เอาน้องปาดีเซล 4WD ไปติดแก๊สแล้วครับ รูป หน้า 2 สรุปอัตราสิ้นเปลือง หน้า 13

[super.boss 3150]

น้องใหม่เข้ามาหาข้อมูลประกอบการพิจารณาครับ
 

[KengEVO5 (No.521)]

เพิ่งได้มีเวลาสรุปผล  ขอขยายความ

ปัจจุบันวิ่งมาแล้ว 30,000 ก.ม.  ยังไม่มีปัญหาอะไร  ความร้อน  หม้อน้ำ ฯลฯ ปกติดี  

ได้ความแรง แรงมากขึ้น การตอบสนองรอบต้นดีขึ้น  แตะคันเร่งเพียงเล็กน้อย  รถก็พุ่ง  ควันดำน้อยลง   ลองปิดแก๊สวิ่ง  รถอืดลงทันที

จากเดิมที่อัตราสิ้นเปลืองดีเซล อยู่ที่ ก.ม.ละ 4 บาท   เมื่อใช้ดีเซล+LPG เหลือ ก.ม.ละ 2.8 บาท   เท่ากับประหยัดไป ก.ม.ละ 1.2 บาท

ซึ่งตอนนี้วิ่งมาแล้ว 30,000 ก.ม.  เท่ากับประหยัดเงินไป  30,000 X 1.2 บาท  =  36,000 บาท   ถือว่าคุ้มทุนแล้ว   ระยะทางหลัีงจากนี้ คือกำไร

สมมติ หากเครื่องยนต์จะพังตอน 100,000 ก.ม.  ก็เท่ากับ ผมประหยัดเงินไปแล้ว  120,000 บาท   ซึ่งผมรับได้  ผมเอาเงินจำนวนนี้ไปวาง 2J หรือ UZ ได้สบายๆ แถมเงินยังเหลืออีกเกือบแสน



ปล.  แนวความคิดนี้  ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคิดหัวอนุรักษ์นิยมครับ  ใครยังมีความเชื่อแบบเดิมๆ อยู่ เกี่ยวกับดีเซล+LPG    หรือรับไม่ได้กับการเปลี่ยนเครื่อง วางเครื่อง  เชิญผ่านได้เลยครับ

เมื่อวานได้ไปปรึกษาช่างที่รู้จักกัน  เกี่ยวกับการวางเครื่อง  เป็นการศึกษาไว้ล่วงหน้า   ไม่ใช่ช่างกระจอกๆนะ เป็นวิศวกรเลย  

เขาบอกว่า วางเครื่องใหม่ง่ายมาก ไม่ต้องไปวางเครื่องข้ามสายพันธุ์ก็ได้ ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยชอบวางข้ามยี่ห้อ   ไปหาเครื่องยกลง เบนซิน V6 มาวางได้เลย (คิดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า น่าจะมีมาในเชียงกง)   สามารถชนเกียร์เดิมได้   หล่อหัวหมูเกียร์ใหม่สบายมาก   ทีนี้ก็จะได้  V6+LPG  4WD  คันแรกของประเทศไทย......   (ถ้ายังไม่มีใครทำก่อนนะ)

[jeam_9]

  เห็นด้วยอย่างแรง 

[teddyisman]

DDF LPG มันไม่พังง่ายหรอกครับ ถ้าไม่ปล่อยให้น๊อกสนั่น  ผมก็มีแนวคิดเดียวกันกับ KengEVO5 (No.521)  คือถ้าพังมากเกินเยียวยา ก็จะวาง 4G63 แค่ 2.4 ก็พอ ไม่ต้อง V6 3.0 จะออกอืดหน่อยแต่เน้นประหยัด ไม่ได้ไปแข่งกับใคร ปีนเขาก็ไม่ชันมาก   แต่ก็ DDF มาเกือบจะสองแสนโลแล้ว ยังไปต่อได้สบายๆ

[KengEVO5 (No.521)]

DDF LPG มันไม่พังง่ายหรอกครับ ถ้าไม่ปล่อยให้น๊อกสนั่น  ผมก็มีแนวคิดเดียวกันกับ KengEVO5 (No.521)  คือถ้าพังมากเกินเยียวยา ก็จะวาง 4G63 แค่ 2.4 ก็พอ ไม่ต้อง V6 3.0 จะออกอืดหน่อยแต่เน้นประหยัด ไม่ได้ไปแข่งกับใคร ปีนเขาก็ไม่ชันมาก   แต่ก็ DDF มาเกือบจะสองแสนโลแล้ว ยังไปต่อได้สบายๆ

