นั่นคือสาเหตุละมังที่เวบเรามักเรียกชื่อกันนำหน้าว่า ป๋านั่นป๋านี่... อย่าเรียกว่าอาจารย์อีกนะครับป๋า Kong อายเขานะ แค่รู้แค่หางอึ่ง เพียงแต่มีเจตนาดีมาให้กันและกันเท่านั้นครับ เรียกป๋า Punpun อะดีแล้ว
เข้าเรื่องเลยละกัน... กรองแก็สจำเลยที่ทำหน้าที่ทีดี แต่เวลาหมดประโยชน์ก็ถูกโยนว่าเป็นผู้ร้ายสะนี่. จากที่ถามคุยกันไปมา เราไม่สามารถรู้ได้หรอกครับว่ามันสกปรกมากน้อยแค่ไหน นอกจากผ่าออกมาดู หรือใช้รุ่นที่เปลี่ยนไส้ได้ถอดดูแลได้ พวกกรองที่เห้นมีใช้อยู่หลายยี้ห้อ 1 ละก็ Lovato กรองแบบถอดเปลี่ยนไส้ได้ดูแลได้ อันนี้เราจะรู้ได้เลยว่าสกปรกแค่ไหน แต่กรองที่พวกเราส่วนใหญ่ใช้แล้วทิ้งนี่ มันก็คงเหมือนกรองน้ำมันเครื่องละมังว่า ต้องกะเวลาเอาตาม ช.ม. หรือ ระยะกิโลเมตรที่วิ่งมา ถ้าเราดูจากแรงดันอย่างเดียวแล้วฟันธงไปว่า กรองตัน ก็ไม่ใช่คำตอบ 100% เพราะปัจจัยอื่นที่ทำให้แรงดันตกหรือสวิงมากกว่าที่จะเป็นก็มีหลายเหตุด้วย เช่นตัวหม้อต้มเอง แกน Solenoid ทั้งที่ถัง และที่หม้อต้ม ก็สกปรกได้ก่อนกรองละเอียดเสียอีก
เมื่อใดที่แรงดันตกเกินกว่าปรกติ หรือย่านสวิงสูงต่ำของแรงดันมันมากกว่าบุคคลิกปรกติของแรงดันที่เราใช้อยู่แบบปรกติ เราก็ต้องดูหลายอย่างเลยทีเดียวไม่ว่า
.. จะเป็นกรองละเอียด หรือกรองที่เราเห็นเป็นกระป๋องนั่นแหละ
.. หรือเมื่อเจอว่ามันสกปรกมากจากการผ่าดูหลังจากเปลี่ยนแล้ว เรายังต้องย้อนไปดูถึงกรองหยาบที่ก่อนเข้าหม้อต้ม รวมทั้งถ้าอาการหนักมาก ก็แกน Solenoid ปิดเปิดแก็สก่อนเข้าหม้อต้ม ซึ่งอาจจะ Combine มาในหม้อ หรือแยกออกมาก็แล้วแต่ อาจรวมไปถึงแกน Solenoid ที่ถังด้วย เมื่อมันมีคราบเหนียวออกมาจากถังแก็สเข้ามาในระบบ มันจะไปจับแกนที่ใช้พลังแม่เหล็กของขดลวด Solenoid เป็นตัวยก แล้วคราบเหนียวเหล่านี้รวมตัวกับฝุ่นสนิมหรือแห้งแข็งข้นนั่นแหละ จะทำให้แกนฝืด พลังแม่เหล็กก็ไม่สมารถดูดเพื่อยกแกนให้แก็สไหลได้เต็มที่ แล้วถ้ามันสะสมมากอยู่ในหม้อต้มมันก็ต้องมีการล้างหม้อต้ม กันสักที เพราะมันจะปล่อยสิ่งสกปรกออกไปเรื่อยเรื่อย และตัวมันเอง ผมก็เคยผ่าหม้อ KME Gold ออกมาล้างครั้งนึง เลยถึงบางอ้อว่า ถ้าหม้อมันมีการสะสมไว้เยอะทั้งฝุ่นสนิมและคราบเหนียว มันนั่นหละเป็นตัวส่งไปต่อ และตัวมันเองก็มีกลไกและรูเล็กน้อยที่ทำให้มันตันตัวมันเองด้วย เด๋วจะเอารูปพวกนี้มาช่วยลงให้ดูครับ
แต่บอกแล้วว่าเนื้อเรื่องพวกนี้มาจากประสพการณ์จริงที่สัมผัสเอามาเล่ากันฟังเพื่อเห็นภาพก่อนเกิด ผมอยากแนะนำว่า สมาชิกที่ใช้ระบบ กรองแยกแบบทั่วไปนี้ อยากแนะเลยว่า เปลี่ยนที่ไม่เกิน 10000 km. ในรอบแรกเลย แล้วรอบต่อไปจะเปลี่ยนที่เท่าไรก็ ok อาจจะ 15000-20000 แต่อย่ามากกว่านั้นเลย การที่บอกว่า ไม่เกิน 10000 km. ก็เล่นซะก่อนเลยเพราะ เราไม่สามารถรู้ได้ว่า ถังที่เราใส่มานั้นก่อนการใส่มีฝุ่นสนิมหรือสกปรกมากอยู่ก่อนใส่ไหม และการรันระบบครั้งแรกนี้ ก็มีเปปอร์เซนต์ว่าการเปลี่ยนกรองตัวแรกจะสกปรกกว่าตัวต่อไปแน่แน่
การเปลี่ยนกรองพวกที่กล่าวมานี้สามารถเรียนรู้ที่จะทำได้เองอ่านได้จากระทู้ป๋า NOT เลยนะครับ เรื่องมาเปลี่ยนกรองแก็สเองกันเถอะ...
