เรื่องมีอยู่ว่า..เช้าวันหนึ่งผมควบน้องปาเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปทำงานตามปกติ ใกล้จะถึงที่ทำงานอยู่แล้วครับ ช่วงนั้นกำลังตามหลังรถกระบะคันหนึ่งประมาณ 2 ช่วงตัว
ทันใดนั้น ลูกหินเจ้ากรรม คาดว่าจะกระเด็นจากล้อรถกระบะคันหน้า เข้ามาหากระจกบานหน้าน้องปาเข้าเต็มๆ เสียงดัง แป๊ก!!!! ผมคิดว่าคงเป็นลูกหินแน่ๆ
ช่วงที่ขับอยู่นั้นผมก็พยายามหาตำแหน่งของการถูกกระทบ ก็ไม่เห็นมี และก็ไม่คิดว่ามันจะแตกร้าวได้ ถึงที่ทำงานผมก็ทำงานตามปกติ แต่พอถึงช่วงเที่ยง เข้ามาในรถเพื่อจะขับไปกินข้าว
หัวใจแทบสลายลยครับ มันร้าวขึ้นมาเกือครึ่งบาน ตอนนั้นผมออกน้องปาได้มาแค่ 6 วัน.... 6 วันเท่านั้น ยังไม่ถึง 1 อาทิตย์เลยครับ วันนั้นผมก็เลยตัดสินใจโทรหาเซลล์เพื่อประสานเรื่องการเคลมประกัน
ผม : น้อง....พี่งานเข้าแล้ว กระจกบานหน้ามันร้าว ถูกลูกหินกระเด็นมา
เซลล์ : ไม่เป็นไรพี่ พี่เอารถเข้ามาทำเรื่องเคลมได้เลย
ผม : ถ้าทำเรื่องเคลมเสร็จแล้ว ติดได้เลยในวันเดียวกันหรือเปล่า??
เซลล์ : ต้องทำเรื่องก่อน แล้วรอทางกรุงเทพฯ อนุมัติกลับมาครับ กินเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ (ประกันแถมมาจากศูนย์น่ะครับ ขอไม่บอกหล่ะกันครับว่า บริษัทอะไร)
ผม : คิดในใจ "ก็กระจกมันร้าว เห็นกันชัดเจน ต้องรออะไรนานขนาดนั้น" ....โอเค แล้ววันไหนว่างพี่จะเอารถมาที่ศูนย์นะ...
ตัดสินใจโทรหาผู้จัดการศูนย์>>> ก็ได้คำตอบเดียวกัน
3 วันผ่านไป ผมก็เอารถไปที่ศูนย์ เพราะยังงัยก็ไปเช็ค 1,000 กิโลอยู่แล้ว พอไปถึงก็เข้าไปคุยกับเซลล์เพื่อทำเรื่องเคลม เซลล์ดันบอกมาว่า "ผจก.ไม่อยู่ วันนี้คงทำเรื่องเคลมไม่ได้ครับ พี่ต้องมาวันจันทร์"
เฮ่อ...เอาเข้าแล้วสิ ผจก.ไม่อยู่ ทำเรื่องเคลมไม่ได้?
