียกตรวจได้ครับ  เนื่องจากสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ชนแล้วหนี ครับ

ตามกฎกระทรวงรถยนต์ รถบรรทุกส่วนบุคคลหรือรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคนจะมีเฉพาะกันชนหน้าแต่เพียงอย่างเดียวก็ได้ซึ่งกฏหมายไม่ได้พูดถึงรถสองตอนท้ายบรรทุกหรือรถยนต์ ส่วนบุคคลไม่เกิน7ที่นั่งนั่นเอง สรุปว่าถ้าไม่ใส่กันชน ผิดเต็มๆครับ แต่ตอนนี้กฎกระทรวงรถยนต์กําหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์รถได้ทําการยกเลิกและแก้ไขกฎกระทรวงบางฉบับ รถสองตอนท้ายบรรทุกหรือรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน7ที่นั่งจะมีเฉพาะกันชนหน้าแต่เพียงอย่างเดียวก็ได้ ไม่ใส่ก็ไม่ผิด  อีกเรื่องบังโคลนก็ถือว่าเป็นส่วนควบของอุปกรณ์รถเช่นกัน

ติดสติ๊กเกอร์ตรงหลังคารถ หรือ ฝากระโปรง ผิดหรือไม่

ในการจะเปลี่ยนแปลงสีรถจะต้องแจ้งเปลี่ยนสี่รถ ถ้าเราไปติดโดยที่ไม่แจ้งกรมขนส่งทางบก  หากโดนตำรวจจับ ในเล่มจดทะเบียน แจ้งสีไว้สีเดียว เราก็โดน
ข้อหาสีไม่ตรงกับที่แจ้งไว้กับที่กรมขนส่งทางบก ถ้าไม่โดนก็ถือว่าโชคดีไปครับ สรุปแล้วถ้าจะติดสติ๊กเกอร์รถ ไม่ว่าหลังคา หรือ ฝากระโปรง ถือว่าผิดครับ
แต่ถ้าอยากจะติดก็ต้องไปแจ้งเปลี่ยนสีครับ เอาใบเสร็จที่ทำสี แล้วก็เล่มทะเบียนรถไปด้วย สำหรับรถที่ติดไฟแนนซ์ต้องขอใบมอบอำนาจมาด้วย

ป้ายทะเบียนยาวป้ายปลอมผิดแค่ไหน

ป้ายทะเบียนที่นำมาตัดต่ออัดกรอบใหม่เป็นป้ายยาว ผิดข้อหาดัดแปลง เปลี่ยนแปลงเอกสารของทางราชการเจ้าหน้าที่มีสิทธิเรียกปรับ ระบุโทษไม่เกิน 2,000 บาท
รวมถึงการติดป้ายเอียง แบบแหงนขึ้น – แหงนลง มีวัสดุมาปิดทับ เจ้าหน้าที่อาจฟันธงว่า มองเห็นไม่ชัดเจนก็มีโทษปรับเช่นเดียวกัน
การไม่ติดป้าย หรือวางไว้ที่กระจกหน้ารถ ผิดเช่นกันต้องโทษปรับ 500 บาท
ส่วนการติดป้าย ที่ทำขึ้นเอง เช่นทำด้วยกระดาษ หรือใช้การเขียน แต่หมายเลขตรงกับทะเบียนรถ ผิดข้อหา ไม่ใช้เอกสารที่ทางราชการกำหนด
แต่ถ้าเป็นป้ายปลอม (ไม่มี ข.ส.) ขอดูสำเนาแล้วไม่ตรงกับป้าย ผิดต้องคดีข้อหาปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ เจ้าหน้าที่อาจจะเรียกปรับ หรือส่งฟ้องเพื่อทำการเรียกปรับที่ชั้นศาล โดยระบุโทษไว้ที่ 100,000 บาท (อ่านไม่ผิดหรอกครับ 1 แสนบาท)
และถ้าหมายเลขป้ายไม่ตรงกับ ป้ายวงกลม ไม่ตรงกับสำเนารถเจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิยึดรถ เพื่อส่งเข้ากองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อหาที่มาของตัวรถ และผู้ขับขี่ต้องไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ รวบรวมสำนวน ส่งให้ศาลตัดสินค่าปรับก็มีตั่งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านก็เคยมีมาแล้วครับ

