ขับออกจากร้านมาดูอุณหภูมิความร้อน
แม่เจ้าโว้ยมันลดลงเหลือ 80-81 องศาเอง ก่อนเข้าไปเดินเบาอยู่ที่ 89-90 องศา ตอนเครื่องปกติก่อนที่จะมีอาการก็ยังอยู่ที่ 86-87 องศา วิ่งไม่ได้เร็วมาก 70-80 KM ในเมืองมันขึ้นมาแค่ 82-83องศา มันจะเย็นไปไหนว่ะแต่ๆๆยังก่อนมันยังไม่เจอด่านสะพานภูมิพลอันนี้ของจริงเช้าเจอกัน
พอมาเช้าวันรุ่งขึ้นออกมาจากที่พักไปทำงานพอถึงสะพานภูมิพลทางโล่งๆก็รีบอัดขึ้นทันที 130-140 KM. ไหนดูความร้อนซิ อุแหม่มันขึ้นมาแค่ 84-85 มันจะเย็นไปไหนว่ะเนี่ย เมื่อวานขากลับมามันยังวิ่งไปตั้ง 99-100 องศาโน่น ต่างกันเป็นสิบองศา เดี๋ยวถึงที่ทำงานจอดพักเครื่องแล้วจะได้ดูน้ำหน่อยซิว่าจะเป็นไงบ้าง พอเครื่องเย็นตอนกลางวันเลยมาลองเปิดดูทั้งหม้อน้ำและหม้อพักก็ดูปกติดี ไม่แน่ใจเพราะว่าตอนเย็นต้องไปชัยภูมิเลยต้องเช็คให้ดีๆ ทดสอบลองเอาขวดน้ำมาตัดแล้วคว่ำลงทดสอบไล่อากาศเองดูอีกทีก็ไม่มีฟองอากาศขึ้นมา (นึ่กในใจเห็นสูตรเฮียมันไล่น้ำแบบที่เราไม่เคยเจอแต่มันก็ใช้ได้ดีเลยเจ๋งจริงๆวุ้ยเฮีย) เด๋วได้ทดสอบทางยาวๆตอนเย็นแล้วล่ะ
พอตกเย็นวันศุกร์ 19 มิย.58 ที่ผ่านมา ได้ออกเดินทางไปชัยภูมิ โดยใช้เส้นวงแหวนตะวันออก ลพบุรี ป่าสัก ท่าหลวง ด่านขุนทด ชัยภูมิ ตลอดทางในการวิ่งไม่มีอาการความร้อนให้เห็นอีกเลย อัดทางยาวๆ 140-160 ขึ้นเต็มที่ไม่เกิน 87 องศา (ก่อนหน้านั้น 94-95องศา ความเร็วเท่ากันเส้นทางเดียวกัน)
สรุปว่า สาเหตุจากความร้อนรถผมนั้นเกิดได้มาจาก 2 กรณี คืนกรณีหลัก วาว์ลน้ำชำรุดเปิดไม่สุดหรือไม่ปกติ อันนี้ทำให้มีผลต่างกันเป็น 10 องศา (นี่ถ้าเปลี่ยนไม่ทันเกิดไปเสียกลางทางแย่แน่ๆเลย) ส่วนน้ำยาฟรีปั๊มก็อาจจะมีส่วนบ้างแต่ก็ไม่น่าจะมากเกิน 4-5 องศาแค่นั้น เพราะความร้อนวิ่งขึ้นเร็วเฉพาะตอนที่เร่งเครื่องต่อเนื่องหรือขึ้นที่สูงๆ แต่พอผ่อนแล้วความร้อนลดลงอย่างรวดเร็ว พอถึงรอบเดินเบาก็จะมีความร้อนขึ้นมากว่าเดินอีก 3-5 องศา ดีที่ผมมี มอนสเตอร์เกจ์ไว้ดูอาการก่อนที่จะเกิดมากกว่านี้ เพราะเกจ์ที่อยู่หน้ารถมันไม่ล่ะเอียดเท่าเครื่องพวกนี้ สมารท์เกจ์หรือมอนสเตอร์เกจ์ก็ดี (ตัวหนึ่งไม่กี่พันบาทรถเราราคาตั้งหลายตังค์) ทั้งสองอย่างนี้ช่วยได้จริงๆครับ ถ้าเราหมั่นสังเกตคอยดูเกจ์พวกนี้ดู ถ้าไม่ปกติมันจะแสดงตัวเลขเตือนให้เห็นจริงๆ เราจะได้ตรวจเช็คอาการก่อนที่จะเสียมากไปกว่าที่ควรจะเป็นครับผม