พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 12:49:59 pm » |
|
แก๊ส กม. ละ 70 + - สตางค์
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2013, 06:23:19 am โดย พี่ศักดิ์ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
suPreme
Global Mod
Hero Member
like: 46
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2418
ปาไทยแลนด์ 2805
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 12:58:09 pm » |
|
ขากลับผมเติมน้ำมันเต็มถังหลังจากนั้นออกเดินทางจาก อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ถึง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยระยะทาง 1,000 กม. ความเร็วเฉลี่ย 100-110 กม./ชม. ตลอดเส้นทาง เปิดแอร์ 25 องค์ศา เดินทางคนเดียว บรรทุกสัมภาระประมาณ 100 กล. ลมยางหน้า 35 หลัง 40 ยางหน้ากว้าง 265 แม็กเดิมล้อเดิมติดรถ 17 นิ้ว ออกเดินทางเช้า ฟิล์มหน้า 40 รอบคัน 60 ผมเติมน้ำมันกลับไปอีกครั้งเต็มถัง 36 ลิตร (เท่ากับระยะทาง 1,000 กม.สิ้นเปลืองน้ำมันไป 36 ลิตรหรือครึ่งถัง) ทดสอบจากการใช้งานบนถนนจริง
ครับป๋า Hanan ที่ถามล่าสุด ผมลองหารจากโพสนี้หนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"พรีม" คือชื่อลูกสาวผมคร๊าบ แต่ตัวเองชื่อว่า "เก๋"
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 05:34:13 pm » |
|
ขากลับผมเติมน้ำมันเต็มถังหลังจากนั้นออกเดินทางจาก อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ถึง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยระยะทาง 1,000 กม. ความเร็วเฉลี่ย 100-110 กม./ชม. ตลอดเส้นทาง เปิดแอร์ 25 องค์ศา เดินทางคนเดียว บรรทุกสัมภาระประมาณ 100 กล. ลมยางหน้า 35 หลัง 40 ยางหน้ากว้าง 265 แม็กเดิมล้อเดิมติดรถ 17 นิ้ว ออกเดินทางเช้า ฟิล์มหน้า 40 รอบคัน 60 ผมเติมน้ำมันกลับไปอีกครั้งเต็มถัง 36 ลิตร (เท่ากับระยะทาง 1,000 กม.สิ้นเปลืองน้ำมันไป 36 ลิตรหรือครึ่งถัง) ทดสอบจากการใช้งานบนถนนจริง
ครับป๋า Hanan ที่ถามล่าสุด ผมลองหารจากโพสนี้หนะครับ ถ่ายจากเข็มไมล์จริงตอนที่วิ่งมาได้ 9,999 กม. หมดน้ำมันไปครึ่งถัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 09:37:52 pm » |
|
ถ่ายเมื่อวันเดินทางมาถึงนครศรีธรรมราชจาก อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ รวมระยะทาง 1,000 กม.
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2013, 10:16:08 pm โดย พี่ศักดิ์ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
teddyisman
Jr. Member
like: 19
ออฟไลน์
กระทู้: 997
