Languages
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คำตอบว่าทำไม น้ำมันเครื่องถึงดำ เห็นถามกันเยอะ "ดำดี - ขาวพัง"  (อ่าน 20024 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
GUNT@NERY
Hero Member
*****

like: 306
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4939


อีเมล์
« ตอบ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 09:13:51 am »

หมั่นไส้จริงๆเลย โดนสักlikeดีมั๊ยเนี่ย  Angry Cheesy Wink
ขอบคุณครับป๋ากิตติ 
และขอบคุณทุกท่านครับ
บันทึกการเข้า
patomtanakul No.1073
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 56


ปาน้ำตาล...หวานเจี๊ยบ..ID.1073


อีเมล์
« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2012, 04:19:13 pm »

ขอบคุณมากครับป๋า..กำลังจะโทรไปต่อว่าศูนย์ซะแล่ว...เมื่อวานเช็คน้ำมันเครื่องเอง...ฉิบแล้วทำไมมันดำปี๋เลยหวา  เพิ่งเช็ค1000โลไปไม่เท่าไหร่เอง  พอดีเจอกระทู้นี้ซะก่อน  สบายใจแล้วล่ะว่าได้ของดี
บันทึกการเข้า
ปุ่น-ภูเก็ต
Hero Member
*****

like: 236
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11544



« ตอบ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2012, 04:23:12 pm »

หมั่นไส้  like like like like ให้เลย ป๋านาย 
บันทึกการเข้า
GUNT@NERY
Hero Member
*****

like: 306
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4939


อีเมล์
« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2012, 01:57:27 pm »

เพิ่มเติมอีกเรื่องน้ำมันเครื่อง เลขตัวหน้ายิ่งต่ำยิ่งดีนะครับ ตัวถัดมาไม่มีประโยชน์สำหรับบานเราหลอกครับ บ้านเราไม่มีอุณหภูมิพีคเหมือนบ้านผู้ดีทั้งหลาย ..... เราจึงใช้เลขหน้าต่ำ ๆ ไว้
จะช่วยช่วงสตาร์ทใหม่ได้ดี  ลดการสึกหรอ และที่สำคัญเลขยิ่งน้อยยิ่งดี (และยิ่งแพงขึ้นด้วยครับ) อิอิ และอย่าไปซีเรียสกับคำว่าสังเคราะห์  กับกึ่งสังเคราะห์ดูที่ตัวเราใช้งานแบบใหนคุ้มค่าที่สุดครับ
ถ้าอยากเห็นฝ่ายต้อนรับบ่อย ๆ หรือมีศูนย์ดี ๆ ให้เข้าแบบผมก้เปลี่ยนบ่อย ๆ ได้ครับ  ของผมหิ้วไปเอง กึ่งสังเคราะห์ก็พอ     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 14, 2012, 03:19:02 pm โดย GUNT@NERY » บันทึกการเข้า
off198
Jr. Member
**

like: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 465


ID No.: 2008 , สมาชิกอัยยยย่ะคันที่ 99 คร้าบบบบ


« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2012, 12:28:05 am »

 like like
บันทึกการเข้า

"เอะอะอะไรๆ ก็หงษ์แดงๆ ทำไมโยมไม่เชียร์อาเซนอล" หลวงพี่เท่ง จำปีไม่ได้

ผมมันเด็กปืนคร้าบบบบบ
teddyisman
Jr. Member
**

like: 19
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 997


« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 04:06:58 pm »

ค่อยโล่งใจหน่อย ออกจากศูนย์ ตรวจดูก็ใสดี
ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ ดำปี่ยังกะน้ำหมึก  นึกว่า
น้ำมันเครื่องไรห่วยจัง  ที่แท้ก็มันล้างคราบมาดี
เหมือนน้ำซักผ้าสกปรก ย่อมดำเป็นธรรมดา
บันทึกการเข้า
GUNT@NERY
Hero Member
*****

like: 306
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4939


อีเมล์
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 04:26:29 pm »

