ลงเขาฝนตก เข้าโค้งท้ายปัดจะตกเขา หักกลับมาตกคูข้างเขาแล้วลอยหมุนคว้างตะแคงด้านคนขับครูดไปกับถนน ไหล่กับหัวเป็นรอยไหม้เพราะความร้อน บทเรียนราคาแพง ซ่อมไปเกือบสองแสนไม่มีประกัน ดีที่เอาชีวิตรอดกลับมาได้ เพราะคาดเข็มขัดนิรภัยแท้ๆ เดี๋ยวนี้เลิกซ่า เลิกซิ่ง ง่วงก็จอดนอน ฝนตกก็ไปเรื่อยๆ มีสติ ไม่ประมาท บุญรักษาครับทุกท่าน Satu
สมัยก่อนรถเก๋งก็ขับหลังก็เกิดอาการท้ายปัด แก้การเข้าโค้งท้ายปัดจึงมาทำเป็นขับเคลื่อนล้อหน้าแทน เวลาเร่งเครื่องออกตัวถ้าเป็นขับหลังล้อหมุนฟรีจะทำให้ท้ายปัดทันที
ถ้าเป็นขับหน้าล้อหมุนฟรีแต่ก็ไม่ปัดมาก และอยู่ด้านหน้าเราก็สามารถจะควบคุมรถได้ ส่วนรถปิ๊กอัปจะทำขับหน้าอย่างเดียวกับรถเก๋งไม่ได้ถ้าจะทำคงต้องใช่เพลาใหญ่มาก
เพราะน้ำหนักบรรทุก จึงต้องใช้ขับหลังเท่านั้น จึงเพื่มขับหน้าขึ้นมาช่วยจึงมีขับสี่ แต่ในเมืองไทยก็บอกว่าไม่จำเป็นและราคาแพงก็เอาขับสองก็พอ ในเมืองนอกที่มีหิมะฝนตก
ถนนลื่นรถเก๋งยังใช้ขับเคลื่อนสี่ล้อ ขอเสริมข้อมูลนิดนะครับ ไม่ได้โต้แย้งแต่ประการใด
แต่เหตุผลที่ รถเก๋งสมัยใหม่ เปลี่ยนมาเป็นขับหน้า ไม่ได้เพื่อแก้อาการท้ายปัดนะครับ เป็นการลดต้นทุนการผลิตครับ ตัดชิ้นส่วนเพลากลางออกไป และพื้นรถด้านท้ายจะเรียบ ไม่มีอุโมงเพลา เป็นการเพิ่มพื้นที่การใช้สอยภายใน
ส่วนรถปิ๊กอัพ ทำขับหน้าไม่ได้ เพราะบรรทุกหนักแล้วหน้าลอย ล้อหน้าจะไม่ตะกุยถนน และระบบเพลาลอย มีความแข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดีกว่า แต่ก็มีปิ๊กอัพพันธุ์ผสมบางจำพวกที่ทำขับหน้า เช่น NV เป็นต้น ก็ไม่เน้นบรรทุกหนัก เป็นรถเอนกประสงค์ขนของเล็กๆน้อยๆ
ส่วนรถเก๋งสปอร์ตราคาแพง ระดับลัมโบกีนี่ เฟอรารี่ แฟร์เลดี้ สกายลาย ฯลฯ ก็ยังเน้นขับหลังทั้งนั้นครับ