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 09:41:04 pm » |
|
ขออนุญาตแชร์นะครับ รถผมรุ่นเดียวกัน ติดตั้งตั้งแต่ 2 หมื่นโล ตอนนี้ จะ 1.8 แสนโล ได้ข้อสรุป ดังนี้
1. ความประหยัด ถ้าขับแบบนิ่งๆ ไม่ซิ่ง และทางราบ ก็ประหยัดค่าเชื้อเพลิงรวม 1 บาท ต่อ กม. แต่ถ้าขับแบบของผม (ออกตัวทิ้งกลุ่ม ปีนเขากับทางราบครึ่งๆ ความเร็ว 90-120 เป็นสวนใหญ่) ก็ได้ประหยัดแค่ 25-30 สตางค์
2. ความแรง เป็นที่พอใจ เอาเป็นว่า แก๊สหมดเมื่อใด ไม่อยากจะขับ เพราะมันโคตรอึดว่างั้น ก็เลยยกเลิกการติดดันราง ซื้อ LGII มายังทิ้งไว้เลย
3. มีปัญหากับเครื่องยนต์ไหม ถ้าไม่มือบอน และไม่โลภ คงไม่เกิดปัญหา แต่ผมดันมือบอนตอนได้แสนโล ไปปรับให้ สกรู หม้อต้มหล่นหาย แล้วยังดันใช้ต่อ โดยไปหรี่วาล์ว มันคุมแก๊สไม่ดี แก๊สเข้ามาก ขับได้ไม่กี่โล เครื่องเขก จนปะเกนฝาสูบรั่ว เกิดน้ำดัน จนต้องเสียเงินหมื่น จัดการให้เข้าสู่สภาพเดิม
4. ใช้ระบบดูดหรือฉีด เนื่องจากผมติดของค่าย 41 แห่งเชียงใหม่ ราคาตอนนั้น ก็ 2.8 หมื่น ถัง 36 ลิตร วางข้างคู่กับถังน้ำมัน เป็นระบบดูด ปรับจูน คุมแก๊ส ด้วย stepmotor แ่ต่มา เปลี่ยนเป็นระบบฉีด เสียค่าเปลี่ยนอุปกรณ์เพิ่ม สรุป คือ ความประหยัดไม่แตกต่างชัดเจน แต่ระบบหัวฉีด ปรับแก๊สได้ดีกว่า ทั้งนี้ผมจ่ายแก๊สเข้าหน้าเทอโบ โดยใช้สามทาง แยกเข้าร่วมกับท่อหายใจจากฝาครอบวาล์ว 5. ระบบที่ผมใช้ มีระบบหลอกสัญญาน ผมใช้หลอก MAP และ MAF ยังไม่ได้หลอก rail sensor ถ้าหลอกเพิ่ม น่าจะประหยัดได้อีกเล็กน้อย
ุ6. ความประหยัดมีขีดจำกัด การใส่แก๊สมากๆ ใช่ว่าจะประหยัดเพิ่ม อาจเปลืองค่าแก๊สโดยใช่เหตุ เพราะ ใส่แก๊ส เพื่อให้เผาไหม้ดีขึ้น ไม่ใช่เอาไปแทนน้ำมัน เหมือน เครื่องเบนซิน ทางทางกลับกัน หากใส่มาก เครื่องน๊อกบ่อยๆ จะพลอยทำให้เครือ่งอายุสั้นไปด้วย
แต่โดยสรุป ผมพอใจที่ติดตั้ง DDF
และสนใจที่ป๋า ติดระบบผลิต HHO ใส่เพิ่มไป น่าจะลดแก๊ส ช่วยประหยัดได้ ผมซื้อของมาจะสามปีแล้ว ไม่ได้ติดตั้ง เพราะยังหาที่วาง dry cell generator ที่เหมาะๆ ยังไม่ได้ ไม่รู้ว่าของป๋า วางไว้ที่ใด ถ่ายรูปโชวหน่อยครับ และ ถังเก็บน้ำด้วย วางที่ใด เพราะ ห้องเครือ่งมันเต็มหมดแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 09:48:36 pm » |
|
ก่อนอื่นผมขอเรียน ป๋า teddyisman ว่าผมไม่มีความรู้ทางเทคนิคมากนักผมเป็นเพียงผู้ใช้ที่มีความรู้พอจะดูแลระบบที่เขาจูนมาให้เรียบร้อยแล้ว ทางอู่บอกว่าจุดขันแก๊สถูกล็อคเอาไว้แล้วห้าม(มือซน)เพราะได้ทำการจูนให้พอเหมาะพอดีแล้ว ผมจึงไม่กล้าแตะมันอีกเลย เท่าที่อ่านเข้าใจว่าป๋า teddyisman คงมีความรู้ด้านนี้มากพอสมควร ขอบคุณป๋ามากที่มาแชร์ประสบการณ์กับผม อย่างน้อยป๋าอีกคนที่ทำให้ผมมั่นใจกับระบบนี้ว่าไม่ทำให้เครื่องสึกหรอ เพราะของป่าใช้ระบบนี้ไปหนื่งแสนแปดหมื่นกิโลแล้ว
