Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความรู้ เปรียบเทียบ แรงม้า แรงบิด และ ซีซี Pa, For, Mu-x, Trail  (อ่าน 5381 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 11 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
burint
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9


« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 09:02:33 am »

ขอความรู้ด้วยคับ ถ้าดูจากตัวเลขเปรียบเทียบตามรูป
4 ยี่ห้อมีแรงม้า แรงบิด ที่ใกล้เคียงกัน ยกเว้น Trail แรงบิดสูงสุด
คำถามผมคือ การมี ซีซี เยอะกว่า คือ For, Mu-x มี 3000 cc

การมีซีซี เยอะกว่า ทำให้ขับความเร็วปลาย เวลาไปต่างจงหวัด
เหนื่อยน้อยกว่า คือเครื่องไม่ต้องเค้นหนักหรือเปล่าคับ

หรือไม่เกี่ยวเพราะทั้ง4 ยี่ห้อ ผลิตแรงม้าออกมาได้ใกล้เคียงกัน
บันทึกการเข้า
nan&name
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 692


pajerosport-thailand ID 3949


« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 09:49:17 am »

ลองอ่านดูคับป๋า  http://www.siamsport.co.th/motoring/home/view.php?code=120528213111
บันทึกการเข้า

ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Gaojing
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 68



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 09:58:33 am »

แรงม้าเยอะ ความเร็วปลายดี
แรงบิดเยอะ อัตราเร่งดี
แรงม้าเยอะ + แรงบิดเยอะ = เร่งแรง ปลายไหล   big smile
บันทึกการเข้า

4ตีนยังรู้พลาด ปราชญ์ยังรู้พลั้ง แล้วจะเอาอารายกะไอ้Bฅนธรรมดาต๊อกต๋อย
burint
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9


« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 10:21:35 am »

ขอบคุณทั้งสองท่านครับ
ขอลองเรียบเรียงเป็นคำถามแบบนี้ดีกว่า

ถ้า มีแรงม้ามาก+แรงบิดมาก = ปลายก็ไหลต้นก็ดี
(อันนี้ทุกท่านคงทราบดี)

For, Mu-X, Pa ต่างก็มีแรงม้าและแรงบิดเท่าๆกัน
แล้ว For กับ Mu-X มี 3000cc ไว้เผื่ออะไร
ในขณะที่ Pa มี 2500cc ก็ผลิตแรงม้าและแรงบิดได้ทัดเทียมกัน
เพราะฉนั้น คำถามก็ยังคงคาใจว่า ซีซีเยอะ ขับยาวๆเหนื่อยน้อยกว่าหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
payusine
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 10:46:29 am »

ผม ว่าลองสังเกตุที่รอบเครื่อง ทีความเร็วรถเท่ากันครับ รถ cc ต่างกันถึง แรงบิดและแรงม้าเท่ากัน แต่แรงบิดสูงสุดและแรงม้าสูงสุด จะมาที่รอบเครื่องต่างกันครับ รถที่มี cc น้อยกว่าจะใช้รอบที่สูงกว่าครับ (ความเห็นส่วนตัวครับ) สาธุ สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า

ID 4166
payusine
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 148



« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 11:58:55 am »

ลองอ่านเพิ่มเติมที่นี้ครับ http://www.bt-50proclub.com/newbt50pro/forum.php?mod=viewthread&tid=1091  Smiley
บันทึกการเข้า

ID 4166
danupan
Jr. Member
**

like: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 438


« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 01:29:16 pm »

แรงบิต เห็นผลในรอบต่ำ เช่นการออกตัว
แรงม้า เห็นผลในรอบสูง เช่น ทำความเร็วได้มาก

ถ้าขับรถไม่ไวมาก ไม่เค้นพละกำลังเครื่อง เป็นผมของเลือก แรงบิตดีกว่า ได้ใชบ่อยกว่าแรงม้า เหอะ
บันทึกการเข้า
burint
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9


« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 05:32:18 pm »

ขอบคุณทุกท่านคับ
บันทึกการเข้า
tt78
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 91



« ตอบ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2014, 07:14:20 pm »

ในบรรดา แรงบิด และแรงม้าที่ พอๆ กัน ของ for, mu , paje       แต่ปากินน้ำมันมากที่สุดครับ   ให้คิดเล่นๆ   ตอนนี้เชฟ ไป 200 แรงม้าแล้วด้วยครับ  555
บันทึกการเข้า
Ricer1
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 113


« ตอบ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2014, 01:45:16 pm »