โหลดเตี้ยๆสุดๆ แบบ Low Rider เตี้ยแค่ไหนถึงจะเรียกว่า ผิด

ในพระราชบัญญัติรถยนตร์พ.ศ.2522 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า รถที่โหลดเตี้ยจะต่ำแค่ไหนก็ได้
ยึดหลักเพียงการวัดระยะกึ่งกลางไฟหน้า กับระดับพื้นถนนต้องไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร ถ้าต่ำกว่าถือว่าผิด
แต่ถ้าไฟหน้าสูงกว่าแต่รถใส่สปอยเลอร์จนเตี้ยต่ำแทบจะลากพื้น จะใช้กฎการพินิจ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจนายช่างตรวจสภาพกรมขนส่ง และผู้วินิจฉัยผล ต.ร.อ. ว่าเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง และผู้อื่นหรือไม่ ถ้าฟันธงว่าเสี่ยงก็ถือว่าผิดได้เช่นกัน

ยกสูงมากๆแบบ Big Foot ผิดหรือปล่าว

ถ้ารถสูงมากหรือมีการดัดแปลงสภาพมาก ต้องมีวิศวกรรองรับการดัดแปลงสภาพ และต้องแจ้งกับกรมขนส่งทางบกให้เป็นที่เรียบร้อย แต่ถ้าไม่สูงมาก แต่ใส่ยางใหญ่เกินแบบ ล้นออกมาข้างตัวรถมากๆ เกินบังโคลนล้อ ก็ต้องใช้หลักดุลพินิจอีกเช่นกันว่าเสี่ยงต่อผู้ร่วมใช้ถนนหรือไม่ ถ้าเสี่ยงผิดทันที

ใส่ล้อใหญ่มากๆ 19 นิ้ว - 20 นิ้ว หรือ 22 นิ้ว ผิดหรือไม่

ในกฎหมายไม่มีการระบุขนาดของล้อ และขนาดก็ไม่ได้มีผลต่อการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น จะใส่ล้อใหญ่ขอบ 18-19-20 หรือจะ 22 ก็ไม่ผิดครับ แต่ถ้าใส่แล้วยางเกินออกมานอกบังโคลนล้อมากๆข้างละหลายๆนิ้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อาจสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น (เช่นทำให้ผู้อื่นกะระยะรถผิดในขณะสวนหรือเลี้ยว) ก็ถือว่าผิดได้ หรือใส่ล้อใหญ่จนต้องแบะล้อเพื่อหลบซุ้มแล้ววิ่งจนยางสึกเห็นผ้าใบ ต้องเรียกว่าเสี่ยงต่ออุบัติเหตุต่อตนเอง ก็ถือว่าผิดเช่นกัน

ตีโป่งขยายซุ้มล้อ ใส่สปอยเลอร์ ผิดไหม

โชคดีครับที่การตีโป่งซุ้มล้อหรือที่เรียกกันว่า Wide Body ข้อนี้ในกฎหมายไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนแต่อย่างไร
แต่ระบุไว้ว่า ส่วนที่ตียื่นต้องมีลักษณะเป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ หรือถ้าเป็นวัสดุคนละชนิดกัน ต้องมีการยึดติดอย่างแน่นหนา ถ้าไม่แน่นหนาหรือตีโป่งมาก (ยื่นจนหน้าเกลียด) เจ้าหน้าที่มีสิทธิขอตรวจดูสำเนาการจดทะเบียน ว่ามีการดัดแปลงเกินกว่าที่จดทะเบียนไว้หรือไม่ โดยอ้างอิงจากบริษัทผู้ผลิตถึงขนาดตัวรถ และฐานล้อ ซึ่งต้องใช้วิศวกรรับรองการดัดแปลงสภาพ และต้องแจ้งกับกรมขนส่งทางบก ถ้าขนส่งตรวจแล้วลงความเห็นว่าผ่านก็ดีไป แต่ถ้าลงความเห็นว่าไม่ผ่านต้องเลาะออกกลับสภาพเดิม