ตอนนี้ของผมก็จะ 50,000 โล แล้วครับ   ยังไม่มีอะไรปกติ  วิ่งได้ปกติ  ปลายไหล 180 กม./ชม.ได้อยู่  อัตราเร่งก็ดุดันเหมือนเดิม    ดูแลน้ำหล่อเย็นให้ดี   เท่านั้นเองครับ  

[TUMMPK]

ผมไปติดกับอาจารย์ต้น Thai Triton มาครับ ตอนนี้ได้อยู่ประมาณ 12.7 โล/ลิตร LPG ประมาณ 21 โล/ลิตร ครับผม...ว่าจะไปจูนให้ประหยัดขึ้นอีกสักหน่อย   

[1kob1]

ผมไปติดกับอาจารย์ต้น Thai Triton มาครับ ตอนนี้ได้อยู่ประมาณ 12.7 โล/ลิตร LPG ประมาณ 21 โล/ลิตร ครับผม...ว่าจะไปจูนให้ประหยัดขึ้นอีกสักหน่อย   

ไปติกกับ อ.ตัน แบบไหนคับมิกเซอรืหรือหัวฉีด ขอคำชี้แนะด้วย..

[Cherdkiet]

 

พี่เก่งครับ  ของผมจากโซฮอล 95 ตกกิโลละ 5.3 บาท พอมาเป็นแก้สเหลือโลละ 2 บาท
ตอนนี้วิ่งแก้สมาแล้ว 65,000 กิโล ประหยัดไปแล้ว 214,xxx บาท
แต่พี่!!!!!!!!!   ผมไม่เห็นเหลือเงินเลย


         

เพิ่งได้มีเวลาสรุปผล  ขอขยายความ

ปัจจุบันวิ่งมาแล้ว 30,000 ก.ม.  ยังไม่มีปัญหาอะไร  ความร้อน  หม้อน้ำ ฯลฯ ปกติดี  

ได้ความแรง แรงมากขึ้น การตอบสนองรอบต้นดีขึ้น  แตะคันเร่งเพียงเล็กน้อย  รถก็พุ่ง  ควันดำน้อยลง   ลองปิดแก๊สวิ่ง  รถอืดลงทันที

จากเดิมที่อัตราสิ้นเปลืองดีเซล อยู่ที่ ก.ม.ละ 4 บาท   เมื่อใช้ดีเซล+LPG เหลือ ก.ม.ละ 2.8 บาท   เท่ากับประหยัดไป ก.ม.ละ 1.2 บาท

ซึ่งตอนนี้วิ่งมาแล้ว 30,000 ก.ม.  เท่ากับประหยัดเงินไป  30,000 X 1.2 บาท  =  36,000 บาท   ถือว่าคุ้มทุนแล้ว   ระยะทางหลัีงจากนี้ คือกำไร

สมมติ หากเครื่องยนต์จะพังตอน 100,000 ก.ม.  ก็เท่ากับ ผมประหยัดเงินไปแล้ว  120,000 บาท   ซึ่งผมรับได้  ผมเอาเงินจำนวนนี้ไปวาง 2J หรือ UZ ได้สบายๆ แถมเงินยังเหลืออีกเกือบแสน



ปล.  แนวความคิดนี้  ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคิดหัวอนุรักษ์นิยมครับ  ใครยังมีความเชื่อแบบเดิมๆ อยู่ เกี่ยวกับดีเซล+LPG    หรือรับไม่ได้กับการเปลี่ยนเครื่อง วางเครื่อง  เชิญผ่านได้เลยครับ

เมื่อวานได้ไปปรึกษาช่างที่รู้จักกัน  เกี่ยวกับการวางเครื่อง  เป็นการศึกษาไว้ล่วงหน้า   ไม่ใช่ช่างกระจอกๆนะ เป็นวิศวกรเลย  

เขาบอกว่า วางเครื่องใหม่ง่ายมาก ไม่ต้องไปวางเครื่องข้ามสายพันธุ์ก็ได้ ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยชอบวางข้ามยี่ห้อ   ไปหาเครื่องยกลง เบนซิน V6 มาวางได้เลย (คิดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า น่าจะมีมาในเชียงกง)   สามารถชนเกียร์เดิมได้   หล่อหัวหมูเกียร์ใหม่สบายมาก   ทีนี้ก็จะได้  V6+LPG  4WD  คันแรกของประเทศไทย......   (ถ้ายังไม่มีใครทำก่อนนะ)