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2013, 06:29:14 am โดย พี่ศักดิ์ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 09:57:29 pm » |
|
"และสนใจที่ป๋า ติดระบบผลิต HHO ใส่เพิ่มไป น่าจะลดแก๊ส ช่วยประหยัดได้ ผมซื้อของมาจะสามปีแล้ว ไม่ได้ติดตั้ง เพราะยังหาที่วาง dry cell generator ที่เหมาะๆ ยังไม่ได้ ไม่รู้ว่าของป๋า วางไว้ที่ใด ถ่ายรูปโชวหน่อยครับ และ ถังเก็บน้ำด้วย วางที่ใด เพราะ ห้องเครือ่งมันเต็มหมดแล้ว" ช่างบอกว่าประยุคจากถังน้ำของนาวาร่า ตำแหน่งวางถังเก็บน้ำครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2013, 10:17:56 pm โดย พี่ศักดิ์ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 10:00:50 pm » |
|
รูปนี้พี่ช่างกำลังวางถังแก๊ส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 10:03:36 pm » |
|
จากความคิดเห็นของป๋า teddyisman ข้อที่สองที่บอกว่า 2. ความแรง เป็นที่พอใจ เอาเป็นว่า แก๊สหมดเมื่อใด ไม่อยากจะขับ เพราะมันโคตรอึดว่างั้น ก็เลยยกเลิกการติดดันราง ซื้อ LGII มายังทิ้งไว้เลย ผมอยากสอบถามป๋า teddyisman ว่า ถ้าใส่ดันรางเพิ่มอีกใบจะมีผลอย่างไรต่อเครื่องยนต์บ้าง ทั้งข้อดี ข้อเสีย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2013, 10:05:20 pm โดย พี่ศักดิ์ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 10:09:45 pm » |
|
"1. ความประหยัด ถ้าขับแบบนิ่งๆ ไม่ซิ่ง และทางราบ ก็ประหยัดค่าเชื้อเพลิงรวม 1 บาท ต่อ กม. แต่ถ้าขับแบบของผม (ออกตัวทิ้งกลุ่ม ปีนเขากับทางราบครึ่งๆ ความเร็ว 90-120 เป็นสวนใหญ่) ก็ได้ประหยัดแค่ 25-30 สตางค์"
กำลังในการปีนป่ายเขาเมื่อเทียบกับใช้น้ำมันอย่างเดียวแตกต่างกันไหม มีเสียงเขกตอนปีนเขาบ้างไหม แก้ปัญหาอย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
teddyisman
Jr. Member
like: 19
ออฟไลน์
กระทู้: 997
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 10:34:13 pm » |
|
- ป๋า ที่ถ่ายรูปมาดู ที่เห็นถังขาวๆ น่าจะเป็นถังสำรองน้ำ ไม่รู้ว่าระบบผลิต HHO เขาผลิตโดยมีขั้วไฟฟ้าแช่ในถังขาวๆนี้ หรือ ว่ามี เป็น กล่องแยกออกไป ถ้ามีกล่องแยกออกไป เป็นแผ่นเหล็กซ้อนๆ หลายแผ่น อันนั้น น่าจะเป็น dry cell ที่ผลิต HHO แยกจาก ถังสำรองน้ำ - คำถาม การปีนเขา มันแรงดีกว่าใช้น้ำมัน และจะมีเสียงเขก มากกว่าทางราบ ถ้ามันมากและขึ้นเขาชันและนาน ผมจะปิดแก๊ส ้ถ้าเสียงเขกเยอะมากกลัวปะเกนรั่วแล้วน้ำดันทำให้เสียตังอีก