โดยทั่วไปรถเมกันทำแรงม้ามาเยอะ แรงบิดมาเยาะ แต่อัตราเร่งไม่ดีเท่ารถญี่ปุ่น  จะใด้รถเมกันโดยทั่วไปเร่งดี ต้องเพิ่มแรงม้าแรงบิดเข้าไปอีก
เพราะอะไร  เพราะ
1) รอบเครื่อง
2) ระบบเกียร์
3) การตอบสนองของเครื่องยนต์ คันเร่ง กลไกต่างๆ
และอื่นๆ

กว่ารถเมกันจะกินหรือไหลตามในก็นู่นปาเข้าไปร้อยกว่าๆครับ

ดังนั้นต้องไปลองขับดูนะ
ดูว่าปกติเราขับในเมืองมาก หรือ นอกเมืองมาก
แต่ถ้าจะเอาหมดเลย หาพวกแรงบิดเยอะมาไว สม่ำเสมอ ร้อบกว้าง และเอาแรงม้าเยอะด้วย  อิๆ

เท่าที่ลองขับมาผมยังคิดว่า Fortuner ทำใด้ดีตั้งแต่ต้นจนจบครับ  เทียบกันเครื่องแตนๆนะครับ

งูๆปลาๆใด้เท่านี้ครับ ลองขับให้หมดครับ ก่อนซื้อ  

ส่วนตัวอยากใด้ม้าสัก 250 ตัว  แรงบิดสัก 550 ครับ  เอิ๊กๆๆ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 28, 2014, 01:47:12 pm โดย Ricer1 » บันทึกการเข้า
Wil
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2014, 08:39:13 pm »

ที่สำคัญ ดูด้วยครับแรงบิดสูงสุดเป็นอย่างไร

ของ For ตัวเดิม (343NM) มาที่รอบต่ำสุดคือ 1400 รอบและไปจบที่ 3200 รอบ ถ้าดูกราฟจะกว้างมาก ทำให้ For จะขับมันกว่าเพื่อนคือตอบสนองเร็วหรืออัตราเร่งดีที่สุดในตลาดขณะนี้ก็ว่าได้

ของ Pa (350NM)มาที่รอบ 1800 รอบและไปจบที่ 3500 เวลาออกตัวจะรู้สึกรอรอบหน่อยๆแต่ถ้าช่วงรอบปลายๆจะดีครับ เพราะแรงม้ามากกว่า For (178)

ของ MU X (380NM) มาที่รอบ 1800 รอบและไปจบที่ 2800  ช่วงกราฟการตอยสนองแคบกว่าเพื่อน น่าจะออกตัวอืดและปลายไม่ค่อยไหล (อันนี้ยังไม่เคยลอง)

ที่สำคัญเครื่องใหญ่จะมีกำลังสำรองดีกว่าเครื่องเล็กเพราะแรงบิดและแรงม้าที่ออกมาจะมาจากตัวเครื่องยนต์มากกว่าเครื่องเล็กที่ต้องใช้กำลังเสริมจาก Turbo ลองสังเกตแรงดันที่ Turbo ของเครื่องเล็กจะสูงกว่าเครื่องใหญ่ครับ
บันทึกการเข้า
IPAN 2
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156


« ตอบ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2014, 08:59:58 pm »

ขอบคุณครับที่ไห้ความรู้ปาผมไม่แรงแต่ใจผมแรงงง anger
บันทึกการเข้า
Kaka
Sr. Member
****

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1645



« ตอบ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2014, 09:51:40 pm »

  มีทั้งข้อดีแล่เด่น ต่างกันไปครับ.  แต่อีกเรื่องที่น่าคิดคือ อัตราการเสียภาษีของแต่ละเครื่องล่ะครับ ขนาด PJS เครื่อง 2500 cc ก็ 4,800 บาท/ปีละ ....
บันทึกการเข้า

No:1438 นายพิชัย อร่ามจันทร์ (เค) 081-3489470 line:p12976694p
วันนี้ขับ PJS SPORT VG 178 HP ขาวมุข 4x4 ปี 2012 เพราะเมื่อก่อนขับ TRITON PLUS 140 HPดำ 4x2 ปี 2009
pordtriton
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 89


« ตอบ #13 เมื่อ: มีนาคม 12, 2014, 11:34:31 am »

พิจรณาองค์ประกอบจากเกียร์ร่วมด้วยนะครับ จำนวนจังหว่ะและอัตราทดในแต่ละจังหว่ะ บางทีเครื่องเล็กช่วงชักกับกระบอกสูงขนาดใกล้เคียงกัน(สแควร์) โดยปกติจะเป็นประเภทเครื่องรอรอบแต่พอได้เกียร์เหมาะๆมาช่วย จากด้อยกลายเป็นดีก็มีให้เห็นเยอะ เช่น T6 2.2 , pro 2.2 ช่วงกลาง ถึง ปลาย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.038 วินาที กับ 21 คำสั่ง