[AIR3500]

 

 

พี่เก่งครับ  ของผมจากโซฮอล 95 ตกกิโลละ 5.3 บาท พอมาเป็นแก้สเหลือโลละ 2 บาท
ตอนนี้วิ่งแก้สมาแล้ว 65,000 กิโล ประหยัดไปแล้ว 214,xxx บาท
แต่พี่!!!!!!!!!   ผมไม่เห็นเหลือเงินเลย


         

เพิ่งได้มีเวลาสรุปผล  ขอขยายความ

ปัจจุบันวิ่งมาแล้ว 30,000 ก.ม.  ยังไม่มีปัญหาอะไร  ความร้อน  หม้อน้ำ ฯลฯ ปกติดี  

ได้ความแรง แรงมากขึ้น การตอบสนองรอบต้นดีขึ้น  แตะคันเร่งเพียงเล็กน้อย  รถก็พุ่ง  ควันดำน้อยลง   ลองปิดแก๊สวิ่ง  รถอืดลงทันที

จากเดิมที่อัตราสิ้นเปลืองดีเซล อยู่ที่ ก.ม.ละ 4 บาท   เมื่อใช้ดีเซล+LPG เหลือ ก.ม.ละ 2.8 บาท   เท่ากับประหยัดไป ก.ม.ละ 1.2 บาท

ซึ่งตอนนี้วิ่งมาแล้ว 30,000 ก.ม.  เท่ากับประหยัดเงินไป  30,000 X 1.2 บาท  =  36,000 บาท   ถือว่าคุ้มทุนแล้ว   ระยะทางหลัีงจากนี้ คือกำไร

สมมติ หากเครื่องยนต์จะพังตอน 100,000 ก.ม.  ก็เท่ากับ ผมประหยัดเงินไปแล้ว  120,000 บาท   ซึ่งผมรับได้  ผมเอาเงินจำนวนนี้ไปวาง 2J หรือ UZ ได้สบายๆ แถมเงินยังเหลืออีกเกือบแสน



ปล.  แนวความคิดนี้  ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคิดหัวอนุรักษ์นิยมครับ  ใครยังมีความเชื่อแบบเดิมๆ อยู่ เกี่ยวกับดีเซล+LPG    หรือรับไม่ได้กับการเปลี่ยนเครื่อง วางเครื่อง  เชิญผ่านได้เลยครับ

เมื่อวานได้ไปปรึกษาช่างที่รู้จักกัน  เกี่ยวกับการวางเครื่อง  เป็นการศึกษาไว้ล่วงหน้า   ไม่ใช่ช่างกระจอกๆนะ เป็นวิศวกรเลย  

เขาบอกว่า วางเครื่องใหม่ง่ายมาก ไม่ต้องไปวางเครื่องข้ามสายพันธุ์ก็ได้ ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยชอบวางข้ามยี่ห้อ   ไปหาเครื่องยกลง เบนซิน V6 มาวางได้เลย (คิดว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า น่าจะมีมาในเชียงกง)   สามารถชนเกียร์เดิมได้   หล่อหัวหมูเกียร์ใหม่สบายมาก   ทีนี้ก็จะได้  V6+LPG  4WD  คันแรกของประเทศไทย......   (ถ้ายังไม่มีใครทำก่อนนะ)

[johny]

รถที่บ้านผม ปา 4wd ปี 2012 ดีเซล ติดlpg ของac ได้ ปีกว่าๆครับวิ่งได้ตอนนี้ 3 หมื่นกว่ากิโลแล้วครับ วิ่งทางไกลชอบมากๆ ล่าสุดไปจูนลงซอฟแวร์ตัวใหม่ วิ่งไปกลับเขาใหญ่ - บึงกาฬ 1,4xx กิโล เฉลี่ย ใช้ดีเซล 1.8 บาท/กิโล + lpg 0.53 บาท/กิโล  = 2.33 บาท / กิโล  วิ่ง 100-130 ตลอด ครับ  อันนี้เป็นแนวทางเผื่อสมาชิกท่านใดหาข้อมูลอยู่ครับ