คำถามที่ว่า เราจะรู้ได้ว่ากรองตันหรือยัง ก็อาจจะพอเห็นอาการได้บ้างจากแรงดันที่กระเพื่อมจากการดูโปรแกรมใน Computer ได้บ้าง แต่นั่นก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าตันทีเดียว เพราะชุดหม้อต้มที่ใหม่พอมันได้ทำงานกับระบบน้ำร้อนแล้วมันก็สามารถให้ตัวพวกอุปกรณ์ ต่างต่างภายในได้ แรงดันอาจลดหรือเพิ่มขึ้นมาบ้างได้เช่นกัน เหมือนรองเท้าใหม่ใส Fit ดีพอถึงเวลาที่ร้านแนะมา Service รอบแรก ถ้าร้านที่ใส่ใจดี เขาก็จะดูแลเรื่องแรงดันว่าตรงตามครั้งแรกไหม ในโปรแกรมการจูนว่าไว้เท่าไรของเดิม เขาก็จะจัดให้ รวมถึงเปลี่ยนกรองเหล่านี้ และถ้าเป็น Ac300 ISa2 อย่างเรา ถ้าร้านที่ใส่ใจมากอีก เขาจะดูตารางการเก็บค่าน้ำมัน ค่าแก็สให้พร้อมปรับจูนให้ใหม่ได้ เพราะการสะสมข้อมูลการวิ่งเหล่านี้มีผลให้การ Monitor จากกราฟแสดงออกมาได้เที่ยงตรงมากขึ้นเมื่อมีการขับระยะทางรวมทั่วไปยาวเช่น 5000 โล 10000 โล หรือว่าลูกค้ามีความต้องการที่จะเปิด Auto Adaptive Function เขาก็จะทำให้ได้ในช่วงนี้เลย เพราะข้อมูลน้ำมันน่าจะเพียงพอให้ทำได้แล้ว แต่บางร้านก็อาจจะกลัวข้อมูลน้ำมันหายเลยไม่เปิดให้ แต่หากได้เคยอ่านในเวบเราจะรู้ว่า เราได้แก้ปัญหานั้นจบไปแล้ว โดยฝรั่งเจ้าของสินค้าเองก็ไม่เคยได้แนะนำและรู้เลยด้วยว่า มันทำได้ 100% จริงแบบนั้น ร้านหลายร้านก็เอาไปใช้กันแล้ว แต่มีร้านเดียวตอบกระทู้มาขอบคุณว่าเขาไม่กลัวการเปิด Auto Adpative อีกแล้ว เพราะเปิดได้โดยไม่เสียกราฟน้ำมันอีกเลย 100% เพราะบางร้านกลัวว่าลูกค้ามาขอให้เปิดแล้วไม่รู้จะอธิบายว่า ยังไงดีว่าไม่อยากเปิดเพราะเรื่องนี้ แต่ต่อไปนี้สบาย บอกเปิดเป็นเปิด เปิดแล้วไม่ชอบปิดได้
โอย ลืมตอบอีกข้อ
*** หรือเราจะทู่ซี้ปรับแรงดันหม้อต้มให้มันขึ้นไปเท่าเดิมดีครับ ***
เราเปลี่ยนกรองแล้ว และเราพบว่าแรงดันมันต่างออกไปจากที่ Autotune ไว้ เราก็ปรับตั้งแรงดันหม้อต้มให้เท่ากับหรือใกล้เคียงมากมากจากที่ Autotune ไว้ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ แต่เราจะต้องแน่ใจว่าแรงดันนั้นที่เราจะตั้ง ควรจะกะว่า สมมุติทำ Autotune ไว้ที่ GT 60c. ตอนตั้งแรงดันให้แม่นก็ควรทำที่ GT. เดียวกัน และกรองสะอาดดีแล้ว บางทีเราก็พอเดาได้ว่า หม้อเราสกปรกบ้างนิดหน่อย ดูจากผ่ากรองมาดูเจออาการหนักมา เราก็พอเดาได้ว่าหม้อเองก็สกปรกเช่นกัน แต่เราไม่สามารถล้างเองได้หรือไม่คิดจะล้างเปลี่ยนชุดซ่อม และแรงดันมันตกไป เราก็ต้องปรับครับ โดยให้ค่าเฉลี่ยแรงดันที่สวิง ตกอยู่กลางระหว่างแรงดันที่ทำ Autotune ไว้ เช่น 1.10 ใน Autotune ก็ปรับแรงดันที่หม้อแล้วเหล่มองแรงดันที่หน้าโปรแกรม นั่นเองที่ผมอยากให้ซื้อสายจูนแบบ Bluetooth มาใช้ดีกว่าสาย USB เพราะเราเอา Notebook มาวางหน้ารถแล้วปรับหม้อต้มตามเองได้เลย
เอารูปแกน Solenoid ที่อยู่ในหม้อ KME Gold ของสมาชิกมาให้ดูครับ พอถอดล้างแล้วมันก็สะอาดเอี่ยม ดูดรูปมาจากเวบ KME รูปสองนี่น่าสนใจฝุ่นสนิมในหม้อต้ม