เปลี่ยนท่อไอเสียใหญ่เสียงดังแค่ไหนถึงเรียกว่าผิด

จะเปลี่ยนท่อใหญ่ 3 นิ้ว 4 นิ้ว จะมีหม้อพักกี่ใบ หรือจะไม่หม้อพักเลยก็ได้ แต่หม้อพักต้องปล่อยออกทางท้ายรถเท่านั้น (ยกเว้นเสียแต่พวกรถพ่วงหรือรถโดยสารขนาดใหญ่) ถ้าออกข้างตัวถังรถก็ถือว่าผิดทันที ตามกฎหมายจะระบุไว้แค่การวัดเสียงดังที่ปล่อยออกจากปลายท่อตามพระราชบัญญัติรถยนต์ระบุว่า
รถยนต์ที่เกิน 7 ปี ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สถานตรวจสภาพ เพื่อตรวจวัดระดับเสียงที่ปลายท่อไอเสียด้วยเครื่อง Sound Level Meter ผลที่ได้ต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
(การตรวจวัดแบบ O.5 เมตร) สำหรับเครื่องยนต์เบนซิลวัดที่ ¾ รอบที่ให้แรงม้าสูงสุด และรอบสูงสุดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

ถ้าท่านใดถูกจับในข้อหาเสียงท่อดัง คุณต้องถามเจ้าหน้าที่ว่าเสียงดังเกินที่กำหนดไว้เท่าไหร่ (ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่มีเครื่องวัดใช้หูฟัง ก็พอจะเถียงค่ำๆคูๆเอาตัวรอดได้) แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ส่งรถเข้าเครื่องตรวจวัดแล้วเกินจริง (เถียงไม่ออก) ก็ต้องโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท

ไฟหน้าหลายสี

ไฟซีนอน ไฟท้ายขาว โคมขาว โคมดำ พ่นสีดำ จะผิดแค่ไหน
ปัจจุบันไฟหน้าแบบซีนอน ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับ จึงอนุญาตให้ติดได้ เพียงแต่ติดตั้งแล้วเมื่อเข้าเครื่องมือทดสอบโคมไฟ ลำแสงต้องมีองศาตกลงจากแนวระนาบ ไม่น้อยกว่า 2 องศาและต้องไม่เบนไปทางขวา ถึงเรียกว่าผ่าน สวนเรื่องสีของ แต่โคมไฟหน้าทางกรมกำหนดไว้เพียง 2 สี เท่านั้นคือ สีเหลืองอ่อน และสีขาว
ถ้าเป็นสีอื่นเช่น สีฟ้า สีม่วง สีเหลืองเข้ม หรือสีเขียว มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา12 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ส่วนไฟหยุด (ไฟเบรก) ต้องเป็นสีแดง ไฟเลี้ยวต้องเป็นสีเหลืองอำพัน ไฟส่องป้ายต้องเป็นสีขาวมองเห็นป้ายทะเบียนได้ไกลไม่น้อยกว่า 20 เมตร การเปลี่ยนโคมไฟเป็นสีขาวหรือพ่นโคมเป็นสีดำ ต้องพิจารณาขณะเปิดไฟเลี้ยว ไฟเบรก ถ้าไฟที่แสดงออกมาชัดเจนและเป็นสีที่กำหนดก็ถือว่าผ่าน ถ้าผิดสีก็เตรียมเงินไว้อีก 2,000 บาท เป็นค่าปรับครับ

ไฟสปอร์ทไลท์และโคมไฟตัดหมอก ผิดกฎหมายหรือไม่ ติดอย่างไรถึงจะว่าไม่ผิด

โคมไฟสปอร์ทไลท์หมายถึงโคมไฟแสงพุ่งไกล แบบกระจายวงกว้าง แบบนี้ห้ามติดโดยเด็จขาดแม้จะมีฝาครอบปิด ผิดพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนไฟตัดหมอกมีลักษณะเป็นไฟแสงพุ่งต่ำล่าสุดปี พ.ร.บ. 2536 อนุญาตให้รถยนต์ติดไฟสปอร์ตไลท์หรือ ไฟตัดหมอกเพิ่มได้ ข้างละ 1 ดวง (เท่ากับ 2 ดวง) ในระดับแนวเดียวกัน ความสูงจากพื้นถนนไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตรและไม่สูงกว่า 135 เซนติเมตร ต้องเป็นแสงสีเหลือง หรือสีขาว กำลังไฟไม่เกิน 55 วัตต์ ไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพุ่งไกลและโคมไฟแสงพุ่งต่ำศูนย์รวมแสงต้องต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา

ส่วนการเปิดไฟตัดหมอกนั้นทำได้เมื่อมีอุปสรรค์ในการขับขี่ เช่นมีหมอกควัน หรือฝนตกหนัก มองเห็นสิ่งกีดขวางหรือรถที่สวนทางมาในระยะไม่เกิน 150 เมตร ถ้าติดไม่ถูกต้อง หรือเปิดไฟพร่ำเพื่อมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมถึงการติดไฟนีออนใต้ท้อง หรือกรอบป้ายทะเบียน ก็เป็นสิ่งต้องห้าม ผิดอีกเช่นเดียวกันโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ดัดแปลงเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ ผิดแน่นอน แก้ไขอย่างไร

ตามสมุดคู่มือการจดทะเบียนจะระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นรถยนต์ประเภทไหน (รย.1 – รย. 2 หรือ รย.3) ซึ่งจะมีการระบุจำนวนเพลาไว้ด้วย รถยนต์ที่ขับเคลื่อน 2 ล้อ (2เพลา) ถ้ามีการดัดแปลงเป็นระบบขับสี่ล้อ ต้องแจ้งกับกรมการขนส่งเสียก่อน ซึ่งต้องใช้หลักฐานเช่น ใบเสร็จอะไหล่ ใบรับรองวิศวกร และนำรถเข้าตรวจหาความถูกต้องปลอดภัยแข็งแรง ก่อน อาจจะมีการส่งรถเข้าช่างน้ำหนัก ส่งต่อให้กรมสรรพสามิตคำนวณอัตราภาษีที่ต้องเสียเพิ่มมีตั้งแต่หลักหลายพันจนถึงหลักหมื่นบาทเสียก่อน มิฉะนั้นจะถือว่า เป็นการดัดแปลงรถยนต์ให้ผิดจากการจดทะเบียนโดยมิได้ขออนุญาต ก็ผิดเต็มๆอยู่ดี

เปลี่ยนดิสเบรกหลังใส่หลังคาซันรูป ผิดจริงหรือ

การเปลี่ยนหลังคาซันรูปส่วนมากต้องมีการดัดแปลงเช่น การเจาะหลังคา หรือเปลี่ยนหลังคาใหม่ แบบนี้ทางกรมขนส่งจะมองว่าเป็นการแก้ไขดัดแปลง ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงของตัวรถ แบบนี้ต้องมีใบเสร็จหลังคา รูปถ่ายขั้นตอนการติดตั้ง และใบรับรองวิศวกร และต้องแจ้งกรมขนส่งทางบกก่อนถึงจะไม่ผิด

ส่วนการเปลี่ยนดรัมเบรกเป็นดิสเบรกหลัง เรื่องนี้ไม่มีกฎออกมาชัดเจนจึงอาศัยการพินิจจากเจ้าหน้าที่กรมขนส่ง ซึ่งแต่ละเขตขนส่งต่างก็มีดุลพินิจไม่เหมือนกัน ถ้าเจ้าหน้าที่พินิจว่าไม่น่าผ่านก็ต้องหาใบเสร็จติดตั้ง และใบวิศวกรมาแจ้งเช่นเดียวกัน

ตีโรลบาร์แบบรถแข่ง ผิดด้วยหรือปล่าว

กฎหมายว่าด้วยห้องโดยสารมีเพียงข้อกำหนด เรื่องของจำนวนที่นั่ง มาตราวัดความเร็ว และไฟห้องโดยสารเท่านั้น
ส่วนการตีโรลบาร์ยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับจึงไม่ผิด แต่การถอดเบาะหลังออกแล้วตีโรลบาร์ จะผิดกฎหมายเรื่องการระบุลักษณะรถและจำนวนตอน ถือว่าผิดครับ
รวมถึงความแน่นหนา(เช่นเอามือจับแล้วโยกได้) ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ (เช่นมีส่วนแหลมคมพุ่งเข้าหาผู้ขับขี่และผู้โดยสาร) ก็ถือว่าผิดได้อีกเช่นกัน

ยิ่งถอดเบาะออกเหลือตัวเดียวหรือตัดตัวถังรถออกบางส่วน แล้วตีโรล์บาร์ยึดแบบ Space Frame แบบนี้ถือว่าผิด ข้อหาดัดแปลงสภาพที่มีผลต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวรถ

ใส่กระจกมองข้างแบบเล็กๆ หรือกระจกซิ่ง ผิดไหม

ตามกฎหมายอีกเช่นกันระบุไว้ว่า รถยนต์ต้องมีเครื่องส่องหลัง (กระจกมองหลัง) และเครื่องส่องหลังภายนอก (กระจกมองข้าง) อย่างน้อย 1 อัน
ซึ่งไม่ได้ระบุถึงขนาดและรูปแบบ ถ้าเปลี่ยนเป็นกระจกมองข้างแบบไฟเบอร์ หรือแบบกระจกซิ่งทรงแข่ง ถ้ามี 2 ด้าน หรือด้านเดียวก็ถือว่าถูกกฎหมาย
แต่ถ้าไม่มีกระจกมองข้าง หรือกระจกมองหลัง หรือเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพ ฟันธงว่า มีเครื่องส่องหลังจริงแต่ชำรุดหรือมองเห็นไม่ชัดเจน (เช่น กระจกแตก ขนาดเล็กมาก) ก็จะถือว่าผิด ต้องกลับมาแก้ไขอีกเช่นกัน

เปลี่ยนเบาะซิ่งใส่เซฟตี้เบล 4 จุด จะผิดอีกหรือปล่าว

เบาะหรือที่นั่ง ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทาง พ.ร.บ. ได้ระบุขนาดความกว้างยาวของเบาะเอาไว้ด้วย ซึ่งจะเกี่ยวข้องในการระบบุจำนวนผู้โดยสาร
เบาะแต่ง หรือเบาะไฟเบอร์ ส่วนมากมีความถูกต้องในเรื่องขนาด แต่ถ้าถอดเบาะออกไม่ว่าเบาะหลัง ถอดเหลือตัวเดียว หรือสั่งทำเบาะขนาดใหญ่พิเศษแบบนี้จะถือว่าผิด
ส่วนเซพตี้เบลท์ทางกรมก็ได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้อีกเช่นกัน เบลท์ 4 จุด แม้ว่าจะไม่ถูกต้องในเรื่องของมาตรฐาน แต่ถ้ามีการยึดแน่นหนา ก็อนุโลมว่าผ่าน แต่ถ้าใส่เบล 4 จุด 8 จุด แล้วไม่คาด แบบนี้ถือว่าไม่ผิดพระราชบัญญัติหรอกครับ แต่ผิดกฎหมายจราจรถูกจับ เสียทรัพย์ อีกแล้วครับ

ดัดแปลงเครื่องยนต์ขยายซีซี เปลี่ยนเทอร์โบ โมกล่อง ซัก 1,000 ม้า จะผิดหรือไม่

ถ้าเป็นรถใช้งานบนท้องถนน การจะมาวัดกำลังอัด หาขนาดความจุนั้นทำได้ยาก จึงอาศัยการตรวจดูหมายเลขเครื่องยนต์ว่าถูกต้องตามทะเบียนที่แจ้งไว้หรือไม่เท่านั้น
ถ้าเลขเครื่องถูกถือว่าไม่ผิด จะขยายความจุ เปลี่ยนลูก ยืดข้อ เสริมเสื้อสูบก็ไม่ผิด หรือไม่ว่าจะเปลี่ยนเทอร์โบใหญ่ ใส่กรองเปลือย ตีเฮดเดอร์ เปลี่ยนหัวฉีด
โมกล่องจนได้ 500 ม้า 1,000 ม้าก็ไม่ผิด เพียงแต่อุปกรณ์ภายในห้องเครื่องต้องดูแล้วแน่นหนาและมีความปลอดภัย

แต่ถ้าจูนน้ำมันจนหนามาก เจ้าหน้าที่จะใช้ผลการตรวจวัดควันดำ ค่า CO (คาร์บอนมอนออกไซต์) และค่า HC (ไฮโดรคาร์บอน) ที่ปล่อยออกมาจากท่อไอเสียเป็นข้อกำหนดถึงสภาพเครื่องยนต์

โดยตามพระราชบัญญัติรถยนต์ กล่าวว่า
รถยนต์ที่จดทะเบียนก่อน 1 พค 2536 ต้องวัดค่า CO ไม่เกิน 4.5 เปอร์เซนต์ และค่า HC ไม่เกิน 600 PPM
รถยนต์ที่จดทะเบียนหลัง 1 พค 2536 ต้องวัดค่า CO ไม่เกิน 1.5 เปอร์เซนต์ และค่า HC ไม่เกิน 200 PPM