แต่ถ้านิดหน่อยก็กดต่อไปได้ แต่ถ้าจุนให้เสียงเขกน้อย เมื่อปีนเขา พอเป็นทางราบก็ไม่ค่อยสะใจ แต่ถ้าเป็นปีนเขาและทางตรง ผมจะใช้ cruise ล๊อคความเร็ว และ ถอนเท้าจากคันเร่ง มันจะลดแก๊สและไม่น๊อก เพราะระบบของผมใช้ มีปรับระดับแก๊ส ทั้งจาก รอบเครื่องและคันเร่ง ซึ่งผมจุนให้ตามรอบเครือ่งให้ใส่แก๊สสุงสุดเท่าที่ไม่เข็ก แต่ถ้าเป็นระบบดูดล้วนๆของป๋า คงทำไม่ได้ - คำถาม ใส่ดันราง จะมีปัญหาไหม ความเห็นผมว่าไม่มีปัญหา เพราะ ดันรางมันก็แค่ไปหลอก rail sensor ว่าความดันในรางยังต่ำ มันก็จะให้ปั๊ม ทำงานเพิ่ม ผลก็คือ จะเพิ่มการกินน้ำมัน ซึ่งมันสวนทางกับ ความแรงที่เราต้องการ ถ้าเรามีแก๊ส ทำให้เผาไหม้ดีขึ้น แรงขึ้นแล้วเราไม่กดคันเร่งหนัก มันก็ประหยัดน้ำมัน เมื่อติดดันราง ก็แรงกว่าเดิม แต่ไม่ประหยัด ผมจึงไม่เอา แต่ถ้าไม่ติดแก๊สร่วม ใส่ดันรางเฉยๆ ก็แรงขึ้น และอาจประหยัดได้นิดหน่อย เพราะ มันฉีดน้ำมันได้เป็นฝอยดี เผาไหม้ดี แต่ก็ต้องล้างหัวฉีดบ้าง สรุป ติดแก๊สแล้ว ใส่ดันราง ได้ไม่คุ้ม หรือถ้าเกิด ดันหนักๆ ปั๊มแตก รางรั่ว ก็หมดตังหลายหมื่น ผมจึงไม่สน อีกอย่าง การเพิ่มบูส นี้ยิ่งต้องระวังให้หนัก อันตรายต่อสุขภาพเครื่อง มากกว่า ดันรางเสียอีก ถ้าใส่ปรับบูส ก็อย่าเอามากไป เทอโบก็ไปง่าย น้ำดันก็มาง่าย พังกันเยอะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2013, 11:14:31 pm » |
|
มารายงานอัตราสิ้นเปลือง
วันนี้ 13 ธ.ค. 56 เดินทางจาก นครศรีธรรมราช-ปัตตานี ระยะทาง ไป-กลับ 650 กม. หมดน้ำมันไป 1,000 บาท เฉลี่ย กม. ละ 1.53 บาท (เท่ากับน้ำมันหนึ่งลิตรวิ่งได้ 19.60 กม.) บวกค่าแก๊สอีกประมาณ กม.ละ 1 บาท รวม 2.53 บาท ต่อ หนึ่ง กม. ลักษณะการขับขี่บรรทุกผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งเป็นผู้ใหญ่ทั้งหมด 8 คน ความเร็ว 110-120-130-140 ความเร็วส่วนใหญ่ 110 - 120 จอดพักโดยไม่ดับเครื่อง 30 นาที เปิดแอร์หน้าหลัง 25-26 องศา ยางล้อติดรถ 17 นิ้ว 265 ลมหน้า 35 หลัง 40 หลังคาติดแร็คแต่ไม่มีสัมภาระ เดินทางกลางวัน ฟิล์มหน้า 60 รอบคัน 80 ออกไฟแดงปรู้ดปราด จึ้ตูดบ้างบางครั้ง เหยียบเบรคบ่อย
จากประสบารณ์การขับรถก่อนติดแก๊สโดยวัดจากการขับขี่วันนี้ที่มีผู้โดยสารเต็มคัน 8 คน วิ่งเหยียบตามใจฉัน ออกไฟแดงปรู้ดปร้าด ถ้ารถใช้ดีเซลอย่างเดียวขับประมาณนี้และรถหนักขนาดนี้น่าจะตก กม.ละ 3.55 - 3.65 บาท แต่เมื่อใช้พลังงานร่วมดีเซลแอลพีจีกลับสิ้นเปลืองดีเซลบวกแก๊สรวมกันแล้วเพียงแค่ กม.ละ 2.53 บาท หรือเท่ากับประหยัด 1 บาท ต่อหนึ่ง กม. (แถมขับมันส์กว่ากันเยอะ)
