เป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์เรา สิ่งที่จะรักษาได้ดีวินทีนี้ คือ กำลังใจจากคนที่ท่านรัก และรอบๆข้างท่าน คำเดียวขอรับ " ใจสู้หรือป่าว...." ขอเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังแม่ของป๋า ขอรับ
(
เริ่มต้นอย่างไรดี โรค มะเร็ง เป็นโรคที่มีผลต่อร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนมากเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งแล้วจะมีปฏิกิริยา เริ่มแรกคือความตกใจ ตามด้วยความไม่แน่ใจและหวังว่าสิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเพียงข้อผิดพลาดทางการ แพทย์ ต่อมาจะมีความเศร้าเสียใจและสูญเสียกำลังใจ ผู้ป่วยหลายรายอาจสับสนและต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง และต้องการความช่วยเหลือให้กำลังใจในการสู้กับโรคมะเร็งร้าย ท่านในฐานะเพื่อนหรือผู้ร่วมงานสามารถที่จะช่วยเหลือทั้งสองประการได้
การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ท่าน อาจสามารถค้นหาข้อมูลความรู้ที่เปิดเผยและได้ข้อมูลที่ถูกต้องมากกว่าผู้ ป่วยและสมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วย เนื่องจากต้องใช้เวลาในการดูแลรักษาโรคมะเร็งทั้งการพบแพทย์หลายสาขา การตรวจวินิจฉัยต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งที่ค้นคว้าต้องตรวจสอบว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ หลายครั้งผู้ป่วยมักได้รับข้อมูลว่า "เขาว่ากันว่า" หรือ "เขาบอกกันว่า" ซึ่ง อาจหมายถึงท่านบอกไปเพราะได้อ่านหนังสือแมกกาซีนที่แปลมาโดยมีที่มาไม่ ชัดเจนเชื่อถือไม่ได้ หรือฟังจากผู้อื่นเล่าต่อ ๆ กันมา ข้อมูลเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดพลาด นอกจากนี้การบอกข้อมูลโดยเฉพาะเกี่ยวกับผลลัพธ์ของโรคมะเร็งแก่ผู้ป่วย ควรสงวนไว้ให้แพทย์เป็นผู้บอก ท่านควรให้กำลังใจเพื่อให้ผู้ป่วยมีความเข้มแข็งที่จะต่อสู้กับโรค สนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ หรือแนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เสียโอกาสที่จะรักษาให้หายขาด
ท่านอาจต้องเป็นผู้ที่คอยให้คำปรึกษา รวมถึงการเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ป่วยและญาติ
ผู้ ป่วยบางคนเมื่อทราบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งแล้ว จะเกิดความกังวลในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่อยู่ในวัยที่ต้องมีความรับผิดชอบด้านครอบครัว แล้ว ความรู้สึกหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เช่น ความกังวล ความตึงเครียด ไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น บางครั้งบุคคลในครอบครัวไม่สามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ในระยะแรกได้ ช่วงระยะเวลาดังกล่าวนี้ ท่านในฐานะที่เป็นเพื่อนหรือผู้ที่เป็นที่รักของผู้ป่วยสามารถเป็นผู้ที่ อยู่เป็นเพื่อนหรือดูแลจิตใจในช่วงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ท่านสามารถช่วยให้บรรยากาศซึมเศร้าของผู้ป่วยและครอบครัวดีขึ้นได้
ผู้ ป่วยบางคนพอได้ทราบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งแล้วมีอาการซึมเศร้า เสียใจ หมดหวัง อาการต่างๆ เหล่านี้เช่น เบื่ออาหาร กังวล นอนไม่หลับ เฉื่อยชาก็จะตามมาด้วย ท่านสามารถมีส่วนร่วมในกำลังใจและให้ผู้ป่วยมีความพร้อมที่จะต่อสู้กับโรค มะเร็งได้ ญาติของผู้ป่วยคนหนึ่งเล่าว่า แม่ของเขาไม่คุยกับใครเลย แต่พอเพื่อนคนนี้มาเยี่ยมจะพูดจาสนุกสนาน จิตใจและร่างกายของผู้ป่วยดีขึ้น จิตใจของคนในครอบครัวเขาก็ดีขึ้น บางครั้งก็ต้องโทรไปหาเพื่อนคนนี้ให้มาหาแม่ของเขาบ่อยๆ กรณีเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเพื่อนของผู้ป่วยมีส่วนร่วมสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยผู้ป่วย ที่เป็นเพื่อนของท่านและครอบครัวได้