ส่วนถ้าเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลไม่ว่าจะเปลี่ยนโบใหญ่ แต่งปั้มเพียงใด มาตรฐานการวัดควันดำ ต้องไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเครื่องวัดแบบกระดาษกรอง และ 45 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเครื่องวัดแบบหาความทึบแสง

ซึ่งรถยนต์ที่มีอายุเกิน7 ปี ต้องได้รับการตรวจวัดค่า CO และ HC จาก ต.ร.อ
ดังนั้นจะโมเครื่องแค่ไหนแต่งเครื่องอย่างไร ถ้าการเผาไหม้หมดจด CO และ HC ผ่านก็ถือว่าถูกกฎหมาย

ถึงจะแต่งรถถูกกฎหมาย แต่ถ้าเอารถ 500 ม้า 1000 ม้า มาวิ่งหวาดเสียวบนท้องถนน หรือไล่แซงผู้อื่นแบบแข่งขัน แบบนี้ของเพียงอย่าให้ถูกจับได้ ซึ่งอาจมีความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (160 วรรคสาม ฐานขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ถูกจับฟ้องศาล ยึดรถ คุมความประพฤติ แบบนี้อาจเรียกว่า จบเกมส์จริงๆ ใช่ไหมล่ะครับ

เปิดเสียงดังในรถผิดกฎหมาย
การที่นำรถมาใช้ขณะขับขี่เปิดเครื่องเสียงดังจนบุคคลภายนอกได้ยินนั้น เป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ผู้อื่นเสียสมาธิ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุในทางได้
กรณีดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ (Cool โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้ อื่น และมีบทกำหนดโทษไว้ตามมาตรา 160 วรรคท้าย ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 43(1) (5) หรือ (Cool ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2 พันบาทถึง 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีนี้พนักงานสอบสวนไม่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ที่ สน. พนักงานสอบสวนจะต้องนำขึ้นฟ้องศาลเท่านั้น เหมือนกับคดีมีแอลกอฮอล์เกินที่กฎหมายกำหนด
บันทึกการเข้า
suPreme
Global Mod
Hero Member
*

like: 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2418


ปาไทยแลนด์ 2805


« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 06, 2013, 12:57:38 pm »

 สาธุ สาธุ สาธุ
 ขอบคุณครับ

ได้ความรู้มากมาย  like red heart Smiley joob
บันทึกการเข้า

"พรีม" คือชื่อลูกสาวผมคร๊าบ แต่ตัวเองชื่อว่า "เก๋"
ModaR
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369


กินลมชมวิว "ใจถึงก็ไปถึง"

settawit.tippanat@yahoo.com
เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 06, 2013, 12:58:11 pm »

ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมมูลปึ๊กๆครับผม yes!! สาธุ
บันทึกการเข้า

M.C
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 214



เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 07, 2013, 12:19:19 am »

สุดยอดเลยคับป๋า
บันทึกการเข้า

Hi   โชคดีทุกท่านคับ
MU OUN
Jr. Member
**

like: 11
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 951


ปาเจียงฮาย 0958


อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 07, 2013, 06:57:03 am »

 ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

หลวงพ่อเพชรคู่เมือง ลือเลื่องปลาบึกหาดไคร้  แหล่งผ้าทอน้ำไหล ประตูใหม่สู่อินโดจีน
mont12
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14


อีเมล์
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 07, 2013, 07:18:16 am »

 good สาธุ
บันทึกการเข้า
ploveg555
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2


« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2013, 11:18:53 am »

ไม่รู้ว่าไฟหน้าติดรถสีขาวปี 2013 จะผิดกฏหมายไหมครับ เพราะคนที่รู้จักโดนตำรวจเล่นงานมาครับ รบกวนด้วยนะครับ  สาธุ
บันทึกการเข้า
nan&name
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 692


pajerosport-thailand ID 3949


« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2013, 12:19:03 pm »

 like ขอบคุณสำหรับความรู้ครับป๋า  ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Ekasit
Jr. Member
**

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 302


ศิษย์หลวงปู่ทิม อิสริโก


« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2013, 12:27:20 pm »

ขอบคุณมากๆสำหรับข้อมมูลครับ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ID 3347
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.106 วินาที กับ 20 คำสั่ง