สิ่งที่สำคัญมากยิ่งกว่า คือ นอกจากความประหยัดแล้วสิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นจากการใช้พลังงานร่วมแอลพีจีดีเซล คือ รถแรงมาก ๆ ตอบสนองดี เสียงเงียบ ไม่สั่น เหยียบเป็นมา บรรทุกหนักขนาดนี้ผมลองปิดสวิทช์แก๊สแล้วชวนผู้โดยสารให้สังเกตุดู ปรากฏว่าทุกคนเห็นเหมือนกันว่ากำลังรถตกลงอย่างเห็นได้ชัด แตะคันเร่งเท่าเดิมวิ่งอยู่ 110 กม./ชม. หลังจากปิดสวิทช์แก๊สเข็มไมล์จะตกลงมาเหลือ 90-100 กม./ชม. และเหมือนกับเร่งไม่ขึ้นต้องเค้นกำลังมาก เท่ากับว่าเหยียบปรกติ 100 พอเปิดสวิทช์จ่ายแก๊สเครื่องจะเพิ่มรอบขึ้นเองอัตโนมัติบวกอีก 10-20 ส่วนที่เพิ่มขึ้นนี่แหละผมคิดว่าได้มาฟรี ๆ โดยจ่ายน้ำมันเท่าเดิม รถตอบสนองดีมาก
ข้อสังเกตุ การเปิดโหมดสปีดเมื่อความเร็ว 100 กม.ขึ้นไป (โหมดสปีดจะถูกเปิดโดยผู้ขับเพื่อจ่ายแก๊สเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราความประหยัดโดยจะเปิดเมื่อความเร็ว 100 ขึ้นไปและวิ่งเนียน ๆ ) เมื่อบรรทุกหนักขนาดนี้แล้วเปิดโหมดสปีด การกระแทกคันเร่งเบา ๆ ก็จะได้ยินเสียงเขก ต้องถอนคันเร่งแล้วค่อย ๆ เติมทีละนิด แต่ถ้าบรรทุกไม่หนักมากการกระแทกคันเร่งลักษณะเดียวกันจะยังคงไม่ได้ยินเสียงเขก
ได้ยินป๋า teddyisman ด้านบนบอกว่า ของเขาวิ่งระบบดีเซลแอลพีจีมา หนึ่งแสนแปดหมื่นกิโลเมตร เครื่องยนต์ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อดดีใจไม่ได้ กับสิ่งที่ได้รับจากระบบเชื้อเพลิงร่วม แอลพีจีดีเซล ไม่รู้นะผมว่ารถแรง และ ประหยัดอาจกำลังจะมีจริงก็ได้
โจทย์ก็คือ ทำอย่างไรอย่าให้มีเสียงเขกโดยที่อัตราความประหยัดคงเดิม ซึ่งที่จริงแล้วเสียงเขกมีน้อยมากจากสภาพการใช้งานปรกติและไม่เปิดโหมดสปีด นอกจากบรรทุกหนัก ขึ้นเขา กระแทกคันเร่งหนัก ๆ ในสถานการณ์ทั้งสองอย่างอาจจะได้ยินเสียงเขก
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2013, 08:55:21 am โดย พี่ศักดิ์ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2013, 11:42:54 pm » |
|
ก็ใช้กับ nissan bigM อยู่ครับ ประหยัดดี เสียอย่างเดียวควันมีกลิ่นเหม็นและฉุนมาก ป๋า fifafinoกะน้องปาดำ กำแพง ใช้ระบบเชื้อเพลิงร่วมแอลพีจีดีเซล กับ นิสสัน บิ้กเอ็ม มากี่ กม. แล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2013, 12:12:22 am » |
|
ผมเองครับ ไม่รู้ว่าผมเรียกชื่อป๋าถูกไหมต้องขอโทษด้วยครับ เพราะได้รับคำแนะนำดี ๆ และยืนยันผลการใช้ จากป๋า หลังจาก ศึกษาของเฮียมานานเลยตาม ป๋าไปจนได้ครับ ป๋า oOvOo มีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการใช้งานบ้างไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
พี่ศักดิ์
Newbie
like: 1
ออฟไลน์
กระทู้: 113