มันเป็นเรื่องขั้นเทพหรืองัยถึงต้องให้ระดับผจก.ศูนย์มาทำเรื่องเคลมให้ ผมเริ่มเซงๆแล้ว เพราะผมคงไม่มีเวลาว่างมาที่ศูนย์วันเว้นวันหรอกครับ วันหยุดก็มีอยู่แค่ 2 วัน คือ เสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้วันนี้ ก็คงต้องรออาทิตย์หน้า อีกอย่าง บ้านกับศูนย์ห่างกัน 80 กิโล ถ้ามาแล้วได้เรื่องก็โอเค แต่ถ้ามาแล้วสูญเปล่า เสียเวลา เสียค่าน้ำมัน มันก็คงไม่ไหว
หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้ติดต่อเรื่องเคลมกระจกอีกเลย เพราะบอกตามตรงว่ามันเซงในจิตแล้วครับ ก็ใช้น้อปาแบบร้าวๆกันไป อีกอย่างรอยร้าวมันหยุดแล้ว มันยังไม่ลามไปไกล แต่ด้วยความเบื่อที่ต้องตอบคำถาม ผู้คนที่มาถามว่า "อ๊าว..กระจกร้าวซะแล้วไปโดนอะไรมา" หรือ "รถเพิ่งป้ายแดง กระจกร้าวซะแล้ว ไปโดนอะไรมาหรอ" หรือเวลาที่ขับรถตามหลังกระบะที่มีคนในกระบะเยอะ เค้าชอบชี้มาที่กระจกรถผม แล้วคุยกันมันเสียความรู้สึกน่ะครับ ก็ได้รุ่นพี่มัธยม จาก MU-7 Club (คนเดิมที่ให้แผ่นอุดมา) แนะนำร้านติดกระจกให้ รับเคลมประกันชั้น 1 ด้วย แต่อยู่ตั้งไกล หาดใหญ่นู้นแนะ (ผมอยู่นราธิวาสครับ) ก็ไกลเกือบ 200 กิโล หลังจากเสร็จจากอุด EGR วันนี้..(กระจกร้าว คือ ภาคต่อของการอุด EGR ครับ อิอิ) ผมเลยตัดสินใจโทรหาร้านกระจกที่ว่าครับ..ได้เรื่องแล้วว่า ประกันที่ผมได้มาเป็นของแถมจากศูนย์ เค้ารับเคลมให้ครับ ประกอบกับของมีอยู่แล้วในร้าน ผมก็เลยหันไปบอกผบ.ว่า ได้เรื่องการเคลมกระจกแล้ว เป็นที่ใหม่ ที่หาดใหญ่
ผม : ม๊า ได้เรื่องแล้ว เรื่องกระจกน่ะ เราไปเคลมที่หาดใหญ่กันเถอะ โทรคุยกับที่ร้านแล้ว เค้ารับเคลม แถมของก็มีอยู่แล้ว
ผบ. : แล้วจะไปวันไหนหล่ะ???
ผม : ก็วันเสาร์นี้งัย ถือโอกาสพาลูกๆไปเที่ยวด้วยเลย
ผบ. : วันเสาร์ไม่ว่าง ม๊าอยู่เวรนะ (อยู่เวรที่โรงพยาบาลน่ะครับ)
ผม :
?
ผบ. : ก็ไปวันนี้เลยซิ
ตอนนั้น บ่ายโมงพอดี ผมก็เลยตัดสินใจโทรเข้าร้านกระจกอีกที
ผม: ไม่ทราบว่า ร้านปิดกี่โมงครับ
ร้าน : 5 โมงเย็นค่ะ
ผม : ตอนนี้ผมอยู่นราธิวาสนะครับ ไม่ทราบว่า ถ้าไปถึงทำเรื่องแล้วติดได้เลยมั้ย
ร้าน : พี่ใช้เวลามาถึงหาดใหญ่ กี่ช.ม.ค่ะ
ผม : ก็ซัก 2 ช.ม. ครับ
ร้าน : งั้นก็น่าจะทันค่ะ ถ้าพี่ถึงหลัง 5 โมงแล้ว ถ้าช่างยังไม่กลับ ก็จะทำให้นะค่ะ
หลังจากวางสายไป เท่านั้นหล่ะครับ!!!! ทั้งบ้านกลายเป็นจลาจลย่อยๆเลยครับ ไหนผบ.จะพาลูกคนเล็กไปอาบน้ำ เปลี่ยน Pampers ผมกับลูกชายคนโตก็เตรียมขวดนม น้ำเย็น น้ำร้อน กระเป๋าเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆของลูกสาวคนเล็ก ช่วยกันจัดแจงข้าวของในรถให้เสร็จเรียบร้อย ให้ลูกๆอาบน้ำกัน ส่วนพ่อกับแม่ไม่ต้อง ใช้วิธีการซักแห้งกันไป
ได้ลองคาถามหาอุดกันหล่ะทีนี้ (ด้วยความบังเอิญแท้ๆ) ก็รีบบึ่งไปหาดใหญ่กันทันทีครับ ระหว่างทางของการขับ สังเกตว่ารถมีกำลังแรงขึ้น ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือเปล่า?? ความเร็วอยู่ในช่วง 120-150 km/h(ปกติแล้วถ้ามีลูกๆกับผบ.มาด้วย ผมไม่กล้าขับเร็วหรอกครับ) แต่วันนี้ขอซักวัน แต่ก็ระมัดระวังอย่างดีที่สุด ถ้าถนนไม่โล่งพอ ผมไม่อยากจะกระทืบคันเร่งเรียกม้ามาอาละวาดหรอกครับ
ผมและสมาชิกครอบครัวออกจากบ้านประมาณ บ่ายโมงครึ่ง ถึงหาดใหญ่ บ่าย 3 โมงครึ่ง ครบ 2 ชม.พอดี
ประมวลภาพมาให้ชม ...น้องปาเข้าโรง'บาล
ก่อนไป ถ่ายรูปมาเก็บไว้เป็นขวัญตาของผมเอง เห็นยังครับว่า ร้าวไปเกือบจะกลางบานแล้ว
อีกรูปครับ
ถึงร้าน ทีมงานก็เข้ามางัด มาแงะกันเลย
ขันๆงัดๆแงะๆกันอีกที่
เอามันออกมา!!!!