ค่อยโล่งใจหน่อย ออกจากศูนย์ ตรวจดูก็ใสดี
ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ ดำปี่ยังกะน้ำหมึก  นึกว่า
น้ำมันเครื่องไรห่วยจัง  ที่แท้ก็มันล้างคราบมาดี
เหมือนน้ำซักผ้าสกปรก ย่อมดำเป็นธรรมดา
ถั่วต้มแล้วครับ  โดยเฉพาะดีเซลล์  ถ้า 1 อาทิตย์แล้วยังไม่ดำ  สันนิษฐานได้เลยว่าได้น้ำมันเครื่องปลอม หรือหมดอายุมา  ครับ 
บันทึกการเข้า
BigFather
Hero Member
*****

like: 179
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5258


พงษ์ ลำลูกกา บิ๊กปาดำ940

piyapong.ppm@gmail.com
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 04:27:28 pm »

บันทึกการเข้า
leejoe
โจ เทียนทะเล@ปทุมบางคูวัด
Jr. Member
**

like: 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 686



« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 04:53:52 pm »

 like
บันทึกการเข้า

pop
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 17


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 08:36:58 pm »

เพิ่มเติมอีกเรื่องน้ำมันเครื่อง เลขตัวหน้ายิ่งต่ำยิ่งดีนะครับ ตัวถัดมาไม่มีประโยชน์สำหรับบานเราหลอกครับ บ้านเราไม่มีอุณหภูมิพีคเหมือนบ้านผู้ดีทั้งหลาย ..... เราจึงใช้เลขหน้าต่ำ ๆ ไว้
จะช่วยช่วงสตาร์ทใหม่ได้ดี  ลดการสึกหรอ และที่สำคัญเลขยิ่งน้อยยิ่งดี (และยิ่งแพงขึ้นด้วยครับ) อิอิ และอย่าไปซีเรียสกับคำว่าสังเคราะห์  กับกึ่งสังเคราะห์ดูที่ตัวเราใช้งานแบบใหนคุ้มค่าที่สุดครับ
ถ้าอยากเห็นฝ่ายต้อนรับบ่อย ๆ หรือมีศูนย์ดี ๆ ให้เข้าแบบผมก้เปลี่ยนบ่อย ๆ ได้ครับ  ของผมหิ้วไปเอง กึ่งสังเคราะห์ก็พอ    
ที่ตัวหนังสือสีฟ้าใช่หรือครับ คือผมไม่แน่ใจเลยก๊อปของล่างมาให้ดูนะครับ
ผิดถูกอย่างไรก็อภัยให้น้องด้วยนะครับ

 เลือกจากเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่อง
ความหนืดของน้ำมันเครื่องจะเกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นเคลือบและการไหลเวียนของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเกรดความหนืดคืออัตราการไหลของปริมาณต่อขนาดและความยาวของรู ต่อหน่วยเวลา ณ อุณหภูมิหนึ่ง ยกตัวอย่าง
เช่น น้ำมัน 60 ซี.ซี ไหลผ่านรูขนาด 12.25 มิลลิเมตร ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส
ส่วนหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการวัดเกรดความหนืดก็คือ สมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) โดยเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องจะแสดงเป็นเป็นอักษรย่อ SAEแล้วตามด้วยเกรดความหนืดเป็นตัวเลขเช่น 5, 10, 15, 30, 40และ 50เป็นต้น
โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็จะสูงตามไปด้วยเช่น SAE 10W-50จะมีความหนืดมากกว่า SAE 5W-40
ซึ่งการวัดเกรดความหนืดจะแบ่งเป็นการวัดที่ 2 อุณหภูมิที่แตกต่างกัน
1. วัดที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะตามด้วยอักษร W (WINTER) เช่น 5W, 10W
2. วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะเป็นตัวเลขอย่างเดียวเช่น 30, 40, 50