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2013, 12:15:43 am » |
|
รายงานอัตราสิ้นเปลือง
วันนี้ 15 ธ.ค. 56 เดินทางจากนครศรีธรรมราช ไป สุราษฎร์ธานี ระยะทางไปกลับ 280 กม. หมดน้ำมันไป 380 บาท เฉลี่ย กม.ละ 1.35 บาท (เท่ากับน้ำมันหนึ่งลิตรวิ่งได้ 22.2 กม.) ค่าแก๊ส กม.ละ 1 บาท รวมค่าแก๊สและน้ำมัน กม.ละ 2.35 บาท
ลักษณะการขับขี่ ผู้โดยสารผู้ใหญ่ทั้งหมด 7 คน ความเร็ว 110 - 120 ความดันลม หน้า 35 หลัง 40 ล้อยางเดิม ๆ ติดรถ 17 นิ้ว ยาง 265 เปิดแอร์หน้าหลัง 25-26 องศาสลับกัน นั่งเตรียมงานในรถคนเดียว 50 นาทีพร้อมสตาร์ทรถเปิดแอร์ ออกเดินทางเที่ยง กลับ กลางคืน ฟิล์มหน้า 60 รอบคัน 80 ติดแร็คหลังคาแต่ไม่มีสัมภาระ ผมคิดว่าการใช้งานลักษณะนี้กับรถเดิม ๆ น่าจะตก กม.ละ 3.10 - 3.15 บาท
ถนนหลัก เส้น นครศรีธรรมราช - สุราษฎร์ธานี เป็นถนนที่ดีที่สุดของภาคใต้ (ใครอยากลองรถมาเส้นนี้เลยครับ) เป็นถนนสี่เลน ผิวถนนเรียบ เสมอ ไม่มีรอยต่อ ขึ้นเนินเขาหัวช้างเพียงครั้งเดียว ที่เหลือเป็นทางราบตลอด ทำให้รถนิ่ง ไม่สะเทือน และไม่โคลง สามารถรักษาอัตราความเร็วได้คงที่ ถ้าถนนในเมืองไทยเป็นอย่างนี้ทั้งหมดคงไม่ต้องหันไปพึ่ง Emu Set 5 เลยครับ ผมคิดว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราสิ้นเปลืองในการเดินทางครั้งนี้ลดลง เพราะกำลังของเครื่องเกือบทั้งหมดไม่ถูกทิ้งออกไปทิศทางอื่นอันเนื่องมาจากรถโคลง สะเทือน หรือ สะบัด แต่กำลังทั้งหมดถูกใช้เพื่อผลักดันรถให้ไปด้านหน้าทิศทางเดียว
การเดินทางทริปนี้ ความแรงของรถยังคงดีกว่ารถสแตนดาร์ด ออกตัวไฟแดงได้ดี ปิดสวิทช์แก๊สเมื่อไหร่แรงตกฮวบ รถตื้อ ทันที
หมายเหตุ ลักษณะการขับขี่ควรจะปล่อยให้รถไต่ความเร็วขึ้นไปตามสเต็ปของมัน ไม่ควรกระแทกคันเร่ง เพราะกระแทกไปมันก็ไม่ตอบสนองมากนักในทันที ผมจึงสรุปเบื้องต้นว่ารถพลังงานร่วมดีเซลแอลพีจีไม่ควรขับแบบจี้ตูดเร่งกระชาก หรือ แซงกระทันหันแบบปลาหมึกพ่นควันดำ เพราะระบบไม่ตอบสนองการขับลักษณะดังกล่าว เพราะความเร็วจะขึ้นตามสเต็ปของมันไม่สามารถสั่งได้ด้วยเท้า คือเรากดคันเร่งแล้วรถมันจะไล่สเต็ปความเร็วของมันเอง ซึ่งระดับความเร็วก็มาไวกว่ารถเดิม ๆ พลขับจึงควรจะเป็นตัวของตัวเอง อย่าริไปลองเครื่องกับใคร ถามว่ารถแรงกว่าเดิมไหม แรงแน่ แต่มันไล่สเต็ปของมันไป ไม่สามารถตอบสนองเท้าของเราทันทีทันใดแบบหลังชนเบาะ เหมือนรถพ่วงกล่องดันราง ยกหัวฉีด คันเร่งไฟฟ้า หัวฉีดใหญ่ ฯลฯ อันนั้นราชสีห์บนซุปเปอร์ไฮเวย์ครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 15, 2013, 09:11:58 am โดย พี่ศักดิ์ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|