ผมก็เคยอยากเปลี่ยนและเคยฟังๆมาบ้าง เอาแค่ที่ตามเข้าใจนะครับ (ข้อมูลผิดถูกอย่างไร วานผู้รู้ช่วยๆกันอีกที ครับ)เครื่องยนต์ 4D56 เป็นเครื่องที่ความจุกระบอกสูบน้อยกว่า เพียง 2500cc แต่มีช่วงชักที่สั้นกว่า จึงทำให้ได้รอบที่จัดจ้านกว่า
เครื่องยนต์ 4M41 เป็นเครื่องที่ความจุกระบอกสูบมากกว่า ทำให้ได้ถึง 3200cc และมีช่วงชักของลูกสูบที่ยาวกว่า ลึกกว่า และได้กำลังมากกว่า แต่อาจจะไม่จัดจ้านเท่า4D56 ของ 2500 cc
***ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้เหมือนว่า 2500 cc เอามาแต่ง ปรับ จูน แล้วเหมือนจะรู้สึกว่าจัดจ้านกว่า ก็ได้
***ในเมือมีข้อจำกัดพวกนั้น จึงมีรายละเอียดเรื่องของการออกแบบเครื่องยนต์ ทั้ง 2รุ่น แตกต่างกันบ้าง และหากสังเกตุให้ดีว่า การออกแบบของอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ต่างกัน วาวล์น้ำจึงมีค่าที่ต่างกัน
***และด้วยประการฉะนี้ ทำไมเขาไม่เอาวาวล์น้ำของรุ่น 3.2 มาใส่ให้2.5 ทั้งที่การเปิดน้ำเร็วกว่า มันก็น่าจะมีเหตุผลของมัน
พอจะจับใจความได้ว่า......การนั่งจับตา จับจ้อง ทดลอง พิสูจน์ หาค่า กำหนด spec นั้น ล้วนมาจากขั้นตอนการ break-in ของเครื่องยนต์ เพื่อหาค่าที่ดีที่สุดของเครื่องยนต์ ที่จะทำงานได้ดี และการขยายตัวของวัสดุ
ตามค่าเคลียแล๊นท์ ที่เผื่อไว้นั้น เบ่งบานขยายตัวเต็มที่ในขณะที่ได้หรือเจออุณหภมิทำงาน เพื่อดำเนินการออกแบบอุปกรณ์ควบคุมกันต่อไป กระบวนการ break-in นี้ทำเช่นเดียวกันกับ engine lap ของเครื่องยนต์ที่ประกอบขึ้นเพื่อการแข่งขัน
เช่นเดียวกัน (ด้วยข้อจำกัดพวกนี้หรือป่าว ที่ไม่แนะนำให้เค้นเครื่องยนต์เมื่อเครื่องเย็น จะทำให้เกิดการสึกหรอสูงมากกว่าเครื่องร้อน)
ในการทำงานของเครืองยนต์ ที่ save ไว้ด้วยวาวล์น่้ำนั้น เพื่อเป็นสัญญานบอกว่าสูงแล้วน่ะ พอเถอะ! แต่หากเราไปเปิดน้ำเข้าไปเพื่อให้น้ำร้อนนั้นออกไปเอาน้ำที่เย็นกว่าเติมไปเพื่อเปลี่ยนอุณหภมิการทำงานของมันให้เย็นลง เพื่อจุดประสงค์จะได้แช่ต่อไป หรือชัดกันต่อ โดยที่ความร้อนไม่สูง แบบนั้นถูกต้องหรือป่าว ผมไม่แน่ใจ(เพราะยังไม่เคยลอง เห็นเขาทำกันว่าดี แต่พอเข้าใจสาเหตุแล้ว เลยนิ่งไว้ก่อน)
น้ำหนักบรรทุก ภาระload น้ำหนักรถ มากกว่าทำให้การเร่งเครื่องเพื่อฉุดลากนั้นต้องใช้กำลังมากกว่ารถกะบะ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ความร้อนสูงกว่าได้
ดังนั้น....ในมุมมอง ของ BBB! Gang มองว่า หากเราเข้าใจปัญหา เข้าใจการออกแบบ เข้าใจหลักการ จึงเกิดคำถามต่อ
จึงได้คำตอบมาว่า การจะไปแก้เรื่องวาวล์น้ำนั้นเป็นเรื่องที่เห็นผลชัดทางการใช้งานจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมผู้ผลิตถึงไม่แก้ไขตรงนี้เอง ปล่อยให้เป็นปัญหากันทำไม และการออกแบบของเขามันดีอยู่แล้ว แต่พวกเราไปดัดแปลงแต่งเติมจนเกิดความร้อนขึ้นมา หรือใช้งานเกินข้อจำกัดกันเอง ดังนั้นเมื่อรู้ว่าปัญหามาจากไหน ก็ไปแก้ตรงจุดที่เกิดความร้อนกันดีกว่า.........น่าจะตรงโรคมากกว่า
จุดที่เราไปดัดแปลงจนเกิดการสร้างความร้อนมากกว่าปกติ1. เค้นค่าแรงดันในระบบคอมมอลเรียล
2. จุดระเบิดรุนแรงมากกว่าปกติ
3. เทอร์โบทำงานรอบจัดกว่าปกติ
4. ใช้งานรอบเครื่องยนต์สูงกว่าปกติ
5. เค้นให้รถรอบจัดกว่าปกติ บูสมาไว กับน้ำหนักรถที่มาก ย่อมเป็นการเค้นอีกทางหนึ่ง
6. น้ำระบายความร้อนไม่ทัน เพราะความร้อนถูกสร้างมากกว่าปกติ
การแก้ไข หรือเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนจากประเด็นข้างบนจากข้อ 1. ลดการจูนดันราง หรือ เปลี่ยนปลายหัวฉีดแทน การปรับแรงดันรางสูงๆ
จากข้อ 2. หาทางระบายไอเสียให้เร็วและสะดวกกว่าปกติ และต้องรองรับการทำงานที่รอบต่ำได้ดีด้วย....เช่นเปลี่ยนท่อไอเสีย
จากข้อ 3. ลดความร้อนจากแรงอัดอากาศได้ด้วยอินเตอร์คูลเลอร์ หรือท่ออลูมิเนียม หรือร่นความยาวท่ออินเตอร์ หรือทำให้ระบบระบายอากาศอินเตอร์ สะดวกมากกว่าเดิม หรือทำความสะอาดครีบอิยเตอร์บ่อยๆ
จากข้อ 4. ลดความร้อนของการเสียดสี ด้วยน้ำมันเครื่องที่เกรดสูงกว่าปกติอีกนิด จะทำให้ลดการเปลี่ยนแปลงของย่านของอุณหภูมิได้
จากข้อ 5. พยายามอย่าเค้นคันเร่ง ในช่วงฉุดลากมากเกินไป ให้รถลอยตัวก่อน จึงค่อยๆส่งออกไป (ถ้าไม่จำเป็น)
จากข้อ 6. ใช้น้ำยาหล่อเย็นที่เกรดสูงขึ้น หรือทำความสะอาดครีบระบายความร้อน หรือเพิ่มความสะดวกในการไหลผ่านของอากาศ (ทดแทนการเปลี่ยนหม้อน้ำ อลูมิเนียม ถ้าไม่เล่นใน step สูงๆ)
7. ดูแลเป่ากรอกอากาศ ลดน้ำหนักบรรทุก อย่าปรับจูนเยอะ แต่งรถใน step บ้านๆ ลดการเค้นการออกตัว
****ข้อมูลเพียงเท่านี้ ก็ยังวิ่งเล่นชายฝั่ง จะมีก็เล่นน้ำชายหาด ให้เปียกหน้าเข้งบ้างก็ยังดี ถ้ามากกว่านี้ ต้องเหมาเรือเพื่อไป ไดหมึกในทะเล กันตามใจ ก็ได้ครับ
เพื่อเป็นข้อมูลยามดึก ก่อนนอน
....เมื่อยนิ้วฉิบ......