การเลือกน้ำมันในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศร้อนให้ดูที่ตัวเลขตัวหลังสุดที่ไม่มีตัวอักษรนำหน้าอย่างเดียวก็พอ
เพราะประเทศไทยไม่มีอุณหภูมิติดลบจึงไม่มีความจำเป็นต้องดูตัวเลขที่มีตัวอักษร W ตามหลัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 14, 2012, 08:41:00 pm โดย pop » บันทึกการเข้า
Joe ผู้ชาย*รสส้ม*
PJS.Thai.ID.017
Hero Member
*****

like: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2629


ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา


« ตอบ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 10:58:57 pm »

 ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม
บันทึกการเข้า

...จะไปเอาอะไรมากมาย..กับผู้ชาย*รสส้ม*...
GUNT@NERY
Hero Member
*****

like: 306
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4939


อีเมล์
« ตอบ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2012, 09:43:44 am »

เพิ่มเติมอีกเรื่องน้ำมันเครื่อง เลขตัวหน้ายิ่งต่ำยิ่งดีนะครับ ตัวถัดมาไม่มีประโยชน์สำหรับบานเราหลอกครับ บ้านเราไม่มีอุณหภูมิพีคเหมือนบ้านผู้ดีทั้งหลาย ..... เราจึงใช้เลขหน้าต่ำ ๆ ไว้
จะช่วยช่วงสตาร์ทใหม่ได้ดี  ลดการสึกหรอ และที่สำคัญเลขยิ่งน้อยยิ่งดี (และยิ่งแพงขึ้นด้วยครับ) อิอิ และอย่าไปซีเรียสกับคำว่าสังเคราะห์  กับกึ่งสังเคราะห์ดูที่ตัวเราใช้งานแบบใหนคุ้มค่าที่สุดครับ
ถ้าอยากเห็นฝ่ายต้อนรับบ่อย ๆ หรือมีศูนย์ดี ๆ ให้เข้าแบบผมก้เปลี่ยนบ่อย ๆ ได้ครับ  ของผมหิ้วไปเอง กึ่งสังเคราะห์ก็พอ    
ที่ตัวหนังสือสีฟ้าใช่หรือครับ คือผมไม่แน่ใจเลยก๊อปของล่างมาให้ดูนะครับ
ผิดถูกอย่างไรก็อภัยให้น้องด้วยนะครับ

 เลือกจากเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่อง
ความหนืดของน้ำมันเครื่องจะเกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นเคลือบและการไหลเวียนของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเกรดความหนืดคืออัตราการไหลของปริมาณต่อขนาดและความยาวของรู ต่อหน่วยเวลา ณ อุณหภูมิหนึ่ง ยกตัวอย่าง
เช่น น้ำมัน 60 ซี.ซี ไหลผ่านรูขนาด 12.25 มิลลิเมตร ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส
ส่วนหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการวัดเกรดความหนืดก็คือ สมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) โดยเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องจะแสดงเป็นเป็นอักษรย่อ SAEแล้วตามด้วยเกรดความหนืดเป็นตัวเลขเช่น 5, 10, 15, 30, 40และ 50เป็นต้น
โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็จะสูงตามไปด้วยเช่น SAE 10W-50จะมีความหนืดมากกว่า SAE 5W-40
ซึ่งการวัดเกรดความหนืดจะแบ่งเป็นการวัดที่ 2 อุณหภูมิที่แตกต่างกัน
1. วัดที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะตามด้วยอักษร W (WINTER) เช่น 5W, 10W
2. วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะเป็นตัวเลขอย่างเดียวเช่น 30, 40, 50

การเลือกน้ำมันในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศร้อนให้ดูที่ตัวเลขตัวหลังสุดที่ไม่มีตัวอักษรนำหน้าอย่างเดียวก็พอ
เพราะประเทศไทยไม่มีอุณหภูมิติดลบจึงไม่มีความจำเป็นต้องดูตัวเลขที่มีตัวอักษร W ตามหลัง

    พอดีผมเอาแบบเข้าใจง่ายครับ  ถ้าเลขตัวหน้าสูง ๆ จะเหมาะกับรถที่มีแรงขับสูง ๆ บรรทุกหนัก ๆ เพราะมีความหนืดสูงครับ  (เช่นรถบรรทุกผัก ผลไม้  บรรทุกข้าว บรรทุกเป็นตัน ๆ ประมาณนี้ครับ) จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานรถเหล่านี้จึงจำเป็นต้องใช้ตัวเลขสูงครับ  
     ส่วนเลขต่ำ ๆ ผมคำนึงถึงแต่น้องปาครับ  พอดีรอบจัด + ต้องการความเร็ว เหมาะกับการใช้งานปกติอย่างเรา ๆ ไม่ได้บรรทุกหนักหนาอะไร + คนเข้าไปไม่กี่คน ที่ดีที่สุดคือต่ำ ๆ ครับ เพราะความหนืดน้อย  
ก็คล่องตัวกว่า แต่เราเปลี่ยนตามรอบอยู่แล้วไม่มีปัญหาเพราะส่วนมากจะเปลี่ยนกันอยู่แล้ว  
    ส่วนเลขตัวหลังเขาออกแบบมาสัมพันธ์กับเลขตัวหน้าอยู่แล้ว จึงทนกับอุณหภูมิใช้งานอยู่แล้วครับ และก็ไม่ต้องไปเผื่ออุณหภูมิให้มากเกินความจำเป็นครับ  
    ผมเอามาจากช่างนะครับ  เพราะเป็นคนชอบวุ่นวายกับช่างเวลาทำอะไร  พี่ชายก็มีอู่ขนาดใหญ่ด้วย (ผ่านไปเชียงรายใช้บริการได้นะครับ) ประสบการณ์จึงเกิดจากมนุษยสัมพันธ์และความซนครับ  ทางวิชาการก็ว่ากันไปครับ  แต่ก็คงไม่เกินนี้ครับ  เพราะผมอธิบายตามที่เข้าใจและผู้อ่านจะได้เข้าใจง่าย ๆ
    สรุป คือ ใช้งานแบบหนัก ๆ เน้นบรรทุก หรือรถบรรทุก ท่านก็จัดเลขหน้าสูง ๆ ไป  และถูกด้วย ซึ่งอย่างเรา ๆ ไม่มีความรู้ ก็ไม่ต้องไปซีเรียสเรื่องอุณหภูมิมากไปครับ เพราะที่นำเข้ามาขายหรือผลิตที่ผมเห็นอยู่ก็เหมาะกับบ้านเมืองอันแสนอบอุ่นของเราอยู่แล้ว
               ส่วนใช้งานเบา ๆ ในชีวิตประจำวัน  อยากเหยียบแบบมัน ๆ รื่น ๆ ก็จัดเลขหน้าต่ำ ๆ ครับผม สาเหตุที่แพงก็มาจากสารทดแทนความหนืดเพื่อลดการสึกหรอนี่แหลครับ เพราะน้ำมันเครื่องได้ถูกลดความหนืดลงไป 
               ดังนั้น  จึงควรเลือกตามลักษณะของการใช้งาน  และต้องขออภัยที่บรรยายเพิ่มเติมไม่ละเอียด  ตามที่ป๋าบอกข้อมูลมานั้นถูกต้องตามหลักวิชาการแล้วครับ  เพราะคำว่าใช้ดีจะต่างกันไปตามลักษณะของการใช้งาน ถ้ารถบรรทุกมาใช้แบบความหนืดน้อยก็พังแน่ ๆ ครับ      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 15, 2012, 09:54:09 am โดย GUNT@NERY » บันทึกการเข้า
king ather
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 26


อีเมล์
« ตอบ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2012, 04:16:23 pm »

...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 16, 2012, 04:18:39 pm โดย king ather » บันทึกการเข้า
GUNT@NERY
Hero Member
*****

like: 306
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4939


อีเมล์
« ตอบ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2012, 05:31:27 pm »

...
..... แบบนี้ถึงครูอังคณาแน่ ......
บันทึกการเข้า
pajerosportphitlok
Jr. Member
**

like: 15
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 501


« ตอบ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2012, 05:34:47 pm »

เป็นบทความที่ดีครับ ว่าแต่อีกกระทู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำมันเครื่องเกี่ยวกันไหม?
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 21 คำสั่ง