พูดคุยกับผู้ป่วยอย่างไรดีเป็นความจริงที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งที่ว่า คนที่ใกล้ชิดกับเรามากเท่าใด ก็ยิ่งมีความลำบากใจในการพูดคุยมากเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อท่านทราบว่าเพื่อนของท่านเป็นโรคมะเร็งซึ่งเป็นโรคร้ายแรง
ท่าน อาจแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจแต่ต้องไม่แสดงอาการเด่นชัดว่าเป็นห่วงเกิน พอดีหรือแสดงอาการผิดปกติไปจากเดิมที่เคยแสดงมากเกินไป เช่น ปกติเคยพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อทราบว่าเป็นมะเร็งแล้วก็พูดคุยเคร่งเครียดผิดปกติไม่เหมือนเดิมอาจ ทำให้บรรยากาศแย่ลง ท่าน อาจต้องใช้ความตั้งใจรับฟังผู้ป่วยมากขึ้น เพราะบางครั้งผู้ป่วยอาจพูดซ้ำไปวนมา หรืออารมณ์แปรปรวนบ้าง ท่านควรให้เวลารับฟังสิ่งที่ผู้ป่วยพูด เนื่องจากผู้ป่วยอาจจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากในการดำเนินชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจ
ผู้ ป่วยโรคมะเร็งเป็นผู้ป่วยที่ต้องการกำลังใจในการต่อสู้โรคมะเร็งอย่างต่อ เนื่อง เนื่องจากผู้ป่วยต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ เป็นระยะ เช่นระยะที่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งที่มีจิตใจหดหู่ ระยะที่ต้องรับการรักษาด้วยการผ่าตัด อาจต้องใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลช่วงหนึ่ง ขณะที่รับยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี อาจมีการเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ภายนอกบางอย่างที่สังเกตเห็นได้ และเมื่อโรคมะเร็งลุกลามมากจนผู้ป่วยที่อยู่ระยะสุดท้ายของชีวิต ผู้ป่วยอาจมีความอ่อนเพลีย ความคิดสับสน แต่ละช่วงเวลาผู้ป่วยจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแตกต่างกันไป
ผู้ ป่วยมะเร็งต้องการความเข้าใจ ไม่ใช่ความสงสาร การพูดคุย การเยี่ยมเยือน การปฎิบัติด้วยการสัมผัสด้วยความรักและห่วงใย ย่อมบ่งบอกได้ดีกว่าคำพูดเพียงอย่างเดียว
ข้อแนะนำในการปฎิบัติเมื่อเพื่อนหรือคนรู้จักเป็นโรคมะเร็ง- พูดคุยแต่สิ่งที่ดี ให้กำลังใจอย่างจริงใจต่อผู้ป่วย
- ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้แก่ผู้ป่วย หรือแนะนำให้ผู้ป่วยถามคำถามนั้นจากแพทย์ผู้รักษา
- ไม่แสดงท่าทีต่อการเปลี่ยนแปลงภายนอกของผู้ป่วยอย่างชัดเจนเกินควร
- หลีกเลี่ยงการพูดถึงโรคของผู้ป่วยซ้ำ ๆ
- ให้เวลาแก่ผู้ป่วยโดยรับฟังให้มาก พูดให้น้อย
- ควร ไปเยี่ยมเยือนอย่างสม่ำเสมอและเป็นระยะ การโทรศัพท์หรือเขียนจดหมายอาจช่วยเสริมในกรณีที่ท่านไม่สามารถไปพบผู้ป่วย ได้ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง
- ท่าน อาจช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวผู้ป่วยได้โดยการเยี่ยมหรือช่วยดูแลอยู่กับ ผู้ป่วยเพื่อให้ครอบครัวผู้ป่วยได้ปลีกตัวออกจากผู้ป่วยได้บ้าง
- ช่วย ให้ผู้ป่วยได้มีกิจกรรม ให้เขารู้สึกว่าเขาสามารถทำกิจกรรมและดำเนินชีวิตได้ กิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางด้านครอบครัวหรือเพื่อนสนิท จะทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจและพลังในการ
ดำเนินชีวิตต่อไป- โรค มะเร็งไม่ใช่โรคติดต่อ ผู้ป่วยไม่สามารถถ่ายทอดมะเร็งให้กับเพื่อนหรือผู้ใกล้ชิดได้ ท่านสามารถที่จะใกล้ชิดผู้ป่วยโรคมะเร็งตามปกติ
ผศ.พญ.ธิติยา สิริสิงห
หน่วยมะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล )