มาแล้วครับ... อ่านดูแล้วตกใจมากมาก ทำไมร้านถึงเห็นเรื่องไฟ engine เป็นแค่เรื่องของการยกขั้วแบท เรายกขั้วก็ต่อเมื่อต้องการทดสอบว่าสิ่งที่เราแก้ไขแล้วมันดีขึ้นหรือยัง แต่ทำเพื่อให้ไฟหายไปแบบไม่เห้นปัญหาหรือตามแก้ในจุดที่ทำให้เกิด ผมว่าป๋า BIRD ต้องเหนื่อนกับมันอีกยาวเลย ผมว่ามันแค่ผ่านมาที่ step ของการเอาระบบน้ำมันกลับคืนมาให้ดีเหมือนเดิมเท่านั้น มันยังไม่จบลงแบบขับปรกติได้เหมือนที่ควรจะเป็น
ตอนนี้เราก็พบกับปัญหาใหม่ระบบน้ำมันเรียบร้อยดี หากทำการวิ่งด้วยน้ำมัน แต่ระบบแก็สยังต้องตามหาเหตุให้ได้ต่อไป เรากำลังจะเป็นรถทดสอบอีกแล้ว ผมขอกลับไปที่กล่าวมาก่อนหน้านิดนะครับ อยากแนะให้แยกออกเป็น 2 Sections ก่อนในการปรับจูนใช้งาน
1.. ปรับจูนทุกอย่างตามระบบของ Ecu เขาแบบ ไม่ไปเกี่ยวข้องกับนระบบ OBD Adaptive หากเกี่ยวข้องก็แค่สำหรับการอ่านค่าเท่านั้น ให้มีการจูนแบบ ระบบที่ไม่มี OBD ก่อน แล้วทำให้สมบูรณ์ แบบว่าไม่เจอไฟ Engine อีกเลย จะจูนแบบไหนไหนก็ตาม ก็ทำให้เหมือนรถแก็สทั่วไป ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับน้ำมันอย่างน้อยก็ใกล้เคียง พอตัดไประบบน้ำมันก็ต้องได้การวิ่งที่เหมือนรถน้ำมันทั่วไปในรุ่นเดียวกัน และควรใช้งานระบบแก็สแบบ None Obd Self Tuning ให้เหมือนกับระบบน้องลงมาคือ None Obd แบบสมบูรณ์ ไม่มีไฟ Engine และหากดูค่า Trims น้ำมันจาก Obd Reader ในโปรแกรมของเขาแล้ว ไม่ต่างจากน้ำมันมากนัก คืออยู่ในขั้นยอมรับกันได้ทั่วไปชองระบบรถวิ่งแก็สส่วนใหญ่
2.. หากข้อ1 ผ่านการวิ่งมาด้วยดี แบบ 5000 Km. แล้วออกมา Ok. ดี ถึงจะยอมรับให้มีการปรับจูนแบบมี OBD ที่คอยช่วยเหลือในเรื่อง Self Tuning ทำนองนั้น เราจะได้เข้าใจได้ว่า หากมีการใช้ Function อย่างหลังนี้ร่วมด้วยแล้ว รถเรามีอาการอย่างไร และจะได้แยกประเด็นในการเข้าใจไปด้วยว่า เป็นเพราะระบบที่ Added เข้ามาทีหลังจากการจูน Manual หรือไม่ การเจาะโจทย์ของปัญหาที่จะตามมาจะได้เป็นขั้นตอน แบบว่า ยกตัวอย่าง เกิดปัญหาใหม่เมื่อมีการเปิด Function ช่วยเหลือใน Mode ของ OBD Adaptive หากเราแก้ไขในปัญหาในอนาคตแบบนั้นไม่ได้ เราจะได้ทำการ Disable มันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขที่จุดนั้น
พูดแบบสั้นสั้นก็คือ ไม่ควรใช้ Function ของ Obd Adaptive ในช่วงนี้เลย ควรทำอย่างข้างต้นก่อน
--- ความเห็นส่วนตัว อยากพูดให้กำลังใจป๋า Bird แต่ผมบอกได้เลยว่า ผมพูดแบบนั้นไม่ได้เลยในความเห็นของผม ป๋า Bird กำลังเจออะไรที่เหนื่อยอีกรอบ และคราวนี้หากแก้ไม่ตรงจุด เราจะเข้าสู่ Mode อัตราเสี่ยงของการโทรมของเครื่องยนต์ ซึ่งเราอาจจะเอากลับคืนได้ยากหากปล่อยไว้แบบนี้ระยะยาว จึงอากให้ป๋าคำนึงว่า เราจะให้ Versus ทำการปรับให้เราให้ผลออกาแบบไม่มีไฟ Engine อีกที่ Phuket ให้ได้ และหากต้องตัด Function ของ Obd ออกก่อนเพื่อทำตามขั้นตอนข้างบนจะมีประโยชน์ในการสรุปปัญหาเป็นอย่างมากในอนาคตครับ ไฟ Engine ขึ้นแต่ละครั้ง ความโทรมของเคื่องยนต์ไม่สามารถวัดออกมาได้ว่าแค่ไหน แต่มีการสะสมมากเข้าไปเรื่อยเรื่อย อย่าปล่อยไปเพราะยอมรับที่การยกขั้วแบทครับ ต้องขอพูดแบบตรงไปตรงมานะครับ กำลังใจก็ยังมีอยู่ต่อกันครับในส่วนลึกและจริงใจ ------
และอีกเหตุผลที่ผมสะดุดคือ เรื่องที่ทางร้านเอา Au ใส่แทนมาแต่แรกนั้น ผมเดาใจทางร้านว่า เขาคิดว่าเขาปล้ำกับ Ver รุ่นที่ใช้อยู่นี้ได้ยากลำบากกว่าการเอา Au ใส่เข้าไปแทน แต่เขาไปพลาดตรงเรื่อง wiring ก็เลยไปกันใหญ่ คราวนี้เลยต้องปล่อยเลยตามไป ว่ากันที่ดาบข้างหน้าครับ อันนี้ผมคิดเอง .....
เอาเป็นว่าทำการบันทึกลงสมุดเลยดีไหมครับ ว่าเริ่มวิ่งที่ Phuket นี้วันต่อวันดีไหมครับ เหมือนปูมเรือ เพราะเวลาเราจะไปบอกกับช่างก็เอาปูมแก็สนี้ออกมาให้ดูแบบ Diary โหลสากล เลยครับ ผมว่ามันช่วยได้มากทั้งเราและช่างครับ อีกอย่างเมื่อเรามีสมุดบันทึกนี้ หากวันใดเข้าไป Ver สาขาไหนก็ให้เซ้นรับรถเราที่เข้าไป Service แล้วให้บันทึกด้วยว่าทำอะไรลงไปแก้ไขอะไรไป มันจะช่วยได้แน่นอน เราเองจะได้เรียงลำดับอะไรอะไรออกมาถูกในการอะิบายช่างครับ และพยายามทำแบบนี้เสมอนะครับ อยากแนะนำไว้ กดไปน้ำมันวิ่งแทน ทุกครั้งที่ไฟ Engine ขึ้น ส่วนมันจะดับหรือไม่ก็อีกเรื่องครับ แต่ก็ไม่ลืมดูเรื่องความร้อนและอื่นอื่นในเรื่อง ไฟ Engine ที่ขึ้นโดยนอกเหนือจากระบบเผาไหม้ของระบบแก็สด้วยนะครับ เพียงแต่ว่าเราให้ % สูงในเรื่องแก็สมากกว่า
อยากบอกด้วยว่า เป็นห่วงมากมากครับ ให้กำลังใจเสมอครับ และพยายามปะติดปะต่อทุกอย่างท่ป๋า Bird อธิบายมา เพราะเอาสมองคิดตามเท่าที่จะมีประสพการณ์และพอจะเอาวินิจฉัยได้ แบบพอรู้น้อยและรู้บ้างครับ