อย่างที่เห็นครับ เอากระจกออกแล้วก็โบ๋เบ๋เลยน้องปา
กระจกใหม่ มีโลโก็ Mitsubishi..มั่นใจว่าเบิกจากศูนย์มา
5-6 คน รุมกระจกบานเดียว
ติดฟิล์มรอประกบเข้ากับน้องปาแล้ว
เอามาประกบติด แทนบานเดิม
ใกล้เสร็จแล้วครับ...
เสร็จแล้ว..ครับ
ผมลืมที่จะถ่ายรูปตอนเสร็จสมบูรณ์ครับ แต่เอาเป็นว่า ผลงานเป็นที่น่าพึงพอใจ สำหรับผมถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับการเดินทางไกลเพื่อมาติดกระจกใหม่เสร็จภายใน 1 ช.ม. 5 นาที ผมมาถึงที่ร้านเวลา บ่าย 3 โมงครึ่ง แล้วน้องปาได้คิวการทำตอน 4 โมงเย็น งานทุกอย่างเสร็จสิ้นที่เวลา 5 โมงเย็น 5 นาที ทีมงานหลายคนมาก แต่ละคนมีหน้าที่เฉพาะตัว งานเสร็จไว กันเองมากครับ คุยกันเสียงดัง ตามประสาคนใต้จริงใจ
ต้องออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับร้านกระจกรถครับ แต่ด้วยความพอใจแบบนี้ ถ้าผมไม่ยกเครดิตให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องมันก็กระไรอยู่ จึงอยากจะขอบคุณผ่านทางบ้านของเราครับ...
ขอบคุณร้าน "อาณาจักรกระจกโค้งหาดใหญ่ 30 เมตร" สำหรับงานเนียนๆ ทีมงานที่ทำงานกันไม่เครียด หยอกล้อด้วยเสียงดังๆ มีมุขตลกตลอดเวลา ลูกค้าอย่างผมพลอยได้ขำไปด้วย เข้ามาคุยด้วยไม่เครียดดีครับ ขอบคุณรุ่นพี่ใจดี จาก MU-7 Club ที่อนุเคราะห์อะไรหลายๆอย่างรวมทั้งแนะนำร้านกระจกรถยนต์ร้านนี้ด้วย ที่สำคัญทำให้ผมไม่ต้องมาคอยตอบคำถามซ้ำๆซากๆ จากใครต่อใครเวลาที่เค้าเห็นรถกระจกบานหน้าร้าว จนอยากจะออกเสียงตามสายว่า "กระจกรถผมแตกร้าว เพราะมันไปโดนลูกเห็นกระเด็นมา(โว้ย..ยย) ครับ"
เรื่องกระจกบานหน้าร้าว มันเกิดขึ้นหลายวันมาแล้วครับ แต่ด้วยเพราะผมไม่มีเวลาถ่ายรูปแล้วมาระบายให้ป๋าๆได้อ่านกัน ก็เลยเอากระทู้นี้ซะทีเดียวเลย ยาวมากๆ เท่าที่ผมเคยโพสต์กระทู้มาเลย ขอบคุณป๋าๆทุกท่านที่เข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้ครับ
จึงอยากจะฝากไว้เป็นอุทาหรณ์กับป๋าๆทุกท่านว่า อย่าได้ขับจี้ตูดรถคันหน้ามากนักนะครับ อันตรายอาจจะเกิดกับน้องปา และความรู้สึกเราเช่นผมครับ