วันนี้ขับขึ้นเขาให่ญ บันทุก 5 คนเร่งเยอะหน่อยเหมือนความร้อนขึ้นๆ เลยครับ กลิ่นไห้มๆๆ มา แต่พอซักพัก จอดรถไปถ่ายรูป ก็หายเป็นปรกติ
คือ ตอนแรกเกย์ความร้อนมันเริ่มเลยจุดกึ่งกลางไปซักขีดกว่าๆ ก็เลยจอด ..
ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย หลังจากนั้น ขับระวังๆ จนถึงกทม ก็ไม่มีอะไรอีก..
รถผม มีปัญหา หม้อน้ำเหรอป่าวครับ.. หรือ ต้องเช็คอะไรมั้ยครับ (โมกล่องด้วยหละ)
การขึ้นลงเขาหรือทางชัน ควรใช้เกียร์และรอบเครื่องให้เหมาะสมครับ ยกตัวอย่างถ้าเนินชันแล้วป๋าไปใช้เกียร์ 3 หรือ4 แล้วดันขึ้นไปแบบนี้ต้องเร่งเครื่องเยอะควันดำเลยอ่ะแบบนี้เครื่องยนต์จะเครียดทำให้ความร้อนสะสมมากความร้อนก็จะขึ้นได้ครับ และรถขึ้นเขาเราใช้ความเร็วไม่ได้อยู่แล้วลมจากภายนอกจึงมาช่วยระบายความร้อนไม่ทันครับ และถ้าจะให้ดีควรปิดแอร์ด้วยก็จะช่วยได้อีกครับ แต่ถ้าป๋าใช้เกียร์ 2 ดันขึ้นไปแล้วเลี้ยงรอบให้อยู่ระหว่าง 2000-3000 รอบแบบนี้เครื่องจะไม่เครียดมากความร้อนก็จะน้อยครับ และถ้าป๋าใส่กล่อง ดันราง หรือ ยกหัวฉีด มาถ้าขึ้นเขาทางชัน ควรจะปิดกล่องครับเพราะกล่องพวกนี้จะจ่ายน้ำมันเยอะความร้อนจะมากกว่าปรกติอยู่แล้วครับ พอลงมาทางเรียบค่อยเปิดใหม่ครับ (แต่ถ้ากล่องคันเร่งไม่ต้องปิดครับ) เพราะกล่องคันเร่งไม่มีผลกับความร้อนครับ
ปล.รถผมก็ใส่กล่องมาเหมือนกันครับทั้ง ดันราง ยกหัวฉีด กล่องคันเร่ง เวลาไปเที่ยวเหนือต้องขึ้นเขาผมก็จะปิดกล่องตลอดครับ เหลือแต่กล่อง คันเร่งไฟฟ้าอย่างเดียวครับ ผมขึ้นมาเกือบทุกดอยแล้วครับที่ว่าชันๆ อินทนนท์ อ่างข่าง ภูทับเบิก เขาใหญ่ ก็ข้ามมาแล้วครับ อีกเยอะครับ รถผมผ่านตลอดครับ อย่าลืมใช้เกียรให้เหมาะสมกับรอบเครื่องแค่นี้ก็ผ่านสบายแล้วครับ บางที่ชันมากอาจต้องใช้ถึงเกียร์ 1 ขึ้นไปกันเลยครับต้องยอมรับอย่างนึงว่าเคนื่องเราแค่ 2.5 เองแรงบิดน้อยครับ น้ำหนักรถเยอะเวลาขึ้นเขาจะเหนื่อยกว่าพวกเครื่อง 3.0 ครับผม
ปล.อีกอย่างนะครับถ้ารถป๋าไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์เวลาขึ้นเขาแล้วความร้อนขึ้นพอจอดพักรถฟรีเครื่องใว้สักพักความร้อนก็จะลงมาเป็นปรกติครับ แต่ถ้าจอดแล้วความร้อนไม่ลง หรืออาจจะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ แสดงว่ารถป๋ามีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์แล้วหละครับแบบนี้เตรียมตัวได้ครับ